วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2555

บ่าวยอดกตัญญู กะสาวภูไท


วันนี้วันเสาร์ เป็นวันหยุดยาวพิเศษของไทย ใครต่อใครก็คงออกท่องเที่ยวกันแทบทั้งนั้น... แต่มันก็ยังเป็นแค่วันเหงาๆ ของฉันอย่างเคย... ในที่ที่ไม่มีใคร... ที่ที่ไม่คุ้นเคย...

มองออก ไปนอกหน้าต่าง... ข้างล่างนั่น มีเด็กๆ กำลังเล่นน้ำอยู่ในสระอย่างสนุกสนาน ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังขึ้นมาถึงห้องของฉันที่ชั้นสอง... สายตาจับจ้องอย่างเลื่อนลอยมิได้มีอารมณ์สนุด้วยเลยแม้แต่น้อย...

บน หลังคาของอาคารข้างๆ กันซึ่งได้รับความเสียหายจากฤทธิ์ของทอร์นาโดเมื่อสามวันก่อน ก็ยังมีการเร่งมือรื้อถอดและมุงกระเบื้องใหม่อย่างขะมักเขม้น แรงงานผิวดำหลายคนทำงานง่วนอยู่เห็นริบๆ มองไกลๆ เห็นตัวเท่ามด มีกะไดลิงพาดอาคารหลายอัน รถกระเช้าและเครื่องยนต์ต่างส่งเสียงทำงานดังกระหึ่มชวนปวดหูอยู่ตลอด เวลา... หาความสงบไม่มี...


ยามนี้ ฉันอยากเดินหนีไปซะให้ไกลๆ จากผู้คนและความอึกทึกเหล่านั้น แต่ว่าจะไปไหนได้ล่ะ?
เมื่อคืนเจ้าตัวเล็กรันงานอยู่ซะเกือบสว่าง... ปล่อยให้สลบไปก่อน ฟื้นเมื่อไหร่ค่อยกินแระกัน...


สายแล้ว... ฉันอาบน้ำแต่งตัวรอก็นานแล้ว... ที่สุดก็ต้องยกเลิกกำหนดการโปรแกรมนอกบ้าน... และฉันก็ฟรี... ว่างๆ เปล่าๆ ไปอีกหนึ่งวัน...ไม่เป็นไร ฉันบอกตัวเองในใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่อยากจำ... เดินตัวปลิวไปหยิบกีตาร์ตัวโปรดมานั่งลูบๆ คลำๆ ... ไม่กล้าดีดให้เกิดเสียงด้วยไม่อยากให้รบกวนการพักผ่อนของตัวเล็กมันในยามนี้


และไม่เป็นไร... ฉันบ่ายหน้าเข้าหางานเขียนตามเคย จะดีกว่า... คิดๆๆ เขียนๆๆ ... ฉันคิดเรื่อยๆ เปื่อยๆ ได้เร็วมาก... เร็วจนเขียนตามความคิดตัวเองแทบไม่ทัน... อยู่ที่ไหน ในท่าใด ทำรัยอยู่... ฉันคิดได้ คิดออกเป็นเรื่องเป็นราว... อมยิ้มกับตัวเองก็ได้... ฉันคิดแต่เรื่องดีๆ และมีความสุข... คราวนี้... ก็ไม่ต้องมัวนั่งร้องไห้แล้วหนา...





หากแต่ยังไง้-ยังไงซะ ก้ออดไม่ได้ที่จะโหยหา...


นาฬิกาของเราทั้งคู่... เวลาตรงกันเป๊ะ... แต่เขาเป็นกลางวัน ฉันเป็นกลางคืน ยามที่เขาหลับฉันตื่น และยามเขาตื่นฉันก็ยังตื่นอยู่ดี... บ้าไปแล้วฉันนี่ก้อ...


รู้ดีว่าตัวเองต้องพักผ่อน... แต่ใจมันสั่งให้ถ่างตารอ ทำไงได้... ฉันเฝ้าอยู่หน้าจอ เปิดหน้าเว็บรอ... ตลอดวัน ตลอดคืน...


ฉันดีใจทุกครั้งที่หน้าจอรันตัวเลขขึ้นมา... พรึ่บๆ บ่งบอกในทันทีที่มีผู้คนในแวดวงส่งข้อความถึงกัน...

