วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

ต้นแบบคู่รักนิรันดร์ของฉัน ตอนที่ 1


* เปลือยชีวิตวัยเด็ก *

ฉันเป็นลูกหลอด (ลูกคนสุดท้องน้องคนสุดท้าย) ในจำนวนพี่น้องท้ังหมดแปดคน พ่อกะแม่มีลูกชายเรียงแถวมาเกิดสี่คนรวดจากนั้นจึงต่อด้วยลูกสาวเรียงมาอีกเป็นชุด ซึ่งแน่นอนว่าท้ายขบวนคือฉันเอง! แม่เคยเล่าว่าตอนคลอดฉัน พ่อถึงกับเบือนหน้าหนีอย่างหมดแรง... พอโตขี้มาหน่อย ด้วยท่าทีขี้อ้อน ไม่ดื้อ ไม่ซน ยิ้มตาหยี ขี้อายและเจ้าน้ำตา พาให้ใครๆ ต่างก็โอ๋ เอาอกเอาใจกันทั้งบ้าน สมญานามของฉัน คือลูกแหง่ เชื่อมั้ยว่าตอนไปโรงเรียนปีแรก (ป.1 จ้าสมัยนู้นยังไม่มีชั้นอนุบาล) ฉันยังไม่หย่านมแม่เลย (อย่าเอ็ดไปสิ... อายจัง!) ก็โรงเรียนอยู่ไกล้ๆ บ้าน พักเที่ยงทีไรฉันเป็นต้องวิ่งตื๋อมาขอกินนมแม่ที่บ้านได้ทุกวัน... ตลกดี แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ ฉันกลับรู้สึกรักและผูกพันกับตายายคู่หนึ่งอย่างแกะไม่ออก ทั้งๆ ที่เราต่างก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกัน นอกเหนือไปจากหมอตำแยที่ช่วยทำคลอดให้แม่มาตั้งแต่ท้องแรกยันท้องหลังสุดเท่านั้นจริงๆ

'ตาเอิบ' กะ 'ยายธูป' คู่นี้แหละ คือต้นแบบคู่รักนิรันดร์ของฉัน ทั้งที่ยังไม่ประสีประสา... ติดตามไปเรื่อยๆ แล้วคุณจะได้รู้...



ภาพนี้ ชวนให้คิดถึงอย่างมากมาย 'ตากะยาย' ต้นแบบรักนิรันดร์ชองฉัน

หนูหลี เป็นชื่อที่พ่อกะแม่เรียกขานอย่างรักใคร่ ฉันมีชื่อเล่นอีกเพียบแต่อยากให้เพื่อนๆ เรียกฉันอย่างที่พ่อกะแม่เรียก มันทำให้รู้สึกแช่มชื่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก... ทำเพื่อฉันแค่นี้ ได้ไหม?

ชื่อจริงของฉัน แปลว่าดอกไม้ที่ดี แต่อย่าสนใจมันนักเลย ก็แค่สมมตินามอีกหน่อยก็ลืม...

ตากะยาย ชอบอุ้มฉันขึ้นดมดอกไม้ที่ต้นและย้ำอยู่ตลอดว่าอย่าให้กลีบมันช้ำนะลูกนะ เขาจะเจ็บ… ซึ่งฉันจำได้ขึ้นใจเสมอมา...



ดอกไม้ที่อยู่กับต้น ดูยังไง เมื่อไหร่ ก็สวยสดงดงาม

ตั้งแต่จำความได้ ฉันมักตื่นขึ้นมาพร้อมแม่ทุกๆ เช้า และรอคอยตากะยายมาหาอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าฝนจะตก ฟ้าร้อง แดดออก ฯลฯ ตากะยายจะต้องแวะมาอุ้มกอดรัดฟัดเหวี่ยงฉันก่อนไปทำธุระที่อื่นเสมอ แม้บางครั้งต้องไปทำคลอดที่ไกลๆ ก็จะรีบกลับและบึ่งมาหามาเจอฉันก่อนที่จะกลับไปพักผ่อนที่บ้านของแกเองซึ่งห่างจากบ้านฉันราวครึ่งกิโลเมตรเห็นจะได้...

อันที่จริง ตากะยายก็มีลูกดกอยู่เหมือนกัน ถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะแปดคนเท่ากับบ้านฉัน ลูกๆ ของยายโตจนแยกครอบครัวไปหมดแล้ว แถมมีหลานเล็กๆ ยั้วเยี้ยไปหมด หากแต่ตากะยายกลับให้ความรักและเอ็นดูฉันจนออกนอกหน้า ราวกับเป็นลูกในไส้ของตัวเองก็มิปาน... ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร รู้แต่ว่า ฉันมีความสุข ตากะยายมีความสุข และคนอื่นๆ ก็พลอยมีความสุขตามไปด้วย... หลายคนถึงกับออกปากว่าฉันเป็นลูกแท้ๆ ของยายกลับชาติมาเกิด แต่พุ่งหลาวลงมาไม่ทัน เลยต้องไปเข้าท้องแม่แทน... ตอนนั้นฉันไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยหรอก ใครจะว่าอะไรก็ตามสบายเถิด ขอแค่ได้กอดและซบหน้าบนบ่ากรุ่นๆ ของยายก็สุขโขสโมสรอย่างที่สุดแล้ว... แม่แซวว่า หากยายยังพอมีน้ำนมฉันคงไม่ต้องพึ่งแม่หละ ฉันก็ว่างั้นแหละ... รักจริงๆ เลย ยายจ๋า... แม่ทูนหัวของฉัน.

ยายธูป เป็นหมอตำแยมือโปรของชุมชน ทุกครั้งที่ไปช่วยทำคลอดตามบ้าน ตากะยายจะไม่ยอมกินข้าวบ้านใครเป็นเด็ดขาด ผู้คนรู้กิตติศัพท์ดี จึงมักมีของกินของใช้ใส่พกใส่ห่อให้นำกลับบ้าน และนั่นก็จะมาถึงฉันด้วยเสมอ มีทั้งข้าวปลาอาหาร กล้วย อ้อย ขนม ข้าวต้มมัด มันเผา ข้าวโพด ถั่วต้ม ขนมจีน ฝักบัว... ฯลฯ ตาบิขนมใส่ปากเล็กๆ ของฉันอย่างเอ็นดู แม่บ่นอุบว่าทำให้ฉันนิสัยเสียไม่ยอมกินข้าว... โถๆๆๆ... อิ่มจนพุงจะแยกอยู่แล้ว แม่จ๋า...



ของฝากของตากะยาย... ลาภปากสำหรับฉันประจำ

นี่แค่เกริ่นนำ ให้ได้รู้ว่า ฉันเป็นคนเช่นไร มีที่มาที่ไปจากอะไร อย่างไรบ้าง... เผื่อว่า จะช่วยให้เห็นใจฉันเพิ่มขึ้น สักนิดก็ยังดี…

และถ้าไม่เกิดอะไรผิดปกติขึ้นซะก่อน จะเขียนตอนต่อไปให้อ่านอีก... จะรอได้มั้ย?

มองทุกข์ของคนอื่น... ด้วยใจ

ฉันมีเวลาว่างมาก มากกว่าใครๆ เลยก็ว่าได้
เพราะไม่ต้องทำงาน และไม่หลับไม่นอน...
เพลินไปกับการอ่าน จนเจอนี่เข้า diaryclub.com  อ่านแล้วก็ติดอกติดใจ...
เก็บไว้อ่านตอกย้ำความเจ็บปวด... จะได้ไม่ยอมหยุดลมหายใจไปง่ายๆ...
ไม่ขี้เหนียวหรอก ใครอยากอ่านด้วยก็เชิญ... คลิกเองเลย...

