วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

พร้อมรับพรปีใหม่


ใกล้ปีใหม่แล้วจ้า... ใกล้ปีใหม่แล้ว... 


พวกเราพี่น้องไทยจำนวนมากเหนื่อยและเครียดกันมานานพอควรแล้วหนา กับการรวมพลังเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองของกลุ่มคนส่วนหนึ่ง เพื่อส่งผลให้เกิดประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข...


ครั้นพอถึงโอกาสพิเศษที่จะมีวันหยุดยาวๆ ต่อเนื่องกันตั้งหลายวัน ใครๆ ก็คงอยากไปเที่ยวที่ไหนไกลๆ สักแห่ง ให้รู้สึกสดชื่น สนุกสนาน มีชีวิตชีวา... ก่อนจะกลับมาก้มหน้าทำงานเพื่อเงินตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตอย่างที่เคยๆ

แต่จะว่าไปแล้ว ช่วงเทศกาลทีรัย รถเยอะชะมัด ไม่ว่าที่ไหนๆ... ฉันล่ะสุดเซ็งกับการเดินทางเสียจริงๆ เคยหลายครั้งที่ทำเอาไม่แน่ใจว่าจะไปเที่ยวดีหรืออยู่บ้านดี... สรุปแล้ว นอนเฝ้าบ้านดีก่า เง้อ
 

ปีนี้ เดิมทีเดียวกะว่าจะลงใต้ ไปพักผ่อนกันทั้งครอบครัวแถวๆ เขาหลัก จ.พังงา โน่น... เพราะเจ้าตัวเล็กก็อุตส่าห์บินกลับมาบ้าน แต่พอเอาเข้าจริงๆ ปรากฏว่าจองที่พักไม่ทัน... โห เชื่อเลยเนอะ ชาวต่างชาติเนี่ยเค้าเล่นจับจองที่พักล่วงหน้ากันนานๆ เลยทีเดียวอ่ะ... โปรแกรมของฉันเลยเป็นหมันซะงั้น...


ว่าแต่ปีใหม่นี้ เพื่อนๆ มีโปรแกรมไปเที่ยวไหนกันมั่งน้อ?...

อยากรู้จัง บอกกล่าวกันบ้างเซ่... ถ้าไม่กลัวว่าฉันโผล่หน้าไปจ๊ะเอ๋นักล่ะก้อ... อิ อิ
 
        
 
ตะว่า... จะยังไงก็แล่วแต๊
 
ขอให้รวยและมีความสุขกันจนล้นปรี่... ทู้กคน นะจ๊ะ นะ
 
 

วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

หวานสอดไส้

หลายวันมานี่ บรรยากาศค่อนข้างชุ่มฉ่ำกับสายฝนไปทั่วทุกภูมิภาค ดูภาพข่าวทางทีวีเห็นว่าบางแห่งถึงกับท่วมเจิ่งจนเป็นต้องประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ... เศร้าเลย... ยังไงก็ขอให้พระเจ้าอำนวยพรให้รอดปลอดภัยและผ่านพ้นไปได้ด้วยดีทุกครอบครัว ทุกๆ คน เทอญ... สาธุ!

ว่ากันตามจริงแล้ว เวลาที่ฝนฟ้ากระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตา ผู้คนก็อดที่จะโอดครวญกับปัญหาน้ำท่วมน้ำขังมิได้ ทั้งที่เมื่อไม่นานมานี้ ยังพากันบ่นร้อนชิ_xายกันอยู่ปาวๆ ยิ่งรายที่ต้องพึ่งพาน้ำท่าจากธรรมชาติก็สุดเซ็งเพราะพืชพันธุ์ตายซากจากภาวะแล้งน้ำ ทำเอาบรรดาผักสดในตลาดต่างๆ แย่งกันขึ้นราคาจนแทบจะเลิกกินผักเสียให้รู้แล้วรู้แร่_ไปเลย... โอ้ย น้อ... อะไรจะขะไหนหนาด