หลายต่อหลายครั้ง ที่รันอย่างรวดเร็ว 1 2 3 4 5... จนไปหยุดที่ 16 แน่ะ!... เพี้ยง!... ภาวนาขอให้เป็นเขา... แต่ก็ต้องผิดหวังไปซะทุกที... เฮ้อๆๆๆๆ... เฮ้อ!




และแล้ว ฉันก็สะดุดตาเข้ากับอะไรบางอย่าง... อา... ดอกกุหลาบสีม่วง!


เออแฮะ มันดูสวยแปลกตาดีอ่ะ มันคือรูปโปรไฟล์ของ 'เธอ' คนหนึ่ง... เธอ คนที่ชอบโพสต์รูปภาพสวยๆ พร้อมคำทักทายอย่างมีไมตรี แบบไม่เจาะจง... ฉันไม่รีรอที่จะเขียนส่งกลับไปในทันที... บอกให้เธอรู้ว่า... ฉันชอบดอกไม้ที่อยู่กับต้นมากกว่า แต่ว่าตอนนั้น... ดอกนี้ สะดุดตาจริงๆ... นะ


ถ้าจำไม่ผิดเธอเพิ่งเปลี่ยนภาพจากเด็กสาวคนหนึ่ง ที่หน้าตาดี ผมยาว... สวยน่ารักทีเดียวเชียว



ก่อนหน้านี้เธอเคยโพสต์ในทำนองว่าเพิ่งเสร็จจากการทำงานบ้านและคงเหนื่อยกะมันไม่น้อย... ซึ่งไม่ต่างไปจากฉันเลยซักนิด เพียงแต่ฉันไม่เคยปริปากและไม่เคยว่างโพสต์อะไรเลยตอนอยู่ไทย


และแล้ว... เราก็สื่อสารกันอย่างถูกคอด้วยเรื่องจิปาถะ มีกระเซ้าเย้าแหย่แบบผู้หญิงถึงผู้หญิง... และมีคนบางคนทนไม่ไหวพุ่งแทรกกลาง... ซะงั้น... แต่เราก็ยังโต้ตอบกันไม่ลดละ ไม่เว้นช่องไฟให้หนุ่มๆ แซวเธอได้อีก... ฉันรู้สึกสนุกที่ได้ทำให้ใครบางคน(หลายคน) อิจฉา... ฮ่าๆๆๆๆๆ

ก้อ... แบบว่า... อิจฉาที่ฉันได้รับความสนใจมากกว่า... จากเธอ... อิ อิ


เธอ... แม่สาวน้อยคนขยันและช่างเจรจา... อาห์... สาวภูไท ที่น่ารัก... ของฉัน...

เพื่อนๆ เคยเป็นอย่างฉันบ้างมั้ยนะ? พอได้คุยกะใครซักคนที่ใจตรงกัน คิดอะไรคล้ายๆ กัน ดูเหมือนว่าเวลาผ่านไปเร็วยิ่งนัก...




สี่ทุ่มแล้ว... เจ้าตัวเล็กรับโทรศัพท์จากคุณครู เชิญไปร่วมสนุกที่บ้าน อย่างที่เคยจัดเมื่อปีที่แล้ว... ด้วยว่าวันนี้ เป็นวัน Easter ผู้คนจะจัดกิจกรรมพิเศษในครอบครัวโดยใช้ไข่จำนวนมาก ตกแต่งด้วยสีสันสดใส... เชิญบรรดาเพื่อนฝูงแลญาติใกล้ชิดมาแจมด้วย...


ปีนี้ ครูไม่ค่อยพร้อมเท่าไรนัก เพราะโดนหางเลขจากทอร์นาโดไปหมาดๆ... สภาพในบ้านยังไม่เรียบร้อย... แต่ที่สุดแล้วก็อดไม่ได้ และส่งคำเชิญมาซะจนดึก ช่ะ...


ฉันบอกขอเวลานอก ยุติการสื่อสารชั่วครู่เพื่อไปธุระนอกบ้าน ถ้าจะคุย... ก็ให้คอย...


