วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เจ็บซะบ้าง... ก็ดี


เมื่อวาน... ทำเกียงบาดนิ้วตัวเองซะเลือดโชก... สนิมทั้งนั้น
โดนเอ็ดอีกตามเคย... ซุ่มซ่ามไม่มีใครเกิน... อร๊ากส์!
อยากบอกใจจะขาดว่าขอเปลี่ยนเป็นอุ้มแทนได้มั้ย?... แหะๆ

  

ช่วงเวลาที่เจ็บปวด... ที่จริงแล้วมันก็มิได้ยาวนานไปกว่าเวลาอื่นๆ ดอก
หากแต่เราทุกคน กลับรู้สึกตรงกันว่ามันช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้าที่สุด
แต่เชื่อเถิด อีกไม่นานก็หาย...  และแล้ว ก็จักคืนสู่ภาวะเดิมๆ ของมัน... เช่นเคย

แม้ว่าเกือบทุกอย่างจะไม่มีอะไรกลับไปเหมือนเก่าได้เลยก็ตาม... 



ใครบางคนดูเหงาหงอยสร้อยเศร้า... ครั้นพอได้เจอคนที่เฝ้าคอยซึ่งโผล่มาพร้อมของติดไม้ติดมือที่ถูกใจ แถมมีคำพูดเพราะๆ ว่าทั้งรักและคิดถึงอย่างที่สุด ก็พร้อมจะยิ้มแป้นแล้วโผเข้าหาอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น... อาจมีบ้างที่สองมือน้อยๆ ทุบหลังไหล่เพื่อลงทัณฑ์โทษฐานที่ปล่อยให้รอนาน... นี่แน่ะ ๆ... อิอิ


บางคน ยอมที่จะเจ็บจากการกดและกรีดนิ้วตัวเองลงไปบนสายเล็กๆ เพื่อให้เกิดเสียงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยคิดไปเองว่านั่นคือความสุขเล็กๆ ที่หาได้ไม่ยาก กว่าจะได้เสียงดนตรีเพราะๆ ที่ฟังออกว่านั่นมันคือทำนองเพลงซึ้งๆ และเป็นที่ยอมรับของหลายๆ คนที่อยู่ใกล้ตัว เล่นเอาหูชากันเป็นแถวๆ... โถ...


นี่ก็อีกรูปแบบหนึ่งของคนมีพรสวรรค์ด้านกีฬา ที่หาคนทำเหมือนได้ยากมากๆ... ฉีกแข้งฉีกขาฟาดซะเต็มเหนี่ยวโดยปราศจากอุปกรณ์ป้องกันอันตรายใดๆ เห็นแล้วเสียวไส้แทน ดูสิ พ่อเจ้าประคุณช่างไม่นึกกลัวเสียบ้างเลยว่าจะหล่นแอ่กลงมาซี่โครงเดาะ ศอกหัก คอหด หางคด พิการหรือเสียชีวิต... ท่าทางเล่นเอามันเข้าว่า คนประเภทนี้ใจใหญ่สุดๆ นับถือจริงๆ จ้า... และขอให้รอดปลอดภัยไปตลอดกาล นะจ๊ะ นะ 


ส่วนนี้ เป็นเรื่องการฝึกฝนของคนที่มีใจรักและทุ่มเทการฝึกซ้อมอย่างหนักทุกวี่วัน... แน่นอนว่าแรกทีเดียวคงโอดครวญกับร่องรอยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าไม่เบาเลย คงมีบางคนล้มเลิกความตั้งใจไปเสียก่อน แต่บางคนที่ยังยื่นหยัดซ้อมต่อเรื่อยๆ ในที่สุดก็เกิดทักษะความชำนาญเฉพาะตน... หลายคนประสบความสำเร็จสู่ขั้นมืออาชีพระดับก้องโลก สร้างรายได้ทะลุทะลวง เป็นที่น่าอิจฉา...


สำหรับคนขี้เมื่อยทั้งหลาย... รู้บ้างไหมว่า การเข้าสปานั้นมันเป็นทางออกที่ดี แต่จะให้มีประสิทธิภาพเยี่ยม มันต้องใช้ความร้อนเข้าช่วยด้วย... น้ำตาเทียนร้อนๆ หยดแหมะๆ ลงบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่นวดน้ำมันผ่อนคลายกล้ามเนื้อจนได้ที่... ก็น่าจะไปลองดูสักครั้งนะ... กล้าป่ะ?... อื๋ยยยส์!