ไอ้ฉันมันคนว่างจัดก็คิดไปซะไกล เรื่อยเปื่อยอีกแระ... อ่ะ หาเพลงเพราะๆ มาให้ฟังดีกว่า... เป็นเพลงโฟล์คสากลในเวอร์ชั่นของสาวเอเชีย Wee Gee มีใครเกิดทันยุคเธอบ้างไหม? ซัก 30 ปีก่อนนู่น อิอิ... เพลงนี้ เคยมีคนบอกว่าฟังแผ่วหวานปนเศร้าอย่างบอกไม่ถูก... ลองฟังดูนะ "Donna Donna" จ้ะ



ไง... เพราะไหม? ฟังจบแล้วหลายคนอาจคิดเหมือนฉัน คือชอบจังทั้งที่ฟังไม่รู้เรื่อง... (๕๕๕) ไม่เข้าใจความหมาย ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาสื่อถึงอะไร... เซาะกราวจังเลยนิ

จึงเกิดกิเลสอยากรู้สักนิดว่าเพลงที่ชอบฟังบ่อยๆ จนอยากร้องได้เองเพลงนี้ มันมีความหมายว่าอย่างไรบ้าง... ก็เลยพยายามเสาะหามา ได้ความว่า... เดิมทีเขาประพันธ์เป็นภาษาฮิบบลู ตั้งแต่ครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 นู่น... ช่วงเวลานั้นมีเหตุการระทึกขวัญที่เหล่าทหารนาซีไล่ฆ่าชาวยิว... บรื๋ยส์! (ความหมายโดยนัย คำว่า Calf ที่แปลว่าลูกวัว ในที่นี้คือชาวยิว) ผู้ประพันธ์บรรยายภาพลูกวัวหลายตัวถูกมัดรวมกันแล้วสังหารหมู่... อร๊ากส์! น่ากลัวอย่างที่สุดเลย


ฉันไม่อยากอธิบายอะไรมากดอก เด๋วผิดเพี้ยนไปจากความหมายของต้นฉบับเสียเปล่าๆ... มีคนเขาแปลไว้แล้วล่ะ อ่านเองทำความเข้าใจเองเถิด...

On a waggon bound for market, there's a calf with a mournful eye.
ลูกวัวที่มีแววตาเศร้าสร้อยตัวหนึ่ง ถูกมัดอยู่บนเกวียนเพื่อจะไปยังตลาด

High above him there's a swallow, winging swiftly through the sky.
สูงขึ้นไปก็จะมีนกนางแอ่นตัวหนึ่งกำลังกระพือปีกอย่างรวดเร็วบินเหิรสู่ท้องฟ้า

How the winds are laughing, they laugh with all their might.
เสียงสายลมโบกสะบัดกระพือโหมอย่างอิสระ คล้ายเสียงหัวเราะเย้ยเยาะ

Laugh and laugh the whole day through, and half the summer's night.
เสียงเยาะเย้ยจากสายลมดังแล้วดังเล่าตลอดทั้งวันและค่อนคืนของฤดูร้อน

Donna, Donna, Donna, Donna; Donna, Donna, Donna, Don.
โอ้... ดอนน่า

Stop complaining said the farmer,
หยุดพร่ำบ่นสักทีจะได้ไหมนะ... ใเป็นเสียงจากชาวนา

Who told you a calf to be?
ใครบอกเธอล่ะ... ว่าเจ้าลูกวัวนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป

Why don't you have wings to fly with,
ทำไมเธอจึงไม่มีปีกที่จะโผบินไปล่ะ

like the swallow so proud and free?
ไปอย่างอิสระด้วยความภาคภูมิเหมือนกับเจ้านกนางนวลนั่น

