วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หรือมันคือ... ความรัก # ตอน กรุเพื่อนเก่า


"ปริ๊นๆ รับพัสดุด้วยคร้าบ พัสดุมาส่งคร้าบ" เสียงเรียกโหวกหวกดังขึ้นหน้าบ้าน มองผ่านกระจกสีชาก็เห็นบุรุษไปรษรีย์ในเครื่องแบบยืนอยู่ข้างๆ มอเตอร์ไซค์คันเก่าที่มีกระเป๋าตราสัญลักษณ์ไปรษณีย์พาดอยู่หลายใบ ฉันจึงรีบเปิดประตูออกไปรับในทันที...


ว้าว... มันเป็นกล่องพัสดุ EMS ส่งถึงฉันซะด้วย... แปลกใจนิดๆ ที่ยังมีคนคิดถึงฉันแล้วเลือกใช้วิธีการมอบของให้ถึงมือแบบโบราณเช่นนี้... นามผู้ส่งและที่อยู่นั่นช่างไม่คุ้นตาเอาเสียเลย กล่องเบ้อเริ่มช่ะ ไม่รู้ว่าส่งอะไรมาให้เยอะแยะ แกะดูเลยดีกว่า... โอ๊ะ มีจดหมายแนบมาด้วยแฮะ!

หนูหลี เพื่อนรัก (เพื่อน... เอ๋ ฉันมีเพื่อนชื่อนี้ด้วยหรือ ตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะหวา?)

เราเองนะ คงจะจำไม่ได้แล้วสิท่า ใช่ไหม... (ใครหนอ ฉันพุ่งสายตาปรู๊ดไปที่คำลงท้ายในทันที... อ๋อ หลิวน่ะเอง เพื่อนข้างบ้านสมัยเด็กที่ไม่เจอกันมานานนักหนาแล้ว ตั้งแต่จบชั้นประถมครอบครัวของเธอก็ย้ายไปอยู่ที่อื่นกันหมด... ภาพความหลังผุดขึ้นมาในห้วงความคิด... ลุงขี้เมากับป้าตัวเล็กๆ ที่มีลูกฝาแฝด... พี่สาวคนโตชื่อพี่หม้อ ถัดมาเป็นลูกแฝดชายหญิงคู่แรก มีชื่อว่าชามกับช้อน และตามด้วยแฝดชายหญิงอีกคู่ชื่อกะทะกับตะหลิว ซึ่งมีเพียงฉันคนเดียวที่ไม่ยอมรับชื่อของเธอ เพราะคิดไปเองว่าตะหลิวมันคล้ายจวัก เด๋วเกิดมีคนไม่พอใจเธอเรียกชื่อซะเสียๆ หายๆ ว่าจวัก คงจะน่าเกลียดพิลึก ฉันจึงเรียกเธอเสียใหม่ว่าหลิว อันหมายถึงดอกไม้ที่งดงามในสายตาของฉัน)


ได้ข่าวว่าแกมีครอบครัวอยู่สุขสบายทางนี้ก็ดีใจด้วย อยากเจอมากแต่คงไม่มีวาสนากระมัง ไม่คิดจะมาหาหรอกเพราะกลัวหลง เราคนบ้านนอกไม่ชินกับการเดินทางไกล เวลาไปไหนมาไหนแต่ละครั้งปวดหัวแทบระเบิด... (บทนำของเธอนึกภาพตามได้ไม่ยากนัก แม้จะยังไม่รู้ข่าวคราวว่าสุขสบายดีหรือไม่ และเปลี่ยนไปกี่มากน้อยยังไงบ้างแล้ว...)