ซึ้ง - คนของหัวใจ.....คิดถึงกันไหมเมื่อเราต้องห่างกัน


พ่อแม่ลูก





ตอนที่ลูกเกิด...พ่อแม่ไม่มีเงิน
"เราจะหางานทำเพิ่มหาเงินซื้อนมกับผ้าอ้อมมาให้ลูก"

พอลูกโตขึ้น...พ่อแม่ไม่มีเงิน
"ต้องทำทุกทางให้ลูกได้เรียน"


ยามที่ลูกเรียนจบ...พ่อแม่ไม่มีเงิน
"ไม่ต้องส่งเงินมานะลูก เก็บไว้ใช้เถอะเพิ่งเรียนจบมาใหม่ๆ"


 เมื่อลูกมีแฟน...พ่อแม่ไม่มีเงิน
"เก็บเงินไว้สร้างตัวนะลูก หารถดีๆขับไปทำงานซักคัน"


ครั้นพอลูกแต่งงานแล้ว...พ่อแม่ไม่มีเงิน
"ค่าใช้จ่ายลูกมันเยอะ ไหนจะผ่อนบ้าน ไหนจะค่าใช้จ่ายเจ้าตัวเล็ก"


และเมื่อลูกได้ทำงาน มีครอบครัว มีรถ มีบ้าน...พ่อแม่ป่วยหนัก
"ไม่เป็นไรลูก โรง'บาลที่นี่ก็ดี ไม่ต้องไปที่แพงๆหรอก..
ถ้าจะตายก็ขอตายที่บ้านนี่แหละ แก่มากแล้ว ยังไงก็ตายอยู่ดี ดูแลลูกและครอบครัวให้ดีนะลูก"


ยังมีลูกอีกจำนวนไม่น้อย 
ที่ส่งหลานตัวเล็กๆ ไปให้ปู่ย่าตายายช่วยเลี้ยงดู
แม้ว่าจะอดๆ อยากๆ ลำบากแค่ไหน ก็ยินดีเลี้ยงดูให้ด้วยใจรัก


ฉันอ่านเจอบทความดีๆ นี้จากที่ไหนก็จำไม่ได้ซะแล้ว...ขอบพระคุณ ผู้เป็นเจ้าของแง่คิดดีๆ ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร อยู่ที่ไหนก็ตาม หลังจากได้อ่านไปมาอยู่หลายรอบแล้ว ให้รู้สึกทราบซึ้งเป็นอย่างมาก พาให้หวนคิดถึงครอบครัวดั้งเดิมที่แยกตัวออกมาซะนาน...

ที่ตรงนั้น ฉันเคยอยู่อย่างอบอุ่นมาแต่อ้อนแต่ออก  ตอนนี้ แทบจะไม่เหลือเค้าเดิมใดๆ ไว้ให้เห็นอีกแล้ว... หากว่าวันรุ่งของพรุ่งนี้ ฉันยังยืนหยัดให้แกร่งกว่าเดิมไม่ได้... พ่อกะแม่ คงจะเสียใจ มิใช่น้อยเลย...

 

ช่างเป็นบุญกุศลสูงส่งยิ่งแล้ว... ที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อกะแม่
ขอบพระคุณอย่างที่สุดจ้า
< กราบ >

คือ... ความคิดถึง


คิดถึง แต่ไปหาไม่ได้

ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ทำอะไร เป็นอยู่สุขสบายแค่ไหน
หากยังรักกันดีเหมือนเช่นเคย
ไหนเลยมาเงียบหายเยี่ยงนี้



อยากรู้ว่าจัง คู่รักอื่นๆ เขาปฏิบัติต่อกันเช่นไร...
เฮ้อๆๆๆ...... เฮ้อ
ความคิดถึง... 
ช่างบั่นทอนความรู้สึกได้ยอดเยี่ยมจริงๆ...

หากยังคงรักฉันอยู่อย่างเก่า
อยากรู้จัง เธอได้ส่งผ่านถึงฉันด้วยวิธีใด

เธอฝากความคิดถึงฉันไว้กับผู้ใดฤา?
ฉันไม่เคยได้รับเลย... สักนิดเดียว... จริงๆ

เหนื่อยเหลือเกิน

และแล้ววันเวลาที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้าก็สะสมจนนานเนิ่น
กี่ปีแล้วก็ไม่รู้ที่ฉันผูกสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับตัวเอง
นิ่งงันอั้นสะอื้นเพียงลำพังในที่ทางของฉัน
ซึ่งนับวันมีแต่จะกลับกลายเป็นส่วนเกินที่ชัดเจนมากขึ้น ทุกทีๆ 


ฉันจะลืมเธอได้อย่างไร


เขา... มองข้ามสิ่งดีๆ ที่ฉันตั้งใจทำให้ตลอดมาได้อย่างไร
ความทรงจำที่เคยหวานชื่น... พล่าเลือนไปจากใจหมดแล้วหรือ
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ถ้าหากพรุ่งนี้ ตื่นขึ้นมาแล้วไม่มีเขาตลอดไป... ฉันจะอยู่ต่อยังงัย
ฉันต้องทำอะไร ทำแบบไหน ถึงจะลืมเขาได้หมดใจ
อย่างที่เขาทำได้และได้ทำไปแล้ว... กับฉัน

ไม่อยากอ่อนแอ ไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร ไม่ได้อยากร้องไห้
แต่น้ำตามันไหลออกมาเองไม่ยอมหยุด ราวกับมีใครเอาน้ำตกมาจัดวางไว้ที่หัวตาของฉัน
แยกกันอยู่จะดีกว่า... ห่างกันสักพัก... จบๆ กันไปเลยมั้ย...
นี่หรือคือรางวัลที่มอบให้ฉัน... 
ที่ได้ทำผิดต่อเธอในข้อหาแค่เพียง... เพราะรักมากไป... เพราะซื่อสัตย์ไป... 
จึงไม่น่าให้อภัย งั้นสิ

ยามนี้ ฉันคิดถึงพ่อกะแม่อย่างที่สุด... พ่อจ๋า... แม่จ๋า...
ฉันอ่อนแอเกินไปสินะ... ฉันแพ้ทุกอย่างแล้ว ... ทำยังงัยดี?...
ใครก็ได้ กอดฉันหน่อย...
ช่วยพาฉันไปตามเก็บรอยยิ้มที่หายไป กลับคืนมา... ซะที จะได้ไหม...
ฉันจะไม่ลืมพระคุณเลยจริงๆ... 
ความรู้สึกของฉัน คือเป็นคนผิดเสมอ...
ผิดที่เกิดมาเป็นคนอ่อนแอและน่ารำคาญ

เฮ้อๆๆๆๆๆ...................................... เฮ้อ!
ความสุข... ที่แท้จริง...
มีขายที่ไหน บ้างมั้ย?
หรือฉันต้องแลกมันด้วยอะไร?
ฉันไม่รู้... ฉันจะยังพอมีเวลาให้ก้าวเดินได้อีกสักเท่าไหร่
เหน็ดเหนื่อยเหลือเกินแล้ว...
.
.
.
.
เหงาจัง... วันนี้ฉันเหงาจัง... เหงาที่สุดในโลกเลย...

ฉันไม่เป็นไร...



หนาวจัง... วันนี้อากาศหนาวจังเลย...
หนาวจับจิตจับใจ... สะท้านมาจากข้างใน...


ฉันนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ตั้งแต่บรรยากาศรอบตัวยังดูครึ้มๆ 
จนกระทั่งแดดเปรี้ยง
ไม่รู้หรอกว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด 
รู้เพียงแค่ว่า ยามนี้ ฉันตัวคนเดียวจริงๆ
และรู้สึกว่าหนาวเหลือเกิน...


สรรพสิ่งรอบกายดูเงียบงันราวกับไร้ผู้คน
เชื่อเลย...คนเกือบใบ้อย่างฉัน แค่มองหาซอกอุ่นๆ ที่ไหนสักแห่งสำหรับซุกกาย
มันยากเหลือเกินแล้ว...


ฉันไม่อยากแย่งที่ใคร พอๆ กับไม่อยากให้ใครมาแย่งที่


แสงแดด... ใช่แล้ว... 
แดดเต็มท้องฟ้าออกอย่างงั้น มันทำให้อุ่นขึ้นได้ 
แม้จะไม่ตลอดเวลาก็ตามที
ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณนะดวงอาทิตย์



และจะขอบคุณมากที่สุด ถ้าช่วยกรุณาบอกดวงจันทร์สักนิด
ว่า... ฉันเหงา และต้องการเพื่อน

ปล. ถ้าไม่น่าเกลียดล่ะก้อ... บอกดาวทุกดวงบนท้องฟ้าเล้ยยยย...