How the winds are laughing,
สายลมส่งเสียงหัวเราะอย่างไรนะหรือ

they laugh with all their might.
มันส่งเสียงหัวเราะตลอดเวลาที่มันอยากจะทำ

Laugh and laugh the whole day through,
หัวเราะแล้วหัวเราะอีกตลอดทั้งวัน

and half the summer's night.
กระทั่งค่อนคืนที่ผ่านไป

Donna, Donna, Donna, Donna; Donna, Donna, Donna, Don.
โธ่... ดอนน่า

Calves are easily bound and slaughtered,
ลูกวัวน่ะ... มันถูกจับมัดและก็ถูกฆ่าทีละมากๆ โดยง่ายดาย

never knowing the reason why.
โดยไม่เคยรู้เลยว่าทำไม

But whoever treasures freedom,
แต่ใครก็ตามที่เห็นคุณค่าของอิสรภาพ

like the swallow has learned to fly.
ก็จะเหมือนกับนกนางแอ่นที่เรียนรู้ที่จะโบยบินออกไป

How the winds are laughing,
สายลมมันเริงร่าอย่างไรกันนะ

they laugh with all their might.
มันหัวเราะเยาะเย้ยแบบที่มันต้องการ

Laugh and laugh the whole day through,
เสียงหัวเราะแล้วหัวเราะอีกจะดังไปตลอดทั้งวัน

and half the summer's night.
และตลอดค่อนคืน

Donna, Donna, Donna, Donna; Donna, Donna, Donna, Don.
โธ่... ดอนน่า

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล :  group.wunjun.com



และดูเหมือนว่าคลิปนี้ ได้อารมณ์เศร้าเข้ากับเนื้อหาของบทเพลงยิ่งนัก

จากนี้เป็นต้นไป

จะยังชื่นชอบเพลงนี้อยู่อีกหรือไม่?

ก็... แล่วแต๊...


วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หรือมันคือ... ความรัก # ตอน กรุเพื่อนเก่า


"ปริ๊นๆ รับพัสดุด้วยคร้าบ พัสดุมาส่งคร้าบ" เสียงเรียกโหวกหวกดังขึ้นหน้าบ้าน มองผ่านกระจกสีชาก็เห็นบุรุษไปรษรีย์ในเครื่องแบบยืนอยู่ข้างๆ มอเตอร์ไซค์คันเก่าที่มีกระเป๋าตราสัญลักษณ์ไปรษณีย์พาดอยู่หลายใบ ฉันจึงรีบเปิดประตูออกไปรับในทันที...


ว้าว... มันเป็นกล่องพัสดุ EMS ส่งถึงฉันซะด้วย... แปลกใจนิดๆ ที่ยังมีคนคิดถึงฉันแล้วเลือกใช้วิธีการมอบของให้ถึงมือแบบโบราณเช่นนี้... นามผู้ส่งและที่อยู่นั่นช่างไม่คุ้นตาเอาเสียเลย กล่องเบ้อเริ่มช่ะ ไม่รู้ว่าส่งอะไรมาให้เยอะแยะ แกะดูเลยดีกว่า... โอ๊ะ มีจดหมายแนบมาด้วยแฮะ!

หนูหลี เพื่อนรัก (เพื่อน... เอ๋ ฉันมีเพื่อนชื่อนี้ด้วยหรือ ตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะหวา?)

