วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

โอกาสดีๆ ที่พลาดไป

          

เห็นรูปที่มีชีวิตชีวาอย่างนี้ อดไม่ได้ที่จะคิดเผื่อ... ว่านาทีต่อๆ ไป มันน่าจะเกิดอะไรขึ้น


วันหนึ่ง นั่งเรียนอังกฤษเพลินๆ... โดยบังเอิญได้พบเรื่องราวที่น่าประทับใจ จึงนำมาขยายความ หวังว่าจะเป็นที่ชื่นชอบของหลายๆ คน ที่ติดตามอ่านเรื่องเล่าของฉัน

`•.¸♥ ♫ ✿ (( เรื่องมีอยู่ว่า ))    ¸.•´ 


       เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา "The Washington Post" หนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงของกรุงวอชิงตัน ดีซี ได้จัดให้มีกิจกรรมเพื่อทดสอบพฤติกรรมการรับรู้ การให้ความสำคัญของผู้คนในชั่วโมงเร่งด่วนของการเดินทาง ที่มีต่อสิ่งกระตุ้นอันสวยงามและทรงคุณค่ายื่ง...  เริ่มต้นขึ้นในยามเช้าของวันที่หนาวเหน็บ ณ สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินแห่งหนึ่ง ขณะนั้นผู้คนต่างเร่งรีบเดินทางไปทำงาน มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาเมียงๆ มองๆ ก่อนจะเลือกวางข้าวของหลบอยู่ข้างเคาน์เตอร์ จากนั้นก็เริ่มบรรเลงไวโอลินด้วยบทเพลงคลาสสิก นานเกือบชั่วโมง มีผู้คนผ่านไปมามากมาย กว่า 1,000 คน เชียวแหละ....  (มามะ ไปดูพร้อมๆ กันที่นี่เลย!)

         ท่ามกลางความขวักไขว่นั้น แรกๆ พอผ่านไปราว 3 นาที มีชายวัยกลางคนรายหนึ่งหันมามอง ชะลอฝีเท้าเล็กน้อย แล้วก็เดินต่อไป... อีก 1 นาทีหลังจากนั้น หญิงคนหนึ่งหย่อนดอลล่าร์ให้โดยไม่ยอมหยุดเดิน ครู่ถัดมาเห็นมีชายคนหนึ่งยืนพิงกำแพงชมการแสดงอยู่ชั่วอึดใจ ครั้นพอยกนาฬิกาขึ้นดู ก็ต้องรีบโกยอ้าว.... โดยรวมๆ แล้ว จะเห็นว่าเด็กๆ ทุกคนที่ผ่านมา มักให้ความสนใจต่อการแสดงนี้มากเป็นพิเศษ แต่ก็นั่นแหละ ผู้ปกครองจะปล่อยให้มีโอกาสยืนชื่นชมตามต้องการได้ซะที่ไหนกัน ตลอดช่วงเวลาของการแสดงตั้งแต่ต้นจนจบ นับจำนวนผู้ที่หยุดเพื่อชมหรือให้รางวัลได้แค่ 20 คน ได้รับเงินทั้งสิ้น 32 ดอลล่าร์ เท่านั้น

          เมื่อการแสดงยุติลง ทุกอย่างกลับคืนสู่ความเงียบงัน ไม่มีแม้เสียงปรบมือ ไม่มีใครสนใจใครทั้งนั้น...... เออนะ ไม่มีเลยสักคนเดียวที่รับรู้ว่าการแสดงที่จบไปตะกี้นี้ มันได้เกิดขึ้นตรงนี้จริงๆ โดยผู้ชายคนนั้น ที่ชื่อ โจชัว เบล (Joshua Bell) นักไวโอลินชั้นนำของโลก ซึ่งไวโอลินของเขามีราคากว่าร้อยล้านบาทแน่ะ และหารู้ไม่ว่าก่อนหน้านี้เพียง 2 วัน บัตรชมคอนเสิร์ตของเขาที่บอสตันซึ่งราคาสูงถึงใบละ 3,500 บาท ถูกซื้อไปจนหมดเกลี้ยงในพริบตา ที่สำคัญ บทเพลงที่เขานำมาขับกล่อมในเช้านี้ ก็คือบทประพันธ์ที่แสนไพเราะซึ่งเขาเตรียมจะแสดงในคอนเสิร์ตเช่นกัน.... โอ พระเจ้า! รู้อย่างนี้แล้ว คุณๆ ทั้งหลายที่พลาดโอกาสดีๆ ตรงหน้าไปแล้วนั่น ยังอยากจะย้อนอดีตให้หวนคืนกลับมาบ้างรึเปล่าน้อ?