ก็ฉันอดเป็นห่วงลูกไม่ได้... เขาเป็นผู้หญิง สวยซะด้วย... ฉันไม่อยากให้ออกไปตามลำพังกลางค่ำกลางคืนเช่นนี้... ต่ะว่า เขาโตแล้วและแข็งแกร่งกว่าฉันเยอะ... ควรต้องเคารพความเป็นส่วนตัวของเขา...จึงได้แค่ออกไปส่งที่รถและอวยพรให้เดินทางไปกลับอย่างปลอดภัย นะลูกนะ แม่จะคอยจ้ะ คนดี.




เมื่อกลับขึ้นห้อง ฉันตรงเข้าครัวเพื่อทำสลัดแซลม่อนกินคนเดียวอย่างเคย... และก่อนที่จะกลับเข้าสู่บทสนทนากับแม่สาวภูไทรายนั้น... ฉันเห็นแว้บๆ ว่ามีใครอีก 1 คน ที่คลิกว่า คอย... ด้วยเช่นกัน...


อ่ะฮ้า... เป็นใครฤา? มาจากไหนและกำลังจะไปไหนล่ะนี่... ดูลึกลับ ซะจริง ช่ะ! ฉันลองคลิกตามไปดูเรื่อยๆ... ด้วยความอยากรู้... ไม่สิ อยากพิสูจน์ต่ะหากเล่า ว่าเป็น "เขา" คนที่ฉันร้องไห้รออยู่เป็นประจำ รึเปล่า? แปลก... แปลกใจ... มาก ถึงมากที่สุด จะเซอร์ไพรส์กันรึงัย? หนอนี่หนอ...



แปลกตามากด้วย ที่ได้เห็นแผ่นหลังเต็มๆ... นี่ก็เป็นอะไรที่ทำให้อดยิ้มไม่ได้เช่นกัน... เหมือนจะล่อให้เข้าไปซบ ซะงั้น...


เหมือนที่ที่ฉันคุ้นเคย... เคยซบอยู่ทุกค่ำคืนและถวิลหาอยู่มิวาย ทุกนาที... ทุกวี่วัน...


แว่บแรก ฉันกระหยิ่มใจ และอยากเรียกให้เขาหันหน้ามามองฉัน ไวๆ...


แค่คิด... ก็ทำให้หัวเราะออกมาได้ แม้น้ำตาจะเอ่อจนแทบล้นทะลักขอบตา...ก็ตามที


ไม่ใช่เลย... ไม่ใช่เขาซะหน่อย... แต่เป็นอีกคน... ฉันทักทาย... แล้วเราก็คุยกันอยู่เป็นครู่ จนได้รู้ว่า...


เพิ่นเป็นผู้บ่าวชาวไทร้อยเอ็ด กะฮังเฮียนปอโตตี้สารคาม อายุอานามซาวเก้าแล้ว... บ่มีเมียที... และก่ะยามนี้ ยังอยากสิดูแลพ่อแม่ผู้แก่เฒ่าให้ดีที่สุดก่อน... ว้าซ่าน เถาะ...


อืมห์ คนๆ นี้ น่ารักจัง จิตใจดี กตัญญูอีกต่ะหาก ซึ่งในสังคมเมืองคงหาคนประมาณนี้ได้ลำบากนักแล้ว...


ฉันสื่อสารกะเขาแค่ไม่กี่ประโยคด้วยความจริงใจและสัมผัสได้ว่าเขาก็จริงใจตอบเช่นกัน ฉันบอกเขาไปตรงๆ ว่าเป็นผู้หญิงวัยชรา... ผมขาว... และบอกให้เขาเรียกฉันว่า ยาย...


ฮ่าๆๆ ... มีหลานเต็ม g+ ไปหมดแระ งานนี้... ฮิ้ววววส์...

เออ นะ... ขณะที่ฉันกะลังคุยกะสาวน้อยร้อยชั่งคนหนึ่งแบบหนุกๆ... ไม่คิดว่าจะมีผู้คนรู้สึกสนุกไปกะเราได้ด้วยหลายคน... ทั้งคนไทยและคนไม่ไทย...

เป็นไปได้งัย? จะบ้าเหรอ... ทีคนที่คิดถึงแทบเป็นแทบตาย... ไปมุด... อยู่ไหนน้อ?

จบกัน!  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เมื่ออ่านจบแล้ว เมนต์หน่อยดีมั้ย? อะไรก็ได้ที่อยากให้ฉันได้รับรู้... จากคุณ!