เราเองนะ คงจะจำไม่ได้แล้วสิท่า ใช่ไหม... (ใครหนอ ฉันพุ่งสายตาปรู๊ดไปที่คำลงท้ายในทันที... อ๋อ หลิวน่ะเอง เพื่อนข้างบ้านสมัยเด็กที่ไม่เจอกันมานานนักหนาแล้ว ตั้งแต่จบชั้นประถมครอบครัวของเธอก็ย้ายไปอยู่ที่อื่นกันหมด... ภาพความหลังผุดขึ้นมาในห้วงความคิด... ลุงขี้เมากับป้าตัวเล็กๆ ที่มีลูกฝาแฝด... พี่สาวคนโตชื่อพี่หม้อ ถัดมาเป็นลูกแฝดชายหญิงคู่แรก มีชื่อว่าชามกับช้อน และตามด้วยแฝดชายหญิงอีกคู่ชื่อกะทะกับตะหลิว ซึ่งมีเพียงฉันคนเดียวที่ไม่ยอมรับชื่อของเธอ เพราะคิดไปเองว่าตะหลิวมันคล้ายจวัก เด๋วเกิดมีคนไม่พอใจเธอเรียกชื่อซะเสียๆ หายๆ ว่าจวัก คงจะน่าเกลียดพิลึก ฉันจึงเรียกเธอเสียใหม่ว่าหลิว อันหมายถึงดอกไม้ที่งดงามในสายตาของฉัน)


ได้ข่าวว่าแกมีครอบครัวอยู่สุขสบายทางนี้ก็ดีใจด้วย อยากเจอมากแต่คงไม่มีวาสนากระมัง ไม่คิดจะมาหาหรอกเพราะกลัวหลง เราคนบ้านนอกไม่ชินกับการเดินทางไกล เวลาไปไหนมาไหนแต่ละครั้งปวดหัวแทบระเบิด... (บทนำของเธอนึกภาพตามได้ไม่ยากนัก แม้จะยังไม่รู้ข่าวคราวว่าสุขสบายดีหรือไม่ และเปลี่ยนไปกี่มากน้อยยังไงบ้างแล้ว...)

ไอ้พี่ชามของเรามันกลับไปที่บ้านเมื่ออาทิตย์ที่ก่อนนู้น ไปงานเผาศพญาติของเมียมัน เห็นว่าเป็นไข้หวัดใหญ่แล้วปอดติดเชื้อรุนแรง นอนโรง'บาลสามวันตาย... ก็เลยได้ถามข่าวคราวถึงแก รู้หรือเปล่าว่ามันยังคิดถึงแกอยู่ตลอดเวลา นี่ถ้าหากเมียมันรู้เข้าคงได้หูยานเป็นแน่ (อ้าว เกี่ยวอะไรกับฉันงั้นรึ? ง่า... พี่ชายของเธอหน้าตาเป็นไง ฉันลืมไปหมดแล้วจริงๆ โทษทีนะ)


แกได้เป็นพยาบาลสมใจอยากเลยเนอะ ดีจัง ตอนเด็กๆ ออกจะบอบบางปานนั้น จำได้ว่าเวลาวิ่งหนีหมาบ้าหน้าร้อนกันทีไร เราเห็นแกร้องไห้ทุกทีน่าเวทนานัก (โห อะไรจะขะไหนหนาด ก็คนมันกลัวนี่นา วิ่งไม่เร็วเหมือนใครเค้าซะด้วย ภาพนั้นคงจะขี้มูกขี้ตาเกรอะกรังมิใช่น้อยๆ จะจำไปทำไม้... โธ่!) ว่าแต่ทำไมถึงเป็นโรคหอบเอาตอนนี้ล่ะ มัวดูแลแต่คนอื่นหรือไง แกดูแลตัวเองบ้างไหม เราอยากให้แกลองอบสมุนไพรนี่ดูสักหน่อย มันช่วยบรรเทาอาการหอบหืดได้ ช่วยให้ผิวพรรณดีด้วย เราปลูกเองแหละ หั่นตากแห้งแล้วก็ส่งไปขาย ทำมาตั้งนานแล้ว ไอ้พี่ชามมันคะยั้นคะยอให้ส่งมาเยอะๆ เพื่อแกโดยเฉพาะ ถึงจะดูไร้ราคาค่างวดก็อย่าได้โยนทิ้งไปล่ะ เข้าใจไหม (โอ๊ะ ที่แท้ก็เป็นหมอแผนโบราณนี่เอง กลิ่นสมุนไพรหอมชวนชื่นใจ ฝนปรอยๆ อย่างนี้ ได้อบไอน้ำก็ดีเหมือนกัน ขอบใจจ้ะเพื่อน เธอช่างมีน้ำใจต่อฉันจริงๆ อิอิ)