วันนี้... ฉันไม่เป็นไร...
และพรุ่งนี้... ฉันจะต้องไม่เป็นไร เช่นกัน

วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555

อีแก่กินน้ำ ตอนที่ 1

น่ารักอ่ะ
ไม่รัก ไม่ได้แล้ว
เมื่อวาน ฉันได้มีโอกาสทำความรู้จักกับสาวน้อยร้อยโลคนหนึ่ง เธอน่ารักทีเดียว ใบหน้าสะสวย หวาน สะดุดตา ผมยาวสลวย เธอเป็นคนอารมณ์ดี คุยสนุก มีมุกตลกๆ เยอะ พลอยทำให้ฉันหัวเราะท้องขดท้องแข็งไปด้วย...เธอเล่าให้ฟังว่าหนีตาย เอ๊ย หนีน้ำท่วมมาจากเมืองไทยเมื่อปลายปี 54 บินลัดฟ้าสู่ดัลลัส 'เมกา โดยไม่ทันตั้งตัว ข้าวของจำเป็นก็นำติดตัวมาได้น้อยมาก ทั้งๆ ที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วถึง 4 กระเป๋าใบบึ้มๆ ตอนนี้เธอก็ได้เข้าเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีเป้าหมายชัดเจนว่าจะเรียนพยาบาล นั่นเป็นเพราะเจ้าตัวเล็กเคยคุยกะเธอเกี่ยวกับเรื่องราวของฉันไว้ซะเยอะแยะก่อนหน้านี้...อร๋ายยยยยส์... อะไรกันนักกันหนา หนอนี่หนอ...
เธอ เรียกฉันเต็มปากเต็มคำว่า แม่... (พระเจ้า... ฉันแฟ่บกว่าเธอถึงสองเท่าเธอจะอยู่ในท้องฉันได้งัย?...ย้วยตายยยยส์) เธอสนิทกับฉันในเวลาอันรวดเร็ว ราวกับเคยเป็นญาติใกล้ชิดกันมาแต่ปางไหนก็ไม่รู้ได้? ปากรูปกระจับนั่นพร่างพรูภาพเหตุการณ์ในความทรงจำของเธอ... ส่วนใหญ่มักเอ่ยถึงเพื่อนร่วมชั้นทั้งแก็งค์ ที่เธอจากมาโดยไม่ทันได้ร่ำลาใครแม้แต่คนเดียว ทุกวันนี้ ได้แค่โทรคุยกันด้วยความคิดถึง... (ก็ยังดีกว่าฉัน... ที่ไม่มีใครคิดถึง ไม่มีใครโทรหา แหละฟร๊ะ)...
บุคลิกของเธอ มีความเป็นผู้นำค่อนข้างมาก ยิ่งเธอมีรูปร่างสูงใหญ่และเสียงดังฟังชัด บ่อยครั้งที่เธอแสดงท่าทีกร้าวแกร่งเกินหญิง ทำให้เพื่อนๆ และเพื่อนรุ่นน้องทั้งหลายหงอไปตามๆ กัน ที่สำคัญ ไม่กล้ามีใครยื่นใบสมัครเป็นเพื่อนพิเศษ ซักคน... อาจเป็นเพราะเธอเป็นพี่สาวที่ต้องดูแลตัวเองและน้องชายมาตั้งแต่เล็กๆ... เธอว่างั้น...
ไลฟ์สไตล์ ของเธอก็ใช่ย่อย เธอจัดระเบียบชีวิตได้ดีไม่เคยมีปัญหาให้ผู้ใหญ่หนักใจ เธอมีวินัยในตัวเองอย่างน่าทึ่งทั้งที่ไม่มีใครคอยพร่ำสอน... ฉันสังเกตเห็นว่าทุกครั้งที่เธอลุกจากโต๊ะ เธอจะดันเก้าอี้สอดกลับเข้าไปใต้โต๊ะเสมอ... เธอเองก็คงรู้สึกได้ว่าฉันจับตาดูอยู่ จึงเล่าให้ฟังอย่างเขินๆ ถึงเรื่องราวในรั้วโรงเรียนเก่า... ตอนกินข้าวในโรงอาหารกับเพื่อนๆ หากใครอิ่มก่อนแล้วลุกไปโดยไม่จัดเก้าอี้ เธอจะวีนใส่ทันที... พ่อแม่ไม่เคยสั่งสอนมารยาทบ้างหรือยังงัย?... ว้าว! แรงงงงส์!... (คนที่พ่อแม่ไม่ได้อยู่คอยสั่งคอยสอนน่ะ คือคนพูดนะเจ้าคะ) จากนั้นเป็นต้นมา... นักเรียนทุกคนตัวลีบกว่าปกติและมีวินัยเคร่งครัดอย่างอัตโนมัติ ด้วยความเกรงกลัวต่ออิทธิพลของนักเรียนใหญ่มากกว่าครูใหญ่ (ครูใหญ่น่าจะรับไปพิจารณา เยอะๆ ฮ่าๆๆๆ...)
ถ้า มองให้ลึกถึงจิตใจอันงดงามของเธอ ฉันว่าเธอเป็นเด็กที่ใฝ่ดี มีความเพียรพยายามเพื่อให้บรรลุความสำเร็จ แม้จะเผชิญกับความยากลำบากขนาดไหนเธอก็สามารถพาน้องผ่านมันไปได้เสมอ... เวลานี้ ฟ้าเบื้องบนได้รับรู้และใจอ่อน ยินยอมให้เธอได้มีโอกาสอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว ซะที... และฟ้าก็ใจดี ให้โอกาสฉันได้มาพบ พูดคุย กับเธอ ด้วยเช่นกัน!
เธอคงเห็นว่าฉันเป็นคนเงียบๆ ที่ดูเรียบร้อย (ไปซะหมด... แล้ว) และคงอยากรู้ว่าคนอย่างฉันมีอารมณ์ครื้นเครงกะเขาบ้างไหม? เธอหยิบกล่องเล็กๆ ติดมือแล้วเดินมาหาฉัน...
"แม่เคยเล่นไอ้นี่มั้ยคะ?"  อ๋อ... ไพ่น่ะเอง เยินเชียว คงผ่านมือมานับไม่ถ้วนล่ะซีเนี่ยะ
"นิดหน่อย แต่ไม่ค่อยถนัด" ฉันตอบไปตามจริง
"งั้นหนูสอนให้นะ อยากให้แม่หนุกๆ" เธอทำท่ากระตือรือร้นที่จะกระตุ้นฉันให้ Active กว่าที่เป็นอยู่
"ได้เลย ค่อยๆ สอนแระกัน จะพยายามตามให้ทัน" ฉันบอกจากใจจริง
"แม่โกรธเป็นหรือเปล่า ด่าใครเป็นบ้างมั้ย?" เธอยิงคำถาม สบตารอคำตอบ...
ฉันอึ้ง... คำถามนี้ ได้ยินมันบ่อยจังแฮะ วันนี้ก็อีก... ออกจะรู้สึกแปลกใจ... ทำไมหนอ ใครต่อใครเห็นฉันเป็นคนแปลกแยก งั้นรึ... เออนะ... ธรรมชาติของฉัน ผู้คนเขาดูแปลกตากัน เว้ยเฮ้ย... ทำไงดีล่ะหวาเรา... จะไปเกิดใหม่ก็มาซะไกลแระ... ไปต่อมันแบบนี้หละวะ... เมื่อเห็นฉันนิ่งไปนาน เธอก็สับไพ่ในมืออย่างทะมัดทะแมง ฉั่วะๆๆ... กรีดๆๆๆ... ว้าว เหมือนเล่นมายากลไพ่เร้ยยยย... และแล้วก็ยื่นให้ตรงหน้าฉัน
"เอ้า ให้แม่ตัด" เธอพยักหน้างึ่กๆ เร่งให้ฉันรีบๆ ตัด ฉันเอื้อมมือไปหยิบใบบนสุด ส่งให้เธอ...
"หูยยยยส์ แม่... ไม่มีใครเขาทำกันหรอก!" เธอโอดครวญอย่างขัดใจ
"อ่ะ อ้าว แม่ทำผิดตรงไหน ยังไง?" ฉันงงจริงๆ เธอก็เง็ง แต่ส่งเสียงหัวเราะร่วน... ก่อนจะร่อนไพ่ในมือด้วยความเจนจัด ปิ้ววววส์ๆๆๆ... ดูตามแทบไม่ทัน สุดท้ายแล้ว มี 5 กองๆ ละ 2 ใบ กองที่อยู่ตรงกลางหงายให้เห็นจะๆ แล้ว... เป็นตัว K กับ J ซึ่งฉันไม่รู้ความหมายของมัน
"หยิบสิแม่ เร็ว" เธอเร่งเร้า... หยิบกองที่อยู่ตรงหน้าของตัวเองไปส่อง ค่อยๆ แง้ม... แอบแหล่... ท่าทางการลุ้นของเธอทำให้ฉันอมยิ้ม ก่อนจะทำตาม หากแต่ฉันไม่ได้ค่อยๆ แหล่แบบที่เธอทำดอก ฉันก้อแค่แซะให้มันหงายขึ้นมาทุกใบ ณ ที่เดิม เท่านั้น
"อ่ะจร๊ากกกกส์..." เธอร้องเสียงหลง ตาโตเท่ามะปรางไข่... ในทันทีที่เห็นไพ่ของฉันทั้ง 2 กอง
"มีอะไร?" ฉันยกมือทาบอก ตกใจหมด
"เป็นไปไม่ได้" เธอชี้มือมาที่ไพ่ของฉัน ทำท่าสับๆๆๆๆ ด้วยนิ้วชี้นิ้วเดียว ฉันดูแล้วดูอีก ไม่เห็นมีอะไร... ก็แค่ไพ่สีเหมือนกัน มันรวมได้ค่าเท่ากัน ทั้ง 2 กองมีแค่ 4 กะ 5 แล้วงัย? งงเต๊กเลยยยย...
"หนูไม่ยอมๆๆ" เธอทำงอแง... ส่ายไหล่ไปมา จนผมกระจาย...
"แม่ทำผิดรึ ต้องแก้ไขยังงัย?" ฉันถามตรงๆ เธอหัวเราะ รีบคว้าไพ่ทั้งหมดไปรวมกัน แล้วสับๆ กรีดๆ ให้นานกว่าเดิม ก่อนจะร่อนแจกอีกรอบหนึ่ง
"แจกแบบหงายให้หมดทุกกองเลยก็ได้จ้ะ" ฉันบอก เพราะไม่อยากให้เสียเวลา...
"อร๊ายยยยส์! คุณนายแม่เจ้าขาาาาา......." เธอร้องเสียงดังกว่าเดิม เล่นเอาฉันตกใจยิ่งกว่าเดิม...
"ใครเขาทำงั้นกันเล๊า ฮ่าๆๆๆๆๆ" ดูเธอสิ หัวเราะซะพุงกระเพิ่ม... ฉันพลอยหัวเราะไปด้วย อย่างงงๆ
"ก้อ ให้แม่ทำเป็นรายแรก ได้หรือเปล่าล่ะ?" เธอหงายหลังผึ่งลงไป กระหน่ำหัวเราะอย่างเต็มที่จนตัวโยน...
ฉันนิ่งคิด เออว่ะ ทำอะไรประหลาดๆ กว่าชาวบ้านเข้าอีกแล้ว... ตูข้า...
"อ้ะ มา เปิดเลย เปิด" พอลุกขึ้นมาได้ เธอก็เร่ง เกมส์นี้น่าจะสนุกกว่า ฉันจะลองหยิบขึ้นมาลุ้นแบบเธอดูบ้าง... ว่าแล้วก็จัดการ... คราวนี้เลขไม่สวย ไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจ ฉันก็เลยทิ้งลงไปที่พื้นซะ
"เฮ้ยยยยส์... อีกแระ" เธอโวยวายลั่น ฉันชะงัก ชักสีหน้างงงัน... ดูไพ่ที่เพิ่งทิ้งจากมืออีกครั้ง ไม่เห็นจะมีอะไรนี่นา... ก็แค่ 1 คู่ 8 และ 3 คู่ 6 แล้วงัย? เอ้อ... งง งงๆ อีกตามเคยยยย...
"ไม่ยอม ไม่ยอม หนูจะน็อคแม่ด้วยดีแก่" เธอเปลี่ยนแผนกระทันหัน ขณะที่ฉันสะดุ้งโหยง หะแรกคิดว่าเธอเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวฉันน่ะ... เกือบได้เลิกคบแล้วมั้ยล่ะ...
.
.
.
.
แสบตาจังเลย... วันนี้แดดจ้ามากๆ... ขอพักสายตาหน่อยเถิด นะ
เพียงแค่ส่งสัณญานบอกกันสักนิด ว่าคุณ... รอฉันอยู่...
แล้ว... เด๋วเจอกัน ตอนต่อไป... 
.
.
.
หมายเหตุ :

