วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เวลาจะช่วยอะไร



วันหนึ่ง มีสาวน้อยสดใสคนหนึ่ง ตั้งกะทู้ถามมาในสตรีมโพสต์... ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อคนเรารักกัน?... มีคนให้ความสนใจและร่วมแสดงความเห็นมากมายหลายหลาก บ้างก็ตอบว่า ความเข้าใจ, ความซื่อสัตย์, การให้อภัย, ความเอาใจใส่กันและ, เซ็กส... ฯลฯ และ เวลา...


อืมห์... บอกแล้ว ว่าคนเรามีสิทธิ์ที่จะคิดในรูปแบบของตัวเอง... ไม่มีใครห้ามใครได้หรอก




เพลง "คนไม่มีเวลา"  ศิลปิน : ว่าน ธนกฤต


กริ๊งๆๆ..... เสียงโทรศัพท์ที่มุมโต๊ะทำงานดังขึ้น ฉันเอื้อมมือไปรับสายในทันที
“สวัสดีค่ะ... รับสายค่ะ” ฉันส่งเสียงใสๆ ไปตามสาย เหลือบดูนาฬิกาที่ผนัง บอกเวลา 14.15 น.
“อ้อ เจอตัวพอดีเลย เดี๋ยวออกเยี่ยมบ้านกับพี่หน่อยนะ อีก 15 นาที เจอกันที่รถ” ฉันออกจะงงๆ กับคำข้อร้องแกมบังคับของพี่ตา เพื่อนรุ่นพี่ แต่ก็รีบเตรียมของใช้จำเป็น ก่อนมุ่งตรงไปยังสถานที่นัดหมาย... ที่นั่น พี่ตานั่งรออยู่ในรถพยาบาลก่อนแล้ว...
“สวัสดีค่ะพี่ตา ขอโทษนะคะ ที่มาช้า” ฉันรีบออกตัวไว้ก่อน ไม่อยากโดนดุนี่นา
“ไม่ช้าหรอก พี่มันคนใจร้อนก็เลยมาคอยในรถก่อน มาขึ้นมา.... ออกรถได้” พี่ตาสั่งล้อหมุนทันที เธอกระฉับกระเฉงเสมอไม่ว่าฝนจะตกแดดจะออก หรือใกล้ไกลแค่ไหน.... ขอให้รู้ว่ามีคำร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ป่วยทางบ้านเหอะ
“บั๊ดดี้ของพี่ตาไปไหนคะ?” ฉันถามหาเพื่อนร่วมงานอีกคนที่เป็นคู่หูของเธอ
“เค้าไปอบรมตลอดสัปดาห์ ก็เลยต้องรบกวนน้อง... นี่ไง คงไม่ว่ากันนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ น้องยินดีเสมอ ขอให้บอก” ฉันระล่ำระลักบอกไปเพื่อให้พี่เค้าคลายกังวล
“เราจะไปทำแผล เปลี่ยนสายสวนปัสสาวะและสายยางป้อนอาหารให้คนแก่รายหนึ่งที่เกาะ อาจกลับมาช้าหน่อย ทางบ้านจะตำหนิหรือเปล่า? แต่พี่สั่งเด็กโทรไปแจ้งให้แล้วนะ” ดูเธอรอบคอบจริงๆ อุตส่าห์มีน้ำใจจัดการเรื่องส่วนตัวให้ด้วย ไม่รู้ทำไม ใครต่อใครไม่ชอบที่จะอยู่ใกล้ๆ เธอนัก...
“ขอบคุณค่ะ” ฉันพูดได้แค่นั้น... เงียบกันไปพักนึง... ถึงสะพานปลา เราย้ายสัมภาระไปขึ้นเรือ มองเห็นเกาะอยู่ลิบๆ ตรงหน้า... บึ่งเรือไม่เกิน 15 นาที เทียบท่าหน้าบันไดเรือนไม้ขนาดย่อมๆ หลังหนึ่ง สภาพเก่าทรุดโทรม... พี่ตาเดินนำหน้าอย่างคุ้นเคยเข้าไปในเรือน... ผ่านเด็กรุ่นสาว 2 คน และหญิงสูงวัยร่างอวบอีกคนหนึ่ง นั่งหน้างอกันอยู่ที่ระเบียงด้านนอก โดยไม่ลุกมาทักทาย... ฉันเองออกจะงงๆ กับท่าทีของเจ้าของบ้านเหล่านั้น แต่ก็รีบจ้ำอ้าวตามพี่ตาไปติดๆ...

ชายแก่คนหนึ่ง นอนทอดกายบนที่นอนเก่าๆ บนพื้นกระดาน ร่างกายซีด ซูบผอม แววตาร่วงโรย ริมฝีปากแห้งแตก... ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงผ้านุ่งปิดท่อนกลาง เท่านั้น ความสะอาดไม่ต้องถามถึง... ดูน่าเวทนานัก... เราทักทายคนไข้ตามธรรมเนียม มือก็ทำงานไปตามหน้าที่... แผลกัดทับที่ก้นขนาดใหญ่และลึกมาก ต้องใช้ผ้าก๊อซที่เตรียมมาเป็นพิเศษ มิน่า พี่ตาถึงได้ขนเครื่องมือมาซะห่อเบ้อเริ่ม...