ถ้าใช้แล้วได้ผลดีก็ส่งข่าวบอกเราหน่อย คราวหน้าจะส่งมาอีก ให้ฟรีๆ ไม่มีหวง อย่าคิดมากล่ะ เราแค่ไม่อยากให้แกเป็นอะไรไปซะก่อนที่จะได้ขอพึ่งพาอาศัยบ้างก็เท่านั้น ฮ่าๆ แค่นี้ก่อนนะ คราวหน้ามีอะไรดีๆ จะเล่าด้วยแหละ รับรองว่าเยอะ

คิดถึงนะ... หลิว


ฉันออกจะงงๆ หลังจากอ่านจดหมายจบ... จริงสิ ก่อนหน้านี้ ฉันก็เคยรณรงค์การสร้างสุขภาพแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน ด้วยการอบสมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพมาแล้ว อุตส่าห์ค้นคว้าตำรับยาไทย และตัดเย็บกระโจมเองกะมือโดยใช้ผ้าขาวม้าสามผืน ช่วยคนเป็นภูมิแพ้มาแล้วหลายต่อหลายคน... กลับลืมเสียสนิทเลย หลังจากที่ป้าบ่นหลายครั้งว่าเหม็นกลิ่นยาต้ม ฉันเลยยกให้คนไข้รายหนึ่งไป แถมไปช่วยทำให้ถึงที่บ้านเขาแล้วก็ไม่เอากลับมาอีกเลยนับแต่นั้น...


ดีล่ะ อาจต้องรื้อฟื้นขึ้นมาอีกสักรอบ... เผื่อว่าจะดีขึ้นได้โดยไม่ต้องพึ่งยาขยายหลอดลม

มีเพื่อนน่ารัก ๆ อยู่ในกรุกะเขาเหมือนกันนะ ฉัน!

ดีจริงๆ


วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เจ็บซะบ้าง... ก็ดี


เมื่อวาน... ทำเกียงบาดนิ้วตัวเองซะเลือดโชก... สนิมทั้งนั้น
โดนเอ็ดอีกตามเคย... ซุ่มซ่ามไม่มีใครเกิน... อร๊ากส์!
อยากบอกใจจะขาดว่าขอเปลี่ยนเป็นอุ้มแทนได้มั้ย?... แหะๆ

  

ช่วงเวลาที่เจ็บปวด... ที่จริงแล้วมันก็มิได้ยาวนานไปกว่าเวลาอื่นๆ ดอก
หากแต่เราทุกคน กลับรู้สึกตรงกันว่ามันช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้าที่สุด
แต่เชื่อเถิด อีกไม่นานก็หาย...  และแล้ว ก็จักคืนสู่ภาวะเดิมๆ ของมัน... เช่นเคย

แม้ว่าเกือบทุกอย่างจะไม่มีอะไรกลับไปเหมือนเก่าได้เลยก็ตาม... 



ใครบางคนดูเหงาหงอยสร้อยเศร้า... ครั้นพอได้เจอคนที่เฝ้าคอยซึ่งโผล่มาพร้อมของติดไม้ติดมือที่ถูกใจ แถมมีคำพูดเพราะๆ ว่าทั้งรักและคิดถึงอย่างที่สุด ก็พร้อมจะยิ้มแป้นแล้วโผเข้าหาอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น... อาจมีบ้างที่สองมือน้อยๆ ทุบหลังไหล่เพื่อลงทัณฑ์โทษฐานที่ปล่อยให้รอนาน... นี่แน่ะ ๆ... อิอิ


บางคน ยอมที่จะเจ็บจากการกดและกรีดนิ้วตัวเองลงไปบนสายเล็กๆ เพื่อให้เกิดเสียงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยคิดไปเองว่านั่นคือความสุขเล็กๆ ที่หาได้ไม่ยาก กว่าจะได้เสียงดนตรีเพราะๆ ที่ฟังออกว่านั่นมันคือทำนองเพลงซึ้งๆ และเป็นที่ยอมรับของหลายๆ คนที่อยู่ใกล้ตัว เล่นเอาหูชากันเป็นแถวๆ... โถ...