ท้ายสุด... คือแพทย์ทางเลือก สำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพ... สุดแล้วแต่ใครจะบกพร่องในด้านใดของสุขภาพ... สมัยนี้ ศาสตร์การแพทย์เก่าแก่ของจีนแพร่หลายไปมากแล้วทั่วทั้งเอเชีย ยุโรป อเมริกา แม้กระทั่งในเมืองไทยของเรา...  ศึกษาข้อมูลให้ดีๆ ก่อนเข้าใช้บริการ เพื่อความปลอดภัยของชีวิต...


ภาพธรรมชาติของท้องทะเลและผืนฟ้ากว้าง มันสามารถส่งผลต่อจิตใจผู้คนได้หลากหลายอารมณ์... บ้างก็เศร้าเหงาหดหู่ บ้างก็โรแมนติกชื่นมื่น บ้างก็มีชีวิตชีวาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง ขณะที่อาจมีบางคนคิดท้อถอยจนอยากจบทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตและลมหายใจ... เฮ้อ...  

นี่แหละหนาที่เขาว่า 'คิดทุกข์สุขคลาย-คิดสุขทุกข์หาย'... สุขทุกข์ของจิตใจเรามันเกิดจากความคิดของตนโดยแท้... แม้ว่าจะเลือกเจอแต่เฉพาะสุขมิได้ แต่เมื่อยามใดที่ทุกข์มาเยือน ใจเราก็ควรต้องยอมรับความจริงให้จงได้ และหาเหตุที่มาแห่งทุกข์นั้นๆ เพื่อจักปล่อยวางกองทุกข์โดยง่ายภายในเวลาอันสมควร... สาธุ!

  

วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ตือโต๋ว... โอ้ละหนอ

ในฐานะที่เคยเรียนจิตวิทยามา... ฉันรู้ดีว่าผู้สูงอายุมักรู้สึกเหงาเพราะลูกหลานแยกครอบครัวออกไปบ้าง ออกไปเรียนหรือไปทำงานบ้าง ไม่ค่อยมีเวลาคลุกคลีใกล้ชิดผู้สูงอายุกันสักเท่าไหร่นัก ผู้สูงอายุบางรายที่สุขภาพอ่อนแอหรือเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ มักเป็นที่ห่วงกังวลสำหรับทุกคน แทบไม่เป็นอันทำงาน บางรายอาจมีภาวะซึมเศร้า หลงลืมหรือสมองเสื่อม... แต่ถ้าได้ปฏิบัติธรรมอยู่เป็นนิจ จะช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขกายสุขใจตราบนานเท่านาน เชื่อดิ

เมื่อวาน ฉันสังเกตว่าคุณย่าไอกระแอมบ่อยครั้ง... น่าจะระคายคอ ส่วนมากผู้สูงวัยไม่ค่อยชอบดื่มน้ำอยู่แล้ว ถ้าให้จิบน้ำอุ่นบ่อยๆ คงฝืนใจไม่น้อย... อย่ากระนั้นเลย ไปหากระเพาะหมูมาตุ๋นให้ทานซะหน่อยดีกว่า เมนูโปรดของพี่ชายเสียด้วย...


นี่ไง ได้มา 2 อันแน่ะ จ่ายไปแค่ 130 บาทเท่านั้นเอง ไม่แพงเลย 


จัดแจงกลับด้าน แล้วเคล้าเกลือ ขยำๆ ล้างหลายๆ ครั้งจนน้ำใส


ดูสะอาดขึ้นเยอะ... เกลือช่วยชำระเมือก และดับกลิ่นคาว
 

แต่ยังไม่จบกระบวนการทำความสะอาดหรอก ยังต้องนำไปนาบกับกระทะร้อนๆ แบบนี้จ้ะ
จากนั้น ก็เอามาวางบนเขียง ใช้มีดค่อยๆ ขูดเยื่อบุที่ยุ่ยๆ ออกให้หมด
แล้วก็เคล้าเกลืออีกสักครั้ง ก่อนล้างน้ำเปล่าจนเกลี้ยงดี


พร้อมแล้วจะตุ๋นพริกไทยดำ ใส่เครื่องปรุงเล๊ย
กระเทียม พริกไทยดำ ซุปหมูก้อน เกลือ ซีอิ๊วขาว น้ำตาลกรวดและน้ำเปล่า