  • Like = ถูกใจ พอใจ ชอบใจ
  • Comment = มากแค่ไหน เท่าไหร่ ยังงัย... ถ้าไม่บอก ฉันก็ไม่มีวันรู้ได้เลย...
  • Can u here me?















วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

เพื่อน... ไม่ใช่เพื่อน


ถึงมีเพื่อนก็เหมือนพี่ไม่มีเพื่อน 
ด้วยไม่เหมือนนุชนารถที่มาดหมาย 
มีเพื่อนกินก็ไม่เหมือนมีเพื่อนตาย 
มีเพื่อนชายก็ไม่เหมือนมีเพื่อนชม
.
.
.

ฉันคนนี้... ที่เคยบอกว่าเป็นเพื่อนพิเศษ
ฉันคนนี้... ที่เคยพิเศษกว่าใครเพื่อน
ตอนนี้... ฉันเป็นอะไร?
.
.
.
ต้องอดทน

ต้องหนักแน่น

อดทนแล้วได้อะไร?  หนักแน่นไปเพื่อสิ่งใด? 

อดทนแล้วได้อะไร?  หนักแน่นไปเพื่อสิ่งใด?

อดทนแล้วได้อะไร?  หนักแน่นไปเพื่อสิ่งใด?




ยึดถือหรือปล่อยวาง


ปล่อยวาง
คำนี้ฟังดูง่าย
แต่เชื่อดิ มีหลายคนทีเดียวที่ไม่รู้หรอกว่าต้องทำยังงัย... 
ฉันก็ด้วย...
เฮ้อๆๆๆๆ... เฮ้อ!



man : ชีวิตแกเป็นของฉัน ฉันไปไหนแกต้องไปด้วย
Dog : ช่วยถามความต้องการกันบ้างซีเล่า...

man : ไม่รู้ล่ะ แกไม่มีสิทธิ์ต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น...
Dog : หูยยยยส์ ก็ถ้าไม่รัก จะรั้งฉันไว้ทำไม ให้เมื่อยเหนื่อยเปล่าๆ...

man : ใครใช้ให้แกพูด ไอ้ลูกหมา... ไม่มีฉันแกลำบากแน่ๆ
Dog : ฉันใช่หมาชอบสบายซะที่ไหนกัน เข้าใจผิดแระ

man : แกหยุดบ่นได้แล้ว ไม่เมื่อยปากบ้างรึไง...
Dog : แกก็หยุดเดินดิ ไม่เมื่อยขารึไง แล้ว...วางฉันลง ปล่อยฉันไปซะที นะ นะ




ญ : ลาก่อนที่รัก รถจะออกแล้วนะ ส่งดอกไม้นั่นให้ฉันเร็ว
ช : ก็ยังไม่อยากปล่อย... นี่นา...





ยึดถือ จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ ก็ดูจะลำบากใจไม่น้อย
ปล่อยวาง เป็นอะไรที่ไม่ง่ายเลย... จริงๆ ปล่อยวาง เป็นอะไรที่ไม่ง่ายเลย... จริงๆ ปล่อยวาง เป็นอะไรที่ไม่ง่ายเลย... จริงๆ

รักเอย... รักไม่จริง

รักเอย ... รักหนอรักไม่จริง

รัก... เอย จริงหรือที่ว่าหวาน
หรือทรมานใจคน
ความ รักร้อยเล่ห์ กล
รักเอยลวงล่อใจคน
หลอกจนตายใจ
รักนี่ มีสุขทุกข์เคล้าไป
ใครหยั่งถึงเจ้าได้ คงไม่ช้ำฤดี

รัก... เอย รักที่ปรารถนา
รักมาประดับชีวี
หวั่น ในฤทัยเหลือที่
เกรงรักลวงฤดี รักแล้ว ขยี้ใจ
ขืน ห้าม ความรักคงไม่ได้
กลัวหมองไหม้ ใจสิ้นสุขเอย

รัก... เอย รักที่ปรารถนา
รักมาประดับชีวี
หวั่นในฤทัยเหลือที่
เกรงรักลวงฤดี รักแล้ว ขยี้ใจ
ขืนห้าม ความรักคงไม่ได้
กลัวหมองไหม้ ใจสิ้นสุขเอย



.
.
.
.
.
.