นี่ก็อีกรูปแบบหนึ่งของคนมีพรสวรรค์ด้านกีฬา ที่หาคนทำเหมือนได้ยากมากๆ... ฉีกแข้งฉีกขาฟาดซะเต็มเหนี่ยวโดยปราศจากอุปกรณ์ป้องกันอันตรายใดๆ เห็นแล้วเสียวไส้แทน ดูสิ พ่อเจ้าประคุณช่างไม่นึกกลัวเสียบ้างเลยว่าจะหล่นแอ่กลงมาซี่โครงเดาะ ศอกหัก คอหด หางคด พิการหรือเสียชีวิต... ท่าทางเล่นเอามันเข้าว่า คนประเภทนี้ใจใหญ่สุดๆ นับถือจริงๆ จ้า... และขอให้รอดปลอดภัยไปตลอดกาล นะจ๊ะ นะ 


ส่วนนี้ เป็นเรื่องการฝึกฝนของคนที่มีใจรักและทุ่มเทการฝึกซ้อมอย่างหนักทุกวี่วัน... แน่นอนว่าแรกทีเดียวคงโอดครวญกับร่องรอยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าไม่เบาเลย คงมีบางคนล้มเลิกความตั้งใจไปเสียก่อน แต่บางคนที่ยังยื่นหยัดซ้อมต่อเรื่อยๆ ในที่สุดก็เกิดทักษะความชำนาญเฉพาะตน... หลายคนประสบความสำเร็จสู่ขั้นมืออาชีพระดับก้องโลก สร้างรายได้ทะลุทะลวง เป็นที่น่าอิจฉา...


สำหรับคนขี้เมื่อยทั้งหลาย... รู้บ้างไหมว่า การเข้าสปานั้นมันเป็นทางออกที่ดี แต่จะให้มีประสิทธิภาพเยี่ยม มันต้องใช้ความร้อนเข้าช่วยด้วย... น้ำตาเทียนร้อนๆ หยดแหมะๆ ลงบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่นวดน้ำมันผ่อนคลายกล้ามเนื้อจนได้ที่... ก็น่าจะไปลองดูสักครั้งนะ... กล้าป่ะ?... อื๋ยยยส์!


ท้ายสุด... คือแพทย์ทางเลือก สำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพ... สุดแล้วแต่ใครจะบกพร่องในด้านใดของสุขภาพ... สมัยนี้ ศาสตร์การแพทย์เก่าแก่ของจีนแพร่หลายไปมากแล้วทั่วทั้งเอเชีย ยุโรป อเมริกา แม้กระทั่งในเมืองไทยของเรา...  ศึกษาข้อมูลให้ดีๆ ก่อนเข้าใช้บริการ เพื่อความปลอดภัยของชีวิต...


ภาพธรรมชาติของท้องทะเลและผืนฟ้ากว้าง มันสามารถส่งผลต่อจิตใจผู้คนได้หลากหลายอารมณ์... บ้างก็เศร้าเหงาหดหู่ บ้างก็โรแมนติกชื่นมื่น บ้างก็มีชีวิตชีวาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง ขณะที่อาจมีบางคนคิดท้อถอยจนอยากจบทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตและลมหายใจ... เฮ้อ...  