Joshua Bell เดี่ยวไวโอลิน 
          ในบรรดาเราๆ ท่านๆ ล่ะ แม้ว่าจะไม่ได้พบเจอประสบการณ์ตรงเช่นพวกเขาข้างต้น แต่ก็คงได้ข้อคิดที่เป็นประโยชน์กันไปบ้าง ไม่มากก็มากที่สุดกระมัง..... กี่ครั้งแล้วหนอ ที่เคยรีบร้อนข้ามผ่านเรื่องราวดีๆ ไปอย่างคาดไม่ถึง มาสำนึกเอาป่านนี้เหอะ มันน่าเสียดายจริงๆ... หากคำอธิษฐานขอพรสมประสงค์ได้สักครั้ง ฉันขอเพียงอย่ามีใครต้องพลาดโอกาสดีๆ ไปก็แล้วกัน

จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน มีเธอ มีฉัน... มีเราตลอดไป ได้รึเปล่า?
และนับต่อจากนี้ เราน่าจะต้องผ่อนฝีเท้าให้เนิบช้าลงบ้างสินะ เพื่อที่จะสัมผัสซึมซาบสิ่งสวยงามรอบๆ ตัวให้ได้มากกว่าก่อนไงล่ะ... เพียงแค่คิด โลกนี้ก็น่าภิรมย์ขึ้นเยอะเลย... ว่าไปนู่น!




12 ความคิดเห็น:

  1. นู่ก็เคยมองข้ามโอกาสดีๆ ไปครั้งนึง

    จนทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกเสียดายไม่หาย . . .

    คุณยายเล่าเรื่องได้น่าอ่านมากค่ะ เป็นกำลังในให้นะคะ ^^

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณมากจ้า... คนดี... ชอบก็ตามอ่านเรื่องอื่นอีกนะจ๊ะ นะ... :)

      ลบ
  2. เราน่าจะต้องผ่อนผีเท้าให้ช้าลงเพื่อที่จะได้สำผ้สซึมชาบสิ่งสวยๆงามรอบตัวให้ได้มากขึ้น
    ....แล้วเราจะได้ไม่พลาดโอกาศดีๆอย่างเรื่องนี้....

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ใช่แล้วจ้ะ เดินเร็วไปมักละเลยบางอย่างที่อาจดูเหมือนไม่สำคัญ...

      ลบ
  3. นั่นซินะคับ..เมื่อมีลิขิต จะโดยอะไรก็แล้วแต่ ให้มาเจอกัน มารุจักกัน มาได้สัมผัสสิ่งที่ดีและไม่ดีร่วมกัน ถือเป็นโอกาสที่ดี ก็ไม่มีเหตุผลที่ จะปล่อยให้มันผ่านไป หากผ่านไปไกลแล้ว จะกลับมาได้อย่างไร กลับมาเถอะครับ ยาย อย่าปล่อยโอกาสดีๆผ่านๆไปเลย หรือไม่อยากกลับมาเจอกันแล้ว.......

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ข้ามผ่านความรู้สึกที่ไม่ดียังไม่ได้ จ้ะ... มันทำใจลำบาก จัง...

      ลบ
  4. มีคำฝรัั่งที่อาจเกี่ยวข้องกันบ้าง คือ Ability. กับ Opportunity. ความสามารถกับโอกาส หรือ เก่งกับเฮง มีเก่งแต่ไม่มีโอกาสดี ก็หมดสิทธิ์ประสบความสำเร็จ แต่มัโอกาสแต่ไม่เก่ง ก็มีสทธิ์มากกว่า โอ๊ย!!!พูดเพ้อเจ้ออยู่คนเดียว สรุปว่า คิดถึงยาย ยานยกลับมาเถอะนะ ผมสัญญาจะไม่ดื้อกับยายอีกแล้ววว......

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อูยยยส์... คุณนี่ก้อ...
      มีบางคนเค้าไม่อยากเห็นหน้าฉัน... อย่าเรียกร้องให้กลับมาเลย...

      ลบ
  5. จากประสบการณ์ที่เคยมองผ่าน จะบอกว่าเป็นสิ่งดีก็บอกไม่ได้ หรือไม่ดีก็บอกไม่ได้ เพราะยังไม่ได้พิสูจน์ ถ้าได้พิสูจน์แล้วว่าดีเรายังมองข้ามไป ไม่สนใจ ทิ้งขว้างถือว่าเราเสียใจและเสียดาย เอาเป็นว่าเคยมองผ่านสิ่งที่ประทับใจจะเหมาะกว่า แต่มันไม่ทำให้เสียใจเพียงแต่มันหาคำตอบไม่ได้ว่า ทำไม ทำไม..จึงเป็นเช่นนั้น แต่ไม่เสียดายเพราะยังไม่รู้ว่าดีหรือไม่
    แต่จากเรื่องนี้ก็ได้แง่คิดว่าเราต้องดูนานๆ ใช้ความคิด วิจารณญาณ ให้รู้ความจริงข้างใน เราจะได้ไม่พลาดโอกาสอันดี ..
    แต่ที่ได้รับประสบการณ์ตรงอยู่ขณะนี้ วันนี้ วินาทีนี้ มันทำให้เสียใจ..เสียดายที่เราจะพลาดโอกาสดีๆจากผู้เขียน เพราะไม่รู้ว่าจะยังกลับมาเขียนให้เราอ่านอีกหรือไม่..miss u

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อย่าเสียใจไปเลย ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม... เดินหน้าต่อไปอย่างเบิกบานใจดีกว่า
      และขออย่าได้พลาดโอกาสดีๆ อะไรอีก นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป...
      ขอบคุณที่ชอบ... ผลงานของฉัน จ้ะ

      ลบ
    2. Some people come in your life as blessings,other come in your life as lesson

      thank for kindness

      ลบ

เมื่ออ่านจบแล้ว เมนต์หน่อยดีมั้ย? อะไรก็ได้ที่อยากให้ฉันได้รับรู้... จากคุณ!