รักหนอรักไม่จริง

รักหนอรักไม่จริง ถูกทอดทิ้งใจหาย 
รักหนอรักกลับกลาย สิ้นสลายกลายขม 
รักหนอรักต้องตรม สุดระทมขมขื่น 

รักหนอรักไม่รอ เฝ้างอนงอรอฝืน 
รักหนอรักไม่คืน ชื่นเป็นช้ำกำสรวณ 
เราหนอเราเฝ้าครวญ เมื่อรักรวนลับล่วง 

เธอหนอเธอขยี้รัก และภักดีของฉันหวัง 
กลายมลายเหมือนฝันๆ ลวง ใจหนอใจภักดีฉัน 
พลีให้เธอทั้งดวง โดนรักลวงทั้งทรวงแหลกแล้วเอย 


ลืมหนอลืมเท่าไร เจ็บเพียงไหนใจเอ๋ย 
ลืมไม่ลืมได้เลย โปรดอย่าเย้ยผู้แพ้ 
ใจหนอใจอ่อนแอ ไม่ผันแปร...รักเธอ 

ไม่ผันแปร...รักเธอ 
ไม่ผันแปร...รักเธอ 






กอดหน่อย... ได้ไหม?

กอดหน่อยได้ไหม?  โดย... พลพล

เมื่อเธอไม่อยู่ หรือฉันต้องไป ในความเคลื่อนไหวบางครั้งก็มีคิดมาก ไปบ้าง 
ก็เพราะว่าห่วง เมื่อเราต้องห่าง เวลาอ้างว้าง อยากรู้ว่ายังมีเรา 
ไม่ใช่ว่าหวงแต่เหงา อยากให้เข้าใจ
เพราะไม่เห็นหน้า ถึงโทรมาบ่อย ก็อย่างน้อยๆได้ยินเสียงพอให้เหงามันคลาย
เพราะโลกมันกว้าง เพราะทางมันแสนไกล จะอยู่ตรงไหน ไม่เหมือนที่เรามีเรา
ไม่ใช่ว่าหวงแต่เหงา อยากให้เข้าใจ 
กอดหน่อยได้ไหม ด้วยคำว่าคิดถึง อยากฟังอีกสักครั้งหนึ่ง ให้ใจได้อุ่นใจ 
อยู่ห่างขนาดนี้ คิดถึงกันบ้างไหม กอดบ่อยๆได้ไหม ถ้าใจเธอเหงาเหมือนกัน  
ขอเพียงใกล้ใจ แม้จะไกลกัน ระหว่างทางฝัน อย่างน้อยฉันยังมีเธอเติมใจ
ไม่นานจะมา เห็นหน้าใกล้ๆ จะกอดเธอไว้ให้เหมือนกอดแรกของเรา
แต่ว่าตอนนี้มันเหงา อยากให้เข้าใจ




คนพิเศษย่อมเหมาะที่จะเป็นคู่ของคนพิเศษ... เสมอ
ฉันกับเธอ... เราไม่คู่ควรกันตั้งแต่เมื่อไหร่?
ยังมีเวลาให้กันอีกนานไหม?
ถ้าเธอมีความสุขดี ฉันควรต้องเป็นฝ่ายไป...
ลาก่อน...



วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2555

ทำม้ายยยย... ทำไม?


ทำไมต้องรัก
เคยสงสัยกันบ้างไหมคะว่า ทำไมคนเราถึงต้องมีความรัก?

หรือหากมีคนถาม คุณจะตอบไปว่าอย่างไร?
  • เพราะว่าถูกกามเทพแผลงศรปักขั้วหัวใจ
  • เพราะรู้สึกว่าต้องการให้ใครสักคนอยู่เคียงข้าง
  • เพราะรู้ว่ารอคนที่ใช่มานานแสนนาน...แล้ว
  • เพราะหัวใจอ่อนแอต้องมีคนคอยดูแล
  • เพราะฟ้าลิขิตให้เกิดมาคู่กัน
  • เพราะสงสารดอก จะบอกให้
  • เพราะเธอกับฉัน เราขาดกันไม่ได้... (กรรไกรตัดฉับเรยยย...)
  • เพราะเธอช่วยชีวิตฉันไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า (น่าจะปล่อยให้ตายไปซะ)
  • เพราะเธอขโมยจูบแรกในชีวิตของฉัน (กิ้วๆๆๆ...)
  • เพราะผู้ใหญ่ขอร้องแกมบังคับให้รับผิดชอบ (ฮ่าๆๆ....โสน้าน่า)
  • เพราะ... 
  • เพราะ... 
  • เพราะ... 
  • มีอะไร? อีกบ้าง ไหนว่ามาซิ

หากจะรักแล้ว รักใครก็จงรักเถิด
ความรักบรรเจิด พริ้งเพริศหนักหนา
ชีวิตคนเรา มันสั้นเหลือคณา
อย่ารอช้า ปล่อยเวลาให้ผ่านไป



หนี้รัก บทเพลงที่หวานละมุนเป็นกองหนุนให้ผู้คนรักกันๆ และสำหรับคนที่ความรักได้จู่โจมเข้าสู่ห้องหัวใจแล้ว (จะกี่ครั้งก็ตาม) คุณมีวิธีถนอมรักษาความรักของคู่คุณให้ยั่งยืนมั่นคงหรือไม่? อย่างไรบ้าง? ไม่ต้องตอบฉันหรอก ตอบหัวใจตัวเองพร้อมๆ กับคู่รักของคุณโน่นเถิด จะมัวช้าอยู่ใย รู้หรือเปล่าว่าความรักมันเปราะบางและต้องการการเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอ ถ้ารักแล้วไม่เข้าใจกันสักเท่าไหร่นัก นานวันไปอาจจืดจาง (เหมือนส้มตำที่ตำไว้นานๆ รสชาดจะออกเซ็งๆ งั้นรึเปล่า?) บางคนบอกว่า ความรักต้องการความอบอุ่น ถ้าหากคู่รักใดที่หมางเมินมึนตึง ไม่นานก็ต่างคนต่างไปแน่ ดูเหมือนว่าความรักจะสามารถติดปีกโบยบินออกนอกหน้าต่างได้เสียด้วย ไม่กลัวตกคอหักซักนิด ดูอย่างคู่ของ Gnomeo กับ Juliet ก็แล้วกัน... 
คราวนี้  ขอกล่าวถึงคนที่ไม่คู่ควรกับความรักบ้าง (ดูซิว่าจะโดนใครสักหมัดสองหมัดมั้ย?)
  • ไม่รู้จักพอ โหยหาความรักอยู่ตลอดเวลา
  • ไม่คิดว่ารักแท้มีอยู่จริง ที่มีอยู่แล้วก็รักหลอกๆ งั้นสิ?
  • คนพิการ หัวใจรั่วไม่คิดจะซ่อมแซม แต่ละห้องวิ่งชนกันพร่าน พรุนทะลุไม่มีดี
  • ใจง่าย สะดุดขาตัวเองตกหลุมรักอยู่ตลอดเวลา... ชิ
  • รอใครสักคนอยู่ รออีกสักคนที่ใช่ไปเรื่อยๆ ที่อยู่ข้างๆ นั่นหาใช่ไม่
  • เชื่อว่าคู่ที่แท้จริงยังมาไม่ถึง คั่วเล่นไปพลางๆ ก่อน... หนอยยยยย...
  • คาดหวังสูงริบ และรู้สึกไม่ได้ดังหวังไปซะทุกอย่าง... จบกัน
  • ตา ปาก กับ ใจตรงกัน มองเห็นปุ๊บผิวปากปั๊บ ใจละลายในทันที... อื๋ยยยยส์
  • เป็นคนดี... ดีแต่ชอบ ปฏิเสธที่จะรับผิด และไม่รับผิดชอบเด็ดขาด...
  • คน... ทั้งนั้นแหละ บรรยายไม่หมดหรอก เหนื่อยแระ
อ่ะแน่ะ...  ถึงกับถอนใจเชียว! 
อยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขที่ตรงไหนบ้างหรึอเปล่าล่ะ? ตามสบายนะ ไม่ว่ากัน 
แต่ฉันต้องขอตัว เรื่องอย่างนี้ฉันไม่มีความเห็น ไม่มีคำแนะนำใดๆ ทั้งสิ้น... 
เพราะอะไรน่ะหรือ?... เพราะฉันเองก็เอาตัวไม่รอดกะเขาเหมือนกันน่ะซี ถามได้ 
แหละฉันไม่มีคำตอบให้ตัวเองเหมือนกัน ว่าทำม้ายยยย... ทำไม? ทำไมถึงทำกับฉันได้...