นี่แหละหนาที่เขาว่า 'คิดทุกข์สุขคลาย-คิดสุขทุกข์หาย'... สุขทุกข์ของจิตใจเรามันเกิดจากความคิดของตนโดยแท้... แม้ว่าจะเลือกเจอแต่เฉพาะสุขมิได้ แต่เมื่อยามใดที่ทุกข์มาเยือน ใจเราก็ควรต้องยอมรับความจริงให้จงได้ และหาเหตุที่มาแห่งทุกข์นั้นๆ เพื่อจักปล่อยวางกองทุกข์โดยง่ายภายในเวลาอันสมควร... สาธุ!

  

วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ตือโต๋ว... โอ้ละหนอ

ในฐานะที่เคยเรียนจิตวิทยามา... ฉันรู้ดีว่าผู้สูงอายุมักรู้สึกเหงาเพราะลูกหลานแยกครอบครัวออกไปบ้าง ออกไปเรียนหรือไปทำงานบ้าง ไม่ค่อยมีเวลาคลุกคลีใกล้ชิดผู้สูงอายุกันสักเท่าไหร่นัก ผู้สูงอายุบางรายที่สุขภาพอ่อนแอหรือเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ มักเป็นที่ห่วงกังวลสำหรับทุกคน แทบไม่เป็นอันทำงาน บางรายอาจมีภาวะซึมเศร้า หลงลืมหรือสมองเสื่อม... แต่ถ้าได้ปฏิบัติธรรมอยู่เป็นนิจ จะช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขกายสุขใจตราบนานเท่านาน เชื่อดิ

เมื่อวาน ฉันสังเกตว่าคุณย่าไอกระแอมบ่อยครั้ง... น่าจะระคายคอ ส่วนมากผู้สูงวัยไม่ค่อยชอบดื่มน้ำอยู่แล้ว ถ้าให้จิบน้ำอุ่นบ่อยๆ คงฝืนใจไม่น้อย... อย่ากระนั้นเลย ไปหากระเพาะหมูมาตุ๋นให้ทานซะหน่อยดีกว่า เมนูโปรดของพี่ชายเสียด้วย...


นี่ไง ได้มา 2 อันแน่ะ จ่ายไปแค่ 130 บาทเท่านั้นเอง ไม่แพงเลย 


จัดแจงกลับด้าน แล้วเคล้าเกลือ ขยำๆ ล้างหลายๆ ครั้งจนน้ำใส


ดูสะอาดขึ้นเยอะ... เกลือช่วยชำระเมือก และดับกลิ่นคาว
 

แต่ยังไม่จบกระบวนการทำความสะอาดหรอก ยังต้องนำไปนาบกับกระทะร้อนๆ แบบนี้จ้ะ
จากนั้น ก็เอามาวางบนเขียง ใช้มีดค่อยๆ ขูดเยื่อบุที่ยุ่ยๆ ออกให้หมด
แล้วก็เคล้าเกลืออีกสักครั้ง ก่อนล้างน้ำเปล่าจนเกลี้ยงดี


พร้อมแล้วจะตุ๋นพริกไทยดำ ใส่เครื่องปรุงเล๊ย
กระเทียม พริกไทยดำ ซุปหมูก้อน เกลือ ซีอิ๊วขาว น้ำตาลกรวดและน้ำเปล่า


ปิดหม้อ เปิดไฟแรงแค่ 10 นาทีเท่านั้น... คอยแป๊บนึง นะ นะ
พอเดือด ไอพวยพุ่งออกมาพร้อมเสียงดังฟี้ๆ... คุณย่าบอกว่าหอมโชยไป 3 บ้าน 8 บ้าน

รอจนแรงดันหมดไป เปิดฝาหม้อ ตักกระเพาะมาหั่นแฉลบแบบนี้จ้ะ


และที่ขาดเสียมิได้ ก็คือ... น้ำจิ้มรสแซ่บ 
ตำกระเทียมสด กระเทียมดอง พริกสด เกลือ น้ำตาล น้ำปลา มะนาว
แค่นี้ ก็อร่อยเหาะ... อิอิ


เห็นแล้ว อยากกิงล่ะเซ่... ไปซื้อที่ร้านไหนๆ ก็ไม่เหมือนหรอก เชื่อเหอะ
แบบเน้... มีฉันทำอยู่คนเดว จริงจริ๊ง!
 