ปิดหม้อ เปิดไฟแรงแค่ 10 นาทีเท่านั้น... คอยแป๊บนึง นะ นะ
พอเดือด ไอพวยพุ่งออกมาพร้อมเสียงดังฟี้ๆ... คุณย่าบอกว่าหอมโชยไป 3 บ้าน 8 บ้าน

รอจนแรงดันหมดไป เปิดฝาหม้อ ตักกระเพาะมาหั่นแฉลบแบบนี้จ้ะ


และที่ขาดเสียมิได้ ก็คือ... น้ำจิ้มรสแซ่บ 
ตำกระเทียมสด กระเทียมดอง พริกสด เกลือ น้ำตาล น้ำปลา มะนาว
แค่นี้ ก็อร่อยเหาะ... อิอิ


เห็นแล้ว อยากกิงล่ะเซ่... ไปซื้อที่ร้านไหนๆ ก็ไม่เหมือนหรอก เชื่อเหอะ
แบบเน้... มีฉันทำอยู่คนเดว จริงจริ๊ง!
 

จุ๊ๆ... อย่าเอาสูตรเด็ดไปบอกใครนะ... ฉันทำไปงั้นๆ แหละ... อายเค้า!
 

วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แกงป่าแสนเปิ่น

วันนี้นึกครึ้ม อยากทานอะไรที่หอมสมุนไพร รสแซ่บคล่องคอ จึงบึ่ง ม.ไซค์ไปตลาดท่าอิฐ เลือกซื้อวัตถุดิบมาหลายอย่าง... จัดแจงแช่น้ำยาล้างผัก 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีก 2 ครั้ง...


มะเขือเปราะ ข้าวโพดอ่อน ถั่วฝักยาว กระชาย พริกชี้ฟ้า


ใบกระเพราจ้ะ ทั้งหอมทั้งเผ็ด ที่จริงอยากได้สีแดงแต่ไม่มีขาย แม่ค้าบอกว่ามันแข็ง 
 

ใช้ฝอยเหล็กขูดผิวกระชาย ล้างให้สะอาดแล้วหั่นฝอยๆ พริกก็หั่นแฉลบตามรูป


ใบมะกรูดเก็บเอาจากต้น ล้างน้ำ แล้วฉีกๆ เพื่อให้มีกลิ่นหอมระเหย
 

หั่นถั่วและข้าวโพดอ่อน ยาวประมาณ 1 นิ้วฟุต
 

มะเขือเปราะ ตัดหัวท้ายแล้วผ่าสี่ส่วน แช่น้ำทันที


สะโพกไก่ ล้างน้ำจนสะอาดดี เลาะหนังและมันออก หั่นชิ้นพอคำ



ปรุงเล๊ย... เริ่มจากตั้งหม้อบนเตา เปิดไฟอ่อนๆ ใส่น้ำมันพืช 2 ชช. นำพริกแกงลงผัดให้หอม


ใส่น้ำซุปเล็กน้อย คนให้ละลาย... 


พอเดือดแล้วจึงนำไก่ที่หั่นไว้ใส่ลงไป เร่งไฟแรง เติมน้ำตาลปี๊บ น้ำปลาดี


พอเดือดก็จะได้กลิ่นหอมฉุยเตะจมูก... ใส่ผักที่ไม่เละ ข้าวโพดอ่อน


เติมน้ำซุปแค่พอท่วม รอจนเดือด... อื้อ... ฮ้อม หอม แหละ


ใส่ถั่วและมะเขือเปราะตามลงไป คนให้ทั่ว... เร่งไฟแรงสุด


ชิมรสตามชอบ เมื่อได้ที่แล้วก็โรยกระชาย พริกและใบมะกรูด ปิดไฟ ยกหม้อออกจากเตา


เสียดาย... ถ้าหาใบกะเพราแดงได้จะหอมกว่านี้มาก 
บางคนก็ใส่ผักอื่นๆ ด้วย เช่น ถั่วพู มะเขือพวง หน่อไม้ ยอดมะพร้าว พริกไทยอ่อน เห็ด
  
อ้อ เกือบลืมไปแน่ะ ฉันมีเคล็ดลับจะบอก
 
ต้องโรยข้าวคั่วนิดหน่อยเพื่อให้ได้กลิ่นหอมยั่วใจ ก่อนยกไปเสิร์ฟร้อนๆ 

ฉันทานกับเส้นขนมจีนจ้ะ ได้ยอดมะกอกเป็นผักเหมือด

และชามนี้... ใส่ใจไปด้วยนะนั่นหนะ... เห็นแล้วยัง?

 << คริ คริ >>