รักไม่ใช่ทุกอย่าง ซะหน่อย


วันหนึ่งที่รักทำเราให้เจ็บ ต้องจากกัน 
สุดท้ายต้องกลายเป็นฉัน ที่เสียใจ 
เฝ้าคิดทบทวนทุกอย่าง ที่ผ่านมา 
ไม่เหลืออะไรให้คว้า เก็บมาไว้ในใจ 
ที่เคยคิดว่ารักเท่านั้น ได้พาเราไปถึงฝัน 
ในวันนี้เมื่อฉันได้รู้ จึงยอมเเละพร้อมทำใจ

ว่ารักไม่ใช่ทุกอย่าง เสมอ 
รักมันไม่ใช่เธอ ฉันหรือว่าใคร 
รักไม่ใช่ความสุข ในบางครั้ง 
รักไม่ใช่ความหวัง วันที่ฉันเเละเธอต้องจากไป 
รักไม่เคยพาเราไปไกล 
ยังคงรั้งยังดึงเราไว้ อยู่อย่างนั้น 

ชีวิตฉันมีความสุข ก็เพราะรัก 
บางครั้งไม่ยอมหยุดพัก เมื่อรักไม่เคยรอใคร 
ค่ำคืนที่ฉันว้าเหว่ ร่ำเรียกหา 
ว่ารักทำไมไม่มา กลับเดินหนีฉันไป 
ที่เคยคิดว่ารักเท่านั้น ที่จะพาเราไปถึงฝัน 
ในวันนี้เมื่อฉันได้รู้ จึงยอมเเละพร้อมทำใจ 

ว่ารักไม่ใช่ทุกอย่าง เสมอ 
รักมันไม่ใช่เธอ ฉันหรือว่าใคร 
รักไม่ใช่ความสุข ในบางครั้ง 
รักไม่ใช่ความหวัง ในวันที่ฉันเเละเธอต้องจากไป 
รักไม่เคยพาเราไปไกล 
ยังคงรั้งยังดึงเราไว้ อยู่อย่างนั้น 

เคยวาดฝันพรุ่งนี้ ว่าคงจะดีถ้ามีรักมา 
แต่วันนี้เมื่อมีน้ำตา จึงรู้ว่ามันไม่ใช่ 
คำว่ารักที่หวังได้เห็น แล้วทำไมไม่เป็นเช่นนั้น 
ต่อจากนี้ชีวิตของฉันจะเป็นเช่นไร 

เมื่อรักไม่ใช่ทุกอย่าง เสมอ 
รักมันไม่ใช่เธอ ไม่ใช่ฉันหรือว่าใคร 
รักไม่ใช่ความสุข ในบางครั้ง 
แล้วรักไม่ใช่ความหวัง ในวันที่ฉันเเละเธอต้องจากกันไป 
รักไม่เคยพาเราไปไกล ยังคงรั้งยังดึงเราไว้ 

รักให้เรามาตั้งเท่าไร 
เเต่ตอนสุดท้ายก็เอากลับไป 
รักไม่เคยพาเราไปไกล 
ยังคงรั้งยังดึงเราไว้ อยู่อย่างนั้น 
อยู่อย่างนั้น อยู่อย่างนั้น 


เพ้อ... เพ้อเหรอ... เพ้ออะไรกัน ฉันเปล่าซะหน่อย 
รายละเอียดข้างบนทั้งหมดนั่น ก็แค่เพลง...
จริงๆ สาบานได้ มีหลักฐานให้ดูเห็นๆ
บอกแล้วไง ฉันไม่ชอบโกหกใคร... นอกจากใจตัวเอง 

ฉันจะลืมเธอได้อย่างไร



วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

จะเอายังไงกันแน่?


เบื่อ.... คำนี้ สั้นๆ ได้ใจความ ใครได้ฟังแล้วเป็นต้องออกอาการยี้ทันที...

ส่วนมากมักหลุดออกมาจากปากคนใจร้อน ขี้หงุดหงิด ขี้รำคาญ ขี้วีน... ฯลฯ อ่ะ เอ้อ ชี้ไม่ออกด้วย เกือบลืมแน่ะ บ่อยครั้งที่คนเรามักจะถอนหายใจแรงๆ ก่อนเปล่งคำว่าเบื่อออกมา... หรือไม่งั้นก็อาจจะมีสร้อยดอกหมากตามติดมาด้วยช่วยให้ชัดเจนขึ้น เช่น คำว่า วะ เว้ย โว้ย ง่ะ ฟร่ะ...ฯลฯ แล้วแต่ชอบ...

อาการเบื่อ อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เป็นต้นว่า การสัมผัสรับรู้จากผู้คนรอบข้างที่มีลักษณะไม่พึงประสงค์ เช่น คนขี้ฟ้อง คนขี้ประจบ คนที่สนใจแต่เรื่องของตัวเอง คนเอาแต่ใจตัวเอง คนอวดดี คนอวดฉลาด คนชอบเถียง/ขัดคอ คนขี้โม้ คนปากว่าตาขยิบ คนเห็นแก่ตัว คนหยิ่งยะโส คนมีทิฐิสูง คนที่ไม่รู้จักกาละเทสะ คนชอบประชด คนที่ฟังความข้างเดียว คนไม่รักษาสัญญา คนเจ้าน้ำตา… ฯลฯ อาการเบื่อสุดๆ ก็อาจเกิดจากสภาพแวดล้อมก็เป็นได้ เช่น ร้อนตับแล่บ หิมะลงหนาเตอะไปไหนไม่ได้ น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมกรุงเทพ (จำไม่มีวันลืม) แอร์เสีย น้ำประปาไม่ไหล ไฟฟ้าดับ ขับรถอยู่ดีๆ ฝนก็เทลงมาราวกับฟ้ารั่ว ฮ่าๆๆ ... ฯลฯ


วันนี้ ฉันนี่ก็นิ้วล็อก เล่นกีตาร์ไม่ได้... เซ็งเป็นบ้า วุ้ย

นอกจากนี้ ก็ยังมีเหตุปัจจัยอื่นอีกเยอะ แต่ฉันยังคิดไม่ออก... 
ง่วงนอนจะแย่แล้ว... ใครก็ได้ ช่วยเขียนต่อให้ทีสิ... นะ นะ
..
..
..

อ๊ะ ไม่มีใครช่วยแฮะ
งั้น... เขียนต่อเองก็ได้วะ...


ฉันสะดุ้งตื่น เพราะเจ้าตัวเล็กโถมเข้ากอดอย่างเต็มแรงทั้งที่มันยังหลับอยู่... เช้าแล้ว หกโมงเกือบครึ่งแล้ว ฟ้ายังมืดตื๋ออยู่เลย กว่าจะสว่างก็เกือบสองโมงแน่ะ อันที่จริง ฉันเพิ่งงีบหลับไปเมื่อตอนตีสองนี่เอง แต่ก็ไม่อยากอ้อยอิ่งอยู่บนเตียงหล่ะ อาจเพราะคุ้นชินที่จะต้องจัดเตรียมอาหารเช้าพร้อมๆ กับการแต่งตัวออกจากบ้านเพื่อไปทำงานประจำ... แปลกดี วันนี้ที่พ้นมาแล้วไม่ต้องรีบตื่นมาทำอะไรเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว กลับรู้สึกว่า ตื่นได้อย่างสบายอกสบายใจ ไม่ต้องบังคับฝืนใจตัวเองเหมือนเคย... การได้คิดและทำอะไรอย่างไม่ต้องรีบร้อน มันมีความสุขอย่างนี้ นี่เอง...