จุ๊ๆ... อย่าเอาสูตรเด็ดไปบอกใครนะ... ฉันทำไปงั้นๆ แหละ... อายเค้า!
 

วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แกงป่าแสนเปิ่น

วันนี้นึกครึ้ม อยากทานอะไรที่หอมสมุนไพร รสแซ่บคล่องคอ จึงบึ่ง ม.ไซค์ไปตลาดท่าอิฐ เลือกซื้อวัตถุดิบมาหลายอย่าง... จัดแจงแช่น้ำยาล้างผัก 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีก 2 ครั้ง...


มะเขือเปราะ ข้าวโพดอ่อน ถั่วฝักยาว กระชาย พริกชี้ฟ้า


ใบกระเพราจ้ะ ทั้งหอมทั้งเผ็ด ที่จริงอยากได้สีแดงแต่ไม่มีขาย แม่ค้าบอกว่ามันแข็ง 
 

ใช้ฝอยเหล็กขูดผิวกระชาย ล้างให้สะอาดแล้วหั่นฝอยๆ พริกก็หั่นแฉลบตามรูป


ใบมะกรูดเก็บเอาจากต้น ล้างน้ำ แล้วฉีกๆ เพื่อให้มีกลิ่นหอมระเหย
 

หั่นถั่วและข้าวโพดอ่อน ยาวประมาณ 1 นิ้วฟุต
 

มะเขือเปราะ ตัดหัวท้ายแล้วผ่าสี่ส่วน แช่น้ำทันที


สะโพกไก่ ล้างน้ำจนสะอาดดี เลาะหนังและมันออก หั่นชิ้นพอคำ



ปรุงเล๊ย... เริ่มจากตั้งหม้อบนเตา เปิดไฟอ่อนๆ ใส่น้ำมันพืช 2 ชช. นำพริกแกงลงผัดให้หอม


ใส่น้ำซุปเล็กน้อย คนให้ละลาย... 


พอเดือดแล้วจึงนำไก่ที่หั่นไว้ใส่ลงไป เร่งไฟแรง เติมน้ำตาลปี๊บ น้ำปลาดี


พอเดือดก็จะได้กลิ่นหอมฉุยเตะจมูก... ใส่ผักที่ไม่เละ ข้าวโพดอ่อน


เติมน้ำซุปแค่พอท่วม รอจนเดือด... อื้อ... ฮ้อม หอม แหละ


ใส่ถั่วและมะเขือเปราะตามลงไป คนให้ทั่ว... เร่งไฟแรงสุด


ชิมรสตามชอบ เมื่อได้ที่แล้วก็โรยกระชาย พริกและใบมะกรูด ปิดไฟ ยกหม้อออกจากเตา


เสียดาย... ถ้าหาใบกะเพราแดงได้จะหอมกว่านี้มาก 
บางคนก็ใส่ผักอื่นๆ ด้วย เช่น ถั่วพู มะเขือพวง หน่อไม้ ยอดมะพร้าว พริกไทยอ่อน เห็ด
  
อ้อ เกือบลืมไปแน่ะ ฉันมีเคล็ดลับจะบอก
 
ต้องโรยข้าวคั่วนิดหน่อยเพื่อให้ได้กลิ่นหอมยั่วใจ ก่อนยกไปเสิร์ฟร้อนๆ 

ฉันทานกับเส้นขนมจีนจ้ะ ได้ยอดมะกอกเป็นผักเหมือด

และชามนี้... ใส่ใจไปด้วยนะนั่นหนะ... เห็นแล้วยัง?

 << คริ คริ >>