“เดี๋ยวเสร็จแล้วก็อุ้มขึ้นรถไปซะด้วยเลยสิคุณหมอ ไม่ต้องลำบากไปๆ มาๆ อยู่บ่อยๆ ให้รำคาญ” ยายพูดดังฟังชัด... ขณะที่เรากำลังเช็ดตัวให้คนไข้เพราะความสงสารที่ขาดการดูแลใจใส่จากญาติ...

“คนป่วยเรื้อรังที่พอจะดูแลกันเองที่บ้านได้ก็ช่วยๆ กันหน่อยเถอะ สอนทุกอย่างให้ญาติแล้วนี่นา... ที่เจ็บไข้รายใหม่ก็ล้นโรงพยาบาลทุกวี่วัน... เห็นใจกันบ้าง” พี่ตาโต้กลับอย่างเฉียบขาด ทำให้อีกฝ่ายนิ่งไป...

“อาหารสำหรับป้อนทางสายยางก็เอามาให้กระป๋องหนึ่ง รักษาความสะอาดอุปกรณ์ให้ดีๆ ไม่งั้นคนไข้จะท้องเสียได้” พี่ตาสำทับ ก่อนจะลงเรือน... เราไม่ได้ล่ำลากันอย่างที่ควรจะเป็น ไม่แม้กระทั่งล้างมือฟอกสบู่... ขึ้นนั่งในรถเสร็จสรรพจึงค่อยเช็ดด้วยอัลกอฮอล์เจล... ฉันนิ่งงัน ไม่มีคำถามหลุดจากปาก ความหดหู่ใจเข้าครอบงำ...

“ก่อนเคยหล่อเคยรวย เป็นไต้ก๋งเรือ เนื้อหอมเสียจนใครต่อใครฝันถึงเลยหล่ะ” นี่คือคำบอกเล่าสั้นๆ ของพี่ตา ฉันเองนึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง... สายใยรักของครอบครัวมันขาดหายไปตอนไหน เพราะอะไร... ยามนี้ ดูเหมือนทุกคนอยู่ร่วมชายคากันอย่างพร้อมหน้า... มีเวลาให้กันและกันอย่างเต็มที่ทุกๆ วัน วันละ 24 ชั่วโมง... เพียงแต่ ไม่เป็นที่ต้องการเอาเสียเลย...

อาห์.... เวลาไม่ช่วยอะไรจริงๆ




6 ความคิดเห็น:

  1. จิตมนุษย์นี้ไซร์ ยากแท้ หยั่งถึง จริงๆ เลย.....

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ใช่เลย... ไม่มีใครคาดเดาอนาคตของตัวเองได้จริงๆ...
      คนที่รักกันมาก ไม่พร้อมจะลาจากก็อาดูร
      ส่วนคนที่หมดรักหมดเยื่อใย ก็ไม่เหลียวแลกันเลย...
      อกเขา อกเรา... มีรักมาก ก็มีแค้นมาก... ยากที่คนอื่นจะเข้าใจจ้ะ

      ลบ
  2. ชีวิตมนุษย์มันสุดจะคิดจริงๆ..มีให้เห็นหลากหลาย..อ่านแล้วก็ซึม.และก็มานั่งปลง น่าสงสารนะ..ทำไงได้เส้นทางของแต่ละชีวิต เราไม่สามารถเข้าใจได้ คิดแทนเค้า ก็คิดไปเรื่อยเปื่อย แต่ที่แท้จริงแล้วมันคืออะไร แม้แต่ตัวเจ้าของชีวิตอย่างเรา เราก็เหอะ เรายังตอบตัวเราเอง ไม่ได้เลย ว่าทำไมชีวิตเราจึงต้องเป็นแบบนี้..ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติกันดีกว่า..หาทางนิพพานกันดีมั้ย..จะได้ไม่ต้องเวียนว่ายมาเจอสิ่งเดิมๆกันอีก..อืมห์..พล่ามซะยาวเลย ผู้เขียนอย่าเพิ่งเบื่อซะก่อนล่ะ ขอบคุณค่ะ ที่ทนอ่าน คริ คริ
    *kon chon*

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. สาธุ... ศีล สมาธิ ภาวนา... พอจะช่วยให้เห็นทางสว่าง ตื่นและเบิกบานในชาตินี้ จ้ะ

      ลบ
    2. สมาธิกะภาวนาได้หมั่นฝึกอยู่เป็นประจำ แต่ศีลนี่ซีแค่ 5-8 ข้อ เท่านั้น ตลอดชีวิตนี้ไม่รู้ว่าจะได้แค่ไหน ไงก็เพียรพยายาม เผื่อจะได้ไปสู่ภพที่ดีกะเค้าบ้าง จากการอ่านธรรมะ..บอกว่า ถ้าเราปฏิบัติแล้วพบความสุข ตื่นและเบิกบานในชาตินี้ได้ ภพหน้าเราก็จะสุขได้เหมือนกัน ฉะนั้นเวลาอธิษฐานอย่าลืมขอทั้งชาตินี้และชาติหน้ากันด้วยนะจ๊ะ

      ลบ
    3. ขอเป็นฝ่ายให้ดีกว่าจ้ะ ไม่ค่อยอยากได้อะไรจากใคร... พอแระ... เยอะเกินก็รก!!

      ลบ

เมื่ออ่านจบแล้ว เมนต์หน่อยดีมั้ย? อะไรก็ได้ที่อยากให้ฉันได้รับรู้... จากคุณ!