ที่ผ่านมา ฉันถูกหล่อหลอมให้ต้องทำอะไรด้วยความรวดเร็ว ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ อยู่เสมอ... ฉันก็ทำมันได้นี่นะ ไม่ว่าจะเป็นทำคลอด ส่งเครื่องมือผ่าตัด ช่วยฟื้นคืนชีพ... เหล่านี้ล้วนต้องเร่งรีบทำอย่างมีสติทั้งนั้น... ก็รับมือมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นงานเวชปฏิบัติชุมชน ที่ได้วิ่งหนีทั้งสุนัขและแก็งค์เสพยาบ้า... งานวิจัย งานวิชาการฝึกอบรม งานคุ้มครองผู้บริโภค งานบริการให้คำปรึกษา งานระบาดวิทยา... ฯลฯ แต่ละอย่างที่กล่าวมา มันท้าทายและน่าสนุกสำหรับฉันไปซะทั้งนั้นแหละ ก็ตอนเรียนมันไม่เหมือนกับที่เจอของจริงนี่นา... ถ้าถามฉันว่ามีงานอะไรเป็นที่หนักอกหนักใจบ้างมั้ย? เออสิ... ใครบอกไม่มีล่ะ จะว่าไปแล้ว งานที่สร้างความลำบากใจให้ฉันค่อนข้างมาก ก็คือการดูแลนักศึกษาแพทย์และการร่วมทีมแพทย์ทางเลือกแผนจีน สองอย่างนี่ ทำเอาฉันนอนละเมอไปหลายคืน เพราะความกังวลใจน่ะซี โธ่เอ๊ย ฉันเป็นเพียง RN ธรรมดาๆ ทำไมมอบหมายให้ฉันเป็นพี่เลี้ยง Extern เวลาเชิญประชุมเรื่องนี้ทีไรตัวลีบทุกทีซีเล่า แถมถูกเรียกว่าอาจารย์... บรื๋ออออส์! นั่นไม่ใช่ฉ้านนน... ซะหน่อย มีคนอื่นๆ ที่เขามีวุฒิเหนือกว่าฉันตั้งหลายคน... ทำไมไม่เลือก? ฉันไม่ใช่ Dr. นะ อย่ามั่วดิ... และก็เรื่องแผนจีนนั่นอีก เรียกหาฉันทุกบ่อยๆ จนแทบไม่กล้าหายใจ เห็นฉันหน้าตาหมวยๆ ก็เหอะ ฉันพูดจีนได้กี่คำเอง ยังไม่ส่งฉันไปเรียนภาษา แต่มอบหมายให้ฉันประสานงานเรื่องนี้ แถมเอาเบอร์มือถือของฉันให้ผู้ใหญ่ในกระทรวงด้วย... ตายๆ แน่ๆ ฉัน!... เพราะความที่ไม่ดื้อกะใคร ฉันก็ก้มหน้าห้มตาทำในสิ่งที่ได้รับมอบหมายด้วยใจเกินร้อย หวังให้ผลงานออกมาดีไม่มีที่ติ แม้ไม่มีตัวอย่างจากใครอื่นให้เรียนลัด ก็สู้อุตส่าห์ตั้งใจทำอย่างสุดฝีมือ... ฉันทำดีที่สุดแล้ว และได้วางมือหมดทุกอย่างแล้วด้วย... ตอนนี้

วันสุดท้าย ที่ฉันไปทำงาน... มีหลายคนยังไม่ได้รับรู้ข้อมูล ผู้ใหญ่ใจดีมาเจรจาขอให้อยู่ช่วยงานต่ออีกซักหน่อยก่อนเพราะหาใครแทนไม่ได้จริงๆ... อ่ะเอ่อ... เห็นความสำคัญกันขนาดนั้นเชียว เวลาพิจารณาความดีความชอบทำไมนึกหน้าฉันไม่ออก คะ?...

เปล่าหรอก นั่นแค่คิดในใจและฉันตอบไปอย่างสุภาพว่า "จำเป็นต้องไปดูแลลูกจริงๆ ค่ะ"
เจ้านายขมวดคิ้วที่เจรจาไม่สำเร็จ "อายุเพียงเท่านี้เอง แล้วเวลาอยู่บ้านว่างๆ คุณจะทำอะไร?"
ฉันยิ้มแต้ รีบตอบชัดถ้อยชัดคำ "เรียนกีตาร์ค่ะ"
เจ้านายชักสีหน้ากระอัก (กระอ่วน) "อายุปูนนี้เนี่ยะนะ?"
อ่ะ อ้าวววว.... ตกลงจะเอายังไงกันแน่ล่ะท่าน...
ช่างเหอะ ชีวิตฉัน ฉันมีสิทธิ์เลือกเองมิใช่หรือ...
ในเมื่อย้อนกลับไปเริ่มในอดีตไม่ได้ ก็ทำมันตรงปัจจุบันให้ดีที่สุดได้นี่นา...
ฉันแค่อยากทำในสิ่งที่ตัวเองรักบ้าง ต่อให้สายไปกว่านี้ ฉันก็ยังอยากจะทำ... ขอแค่ได้ทำ ฉันก็สุขใจ...

เด็กเล็กๆ ในรุ่นปัจจุบัน เขาเก่งฉกาจจนน่าอิจฉา... ดูเอาเองละกัน...


ดูเต็มๆ ตา ที่นี่ : http://www.youtube.com/watch?v=YrugrIkfmO8&feature=related

ยังไงก็ตาม ฉันก็จะเดินหน้าไปตามฝันของฉันเรื่อยๆ ไม่เหนื่อย ไม่ท้อ...
ช่วยเป็นกำลังใจให้ฉันหน่อยซี... ได้มั้ย?
ขอแค่นี้... ทำเพื่อฉัน ได้หรือเปล่า?


วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2555

เรตติ้งไต่ระดับกับใจที่คอยลุ้น


วันนี้  ท้องฟ้าปราศจากปุยเมฆขาวแผ่นมหึมาช่วยปกคลุมเหมือนเคย ทำให้แสงแดดแผดจ้าร้อนแรงยิ่งนัก ช่วงบ่ายอุณหภูมิสูงขึ้นมากกว่าทุกๆ วันที่ผ่านมา ตะกี้นี้วัดได้ 28 ํC แน่ะ ร้อนจนฉันต้องเปิดหน้าต่างทุกบาน และเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเพียงขาสั้นกะเสื้อกร้ามเท่านั้น... จากห้องพักที่ชั้นสองมองผ่านหน้าต่างลงไปข้างล่างเห็นสระว่ายน้ำซึ่งมีน้ำพุพุ่งซ่านซ่าอยู่ตลอดเวลา ไม้ยืนต้นที่รายรอบสระก็แปรสภาพจากกิ่งก้านแห้งๆ เป็นสดสะอื้นเขียวขจีไปทุกต้นแล้ว...

บ้านฉันเองอยู่ชั้นสอง จะเข้าไปดื่มน้ำแร่หน่อยมั้ย?
มองจากสระว่ายน้ำขึ้นมา สายตาลอดผ่านดอกไม้ขาวสะพรั่งเต็มต้นเชียว
ถอยหลังไปอีกหน่อย มองจากบ่อน้ำพุ หาบ้านเกือบไม่เจอแล้ว
มกราคมของปีที่แล้ว หิมะตกอยู่เป็นอาทิตย์ ปีนี้มีเป็นเกร็ดน้ำแข็งตกลงมาแป๊บเดียว
มกราคม ปีนี้ ที่ฉันมาถึงช่วงแรกๆ หนาวมาก 3 ํ ต้นไม้โกร๋นไปหมด หดหู่ใจยิ่งนัก
ต้น มี.ค. อุ่นขึ้น ดอกไม้ก็เริ่มผลิบาน ย่องไปนั่งใต้ต้นได้ไม่นาน... หนาว 8 ํ 
มองไปทางไหนๆ ก็เห็นดอกไม้โพลนเต็มต้น แลดูขาวสะอาดตา
แล้ววันนี้ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป มีเพียงแค่ใบเขียวชะอุ่ม ดูร่มครึ้ม หมายตาไว้ว่าจะลงไปเดี่ยวกีตาร์ที่นั่น...
No, no no. It's not me...
ที่จริง ช่วงบ่าย ฉันมีกำหนดเรียนกีตาร์ Online ทุกวันถ้าไม่ออกไปไหน หรือถ้าเจ้าตัวเล็กไม่ต้องการสมาธิในการใช้สมอง... แต่วันนี้ พยายามแล้วไม่สามารถจริงๆ เพราะจู่ๆ ก็เกิดปัญหานิ้วล็อก (Inch lock) ที่นิ้วกลางมือขวา ทำให้มีอาการนิ้วสะดุด ไม่สามารถเหยียดนิ้วออกเองได้ ต้องใช้นิ้วมืออีกข้างช่วยเหยียดออก-งอเข้า ฉันไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน จึงรีบหาข้อมูลเพื่อช่วยตัวเองในเบื้องต้นอย่างถูกวิธี โดยเข้าไปดูที่เว็บสมิติเวช  (http://www.samitivejhospitals.com/) เป็นกังวลพอสมควรกับการรักษาทั้งแบบต้องผ่าตัดและแบบไม่ผ่าตัด ไอ้แบบหลังนี่ ก็ตั้งแต่ให้พักสังเกตอาการ หลีกเลี่ยงการใช้นิ้วมือ, ให้กินยาแก้อักเสบ, ฉีดสเตียรอยด์ (อาจต้องฉีดหลายครั้ง) รวมถึงการใส่เฝือกหรืออุปกรณ์ประคองนิ้ว ประมาณ 3-9 สัปดาห์ ดูเอาเถิด ไม่ว่าวิธีไหนๆ ฉันก็ไม่ Happy ด้วยทั้งนั้นแหละ  อย่างเดียวที่ประสงค์คือให้สามารถเล่นกีตาร์ได้ดังเดิมเป็นพอ... 