ไอ้พี่ชามของเรามันกลับไปที่บ้านเมื่ออาทิตย์ที่ก่อนนู้น ไปงานเผาศพญาติของเมียมัน เห็นว่าเป็นไข้หวัดใหญ่แล้วปอดติดเชื้อรุนแรง นอนโรง'บาลสามวันตาย... ก็เลยได้ถามข่าวคราวถึงแก รู้หรือเปล่าว่ามันยังคิดถึงแกอยู่ตลอดเวลา นี่ถ้าหากเมียมันรู้เข้าคงได้หูยานเป็นแน่ (อ้าว เกี่ยวอะไรกับฉันงั้นรึ? ง่า... พี่ชายของเธอหน้าตาเป็นไง ฉันลืมไปหมดแล้วจริงๆ โทษทีนะ)


แกได้เป็นพยาบาลสมใจอยากเลยเนอะ ดีจัง ตอนเด็กๆ ออกจะบอบบางปานนั้น จำได้ว่าเวลาวิ่งหนีหมาบ้าหน้าร้อนกันทีไร เราเห็นแกร้องไห้ทุกทีน่าเวทนานัก (โห อะไรจะขะไหนหนาด ก็คนมันกลัวนี่นา วิ่งไม่เร็วเหมือนใครเค้าซะด้วย ภาพนั้นคงจะขี้มูกขี้ตาเกรอะกรังมิใช่น้อยๆ จะจำไปทำไม้... โธ่!) ว่าแต่ทำไมถึงเป็นโรคหอบเอาตอนนี้ล่ะ มัวดูแลแต่คนอื่นหรือไง แกดูแลตัวเองบ้างไหม เราอยากให้แกลองอบสมุนไพรนี่ดูสักหน่อย มันช่วยบรรเทาอาการหอบหืดได้ ช่วยให้ผิวพรรณดีด้วย เราปลูกเองแหละ หั่นตากแห้งแล้วก็ส่งไปขาย ทำมาตั้งนานแล้ว ไอ้พี่ชามมันคะยั้นคะยอให้ส่งมาเยอะๆ เพื่อแกโดยเฉพาะ ถึงจะดูไร้ราคาค่างวดก็อย่าได้โยนทิ้งไปล่ะ เข้าใจไหม (โอ๊ะ ที่แท้ก็เป็นหมอแผนโบราณนี่เอง กลิ่นสมุนไพรหอมชวนชื่นใจ ฝนปรอยๆ อย่างนี้ ได้อบไอน้ำก็ดีเหมือนกัน ขอบใจจ้ะเพื่อน เธอช่างมีน้ำใจต่อฉันจริงๆ อิอิ)


ถ้าใช้แล้วได้ผลดีก็ส่งข่าวบอกเราหน่อย คราวหน้าจะส่งมาอีก ให้ฟรีๆ ไม่มีหวง อย่าคิดมากล่ะ เราแค่ไม่อยากให้แกเป็นอะไรไปซะก่อนที่จะได้ขอพึ่งพาอาศัยบ้างก็เท่านั้น ฮ่าๆ แค่นี้ก่อนนะ คราวหน้ามีอะไรดีๆ จะเล่าด้วยแหละ รับรองว่าเยอะ

คิดถึงนะ... หลิว


ฉันออกจะงงๆ หลังจากอ่านจดหมายจบ... จริงสิ ก่อนหน้านี้ ฉันก็เคยรณรงค์การสร้างสุขภาพแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน ด้วยการอบสมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพมาแล้ว อุตส่าห์ค้นคว้าตำรับยาไทย และตัดเย็บกระโจมเองกะมือโดยใช้ผ้าขาวม้าสามผืน ช่วยคนเป็นภูมิแพ้มาแล้วหลายต่อหลายคน... กลับลืมเสียสนิทเลย หลังจากที่ป้าบ่นหลายครั้งว่าเหม็นกลิ่นยาต้ม ฉันเลยยกให้คนไข้รายหนึ่งไป แถมไปช่วยทำให้ถึงที่บ้านเขาแล้วก็ไม่เอากลับมาอีกเลยนับแต่นั้น...


ดีล่ะ อาจต้องรื้อฟื้นขึ้นมาอีกสักรอบ... เผื่อว่าจะดีขึ้นได้โดยไม่ต้องพึ่งยาขยายหลอดลม

มีเพื่อนน่ารัก ๆ อยู่ในกรุกะเขาเหมือนกันนะ ฉัน!

ดีจริงๆ