มือคนแก่อ่ะ ข้อกลางของนิ้วกลางบวมหน่อยๆ ปวดหนึบๆ
กรณีใส่อุปกรณ์ประคองนิ้วมือ 3-9 Wks. มะเอามั้ย
กรณีฉีดยาสเตียรอยด์ซึ่งต้องทำซ้ำหลายๆ ครั้ง ก็ไม่เอาอ่ะ
ผ่าตัด... ปรื๋อ ไม่เด็ดขาด ฉันถูกผ่าและตัดมาเกือบทุกอย่างแล้ว เข็ดจริงๆ ให้ดิ้นตาย
ฉันรีบไปค้นตะกร้ายาที่จัดเตรียมมาจากไทย เจอยาแก้ปวดข้อ-กล้ามเนื้อ Celebrex 200 mg. ที่ไว้ใช้เวลาปวดเข่ามากๆ ต้องพึ่งมันพอสมควร ไม่อยากนั่งรถเข็นอีกน่ะซี ยาตัวนี้ คนอื่นกินไม่เห็นเป็นรัย แต่ฉันกินทีไรกระเพาะครากทุกที... แย่จัง ต้องอดทน ฉันบอกกับตัวเองต้องอดทนให้มากๆ จากนั้นก็ไปแช่มือในน้ำอุ่น 15 นาที ซับแห้งแล้วนวดต่อด้วย Analgesic cream อีก 15 นาที... เพี้ยง ขอให้ดีขึ้นไวๆ ด้วยเถิด... และเพื่อไม่ให้สูญเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ฉันจึงหันไปปั่นผลงานเขียนบทความแทน ดูเหมือนว่ากระแสความคิดมันพร่างพรูออกมาจากหน้าผากของฉันอยู่ได้เรื่อยๆ ยิ่งเขียนฉันยิ่งรู้สึกสนุก ก็ที่คุณๆ กำลังอ่านอยู่นี่ไง... ในสายตาใครบางคนอาจไม่มีอะไรน่าครื้นเครง แต่ว่าคุณก็จะได้รู้จักฉันมากขึ้น... ทุกทีๆ รึไม่ดี?

เป็นเพราะ นิ้วพิมพ์ได้ไม่ค่อยถนัด มันช้าจนรำคาญตัวเอง ปุ่มภาษาไทยก็ไม่มี ยิ่งทำให้ช้าเข้าไปใหญ่ กว่าจะเลือกรูปมาแปะตกแต่งได้ก็ใช้เวลาพอสมควร แต่ก็ทำให้เพลินดีไม่มีเหงาเศร้าซึม ใครจะนำวิธีของฉันไปใช้บ้างก็มิห้ามหวงนะจ๊ะ... สำหรับคลื่นความคิดของฉันในวันนี้ ออกจะหนักวิชาการไปบ้างสำหรับคนหัวศิลป์ อย่าเพิ่งเบื่อเลย ตอนต่อไปเตรียมปรับอารมณ์ให้ดีๆ เถิด... เพราะว่าฉันซุกซนค้นคว้าไปเรื่อย จนได้รู้จักเข้ากับการใช้ประโยชน์บางอย่างของบล็อก นั่นคือ สถิติ เมื่อคลิกเข้าไปในหัวข้อนั้น พบว่าได้มีการจำแนกแจกแจงข้อมูลเชิงระบบ นำเสนอโดยกร๊าฟซะด้วย... หวานเลย ไม่ต้องสำรวจด้วยตัวเอง อิอิ ฉันค่อยๆ ศึกษาทำความเข้าใจมันไปเรื่อยๆ ก็ได้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง เป็นต้นว่า ผู้เข้าชมบทความของฉันอยู่ที่ไหนกันบ้าง คำตอบคือ อเมริกา ไทย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินเดีย คอสตาริกา เยอรมนี กรีซ เคนยา มาเลเซีย และ นิวซีแลนด์... มีการเข้าดูหน้าเว็บโดยใช้ระบบ Chrome, Firefox, Mobile safari และ Internet Explorer  ช่องทางที่เข้าเยี่ยมชมก็มีทาง FB, google และ blogobo.com   บทความที่ฉันเผยแพร่ไปแล้วมีจำนวน 17 เรื่อง จากทั้งหมด 38 เรื่อง แถมยังจำแนกแยกย่อยได้อีกว่าเรื่องอะไรบ้างที่ได้รับความสนใจมากที่สุดประจำวัน ประจำสัปดาห์ ประจำเดือน และตลอดระยะเวลาที่ได้ลงโพลต์ หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า เรตติ้ง นั่นเอง ซึ่งข้อมูลนี้จะมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในทันทีที่มีการเข้าชมหน้าเว็บ อ๊ายหย๋า... ทำได้ไงเนี่ย?...ฉันรีบคลิกเข้าไปชมเป็นขวัญตาในทันที พบว่า เรตติ้ง 5 อันดับต้นๆ ประจำสัปดาห์ ได้แก่ ก่อนแต่งหลังแต่ง ออกจะแปล่งๆ แต่ก็โดน  จดหมายลูกโซ่  โอกาสดีๆ ที่พลาดไป  มุขตลกของคนเจ้าน้ำตา  และ  กระไรหนอแผลใจ หายยากจัง  เรตติ้ง 5 อันดับต้นๆ ประจำเดือน ได้แก่  โอกาสดีๆ ที่พลาดไป  รักตัวเองให้เป็น.......ไม่เห็นจะยากส์  ก่อนแต่งหลังแต่ง ออกจะแปล่งๆ แต่ก็โดน  ปลอบใจตัวเอง... ซะบ้าง  และ  คิดไม่ถึง  ส่วนเรตติ้ง 5 อันดับต้นๆ ตลอดระยะเวลาที่ได้ลงโพลต์ ได้แก่  โอกาสดีๆ ที่พลาดไป  รักตัวเองให้เป็น.......ไม่เห็นจะยากส์  ก่อนแต่งหลังแต่ง ออกจะแปล่งๆ แต่ก็โดน  ดนตรีในหัวใจ  และ  คิดไม่ถึง ...

อึ้งๆๆๆ... อึ้ง เป็นอาการที่ตรึงให้ฉันนิ่งงันค้างในท่าเดิมอยู่เป็นครู่ อย่างไม่รู้จะจัดการอะไรต่อไป ยังไงดี... ที่จริงแล้ว ฉันน่าจะภูมิใจกับระดับความสำเร็จของตัวเอง แม้จะเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ ที่เริ่มต้นแบบไม่มีสาระอะไร ทั้งยังไม่เคยมีความรู้และเทคนิคในการเขียนมาก่อน ฉันควรรู้สึกปลาบปลื้มใจที่มีผู้คนสนใจความคิดของฉัน ชื่นชอบและตอบรับแนวคิดรวมถึงการถ่ายทอดความคิดในแบบฉบับของฉัน... ซึ่งนับวันก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ... แต่อนิจจา ในใจของฉันกลับไม่ได้ลุ้นระทึกกับเรตติ้งใดๆ เลย นอกเสียจากเฝ้ามองหาสัณญานความสนใจของคนสำคัญที่สุดคนหนึ่ง ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยให้ความสำคัญกับฉันแม้เพียงเศษเถ้าธุลี ตลอดมา...

ไม่เป็นไรดอก... ฉันจะไม่เป็นไร จริงๆ

ได้แต่ฝันไปว่า สักวันหนึ่งเขาจะช่วยซับน้ำตาให้ฉันบ้าง...