วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

รักแล้ว รักเลย



ฮั่นแน่... หลายคนตาโตช่ะ...

อยากรู้อ่ะดิ ว่าฉัน... รักใคร?... 

งึ... ไม่บอกหรอก... ปล่อยให้งง!



ก็ถ้าเป็นเรื่องของหัวใจ... แม่เคยสอนว่าเกิดเป็นลูกผู้หญิงให้นิ่งๆ ไว้ รักใครชอบใคร ทำกระโตกกระตากไปมันจะไม่งาม ถ้าเกิดฝ่ายชายเค้าไม่ได้คิดตรงกันสักนิด มันน่าขายหน้ายิ่งนัก... อืมห์! มีให้รู้ให้เห็นไม่น้อยเลยที่วืดๆ อย่างว่า อยู่กันไปปีแล้วปีเล่าก็ยังไม่มีฤกษ์งามยามเหมาะให้ประกาศสละโสด เลยเครื้ออย่างนั้นจนกระทั่งทุกวันนี้...เล่นเอาคนช่วยลุ้นพากันถอดใจกลายเป็นเชียร์ให้เลิกกันซะ ก็มี...


จากการสำมะโนประชากรเมื่อสิบปีก่อน พบสถิติการครองโสดของผู้คนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้หญิง ครองโสดสูงถึงร้อยละ 10.7 ในขณะที่ผู้ชายครองโสดเพียงร้อยละ 5.3  คนในเมืองมีสถิติครองโสดสูงกว่าคนชนบท และแนวโน้มการครองโสดของผู้หญิงในเมืองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอื่นๆ... ว้าว... มันเกิดอะไรขึ้นล่ะเหวย?

ว่าไปแล้ว การที่คนสองคนจะรักกัน... อาจไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายซะทีเดียว... บางทีมันเหมือนลูกกุญแจกับแม่กุญแจที่ยังหาคู่เข้ากันพอดีไม่ได้ พอทำท่าว่าเจอ... อ่ะ อ้าว ไง๋มีคู่อยู่ก่อนซะแล้ว อย่างนี้ก็แห้วอ่ะจิ... ต้องรอลุ้นรอบหน้าใหม่ แปร่วส์!...

แต่บางคนก็ใจร้อนน่าดู ไม่มีน้ำอดน้ำทนที่จะรอให้เสียเวลา... สามารถเดินหน้าส่ายอาดๆ ไปเอ่ยปากแจ้งวัตถุประสงค์หลักอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า "คนนี้ ชั้นจะเอา" เลยก็มี้... เหมือนละครน้ำเน่าเลยเนอะ... ฉันเองก็เคยเจอเข้าอย่างจัง... จนป่านนี้ก็ยังรู้สึกมึนไม่หาย... เอิ๊กส์ๆ

เอาเป็นว่า... ฉัน... รักกีตาร์(ก็ได้)จ้ะ 
แบบนี้ ไม่มีต้องเสียใจและไม่มีวันเปลี่ยนแปลงซะด้วยซี เชื่อป่ะ?

ส่วนประเด็นที่นอกเหนือไปจากกีตาร์ ขออุปส์ไว้อย่างนั้นจนกว่าจะลืมๆ ไปซะดีกว่า... แคะคุ้ยไปก็ไม่เกิดประโยชน์อันใดต่อผู้อื่น รังแต่จะเสียเวลา เสียความรู้สึกเปล่าๆ... เชื่อฉัน...



แต่ถ้าพูดเรื่องรักของฉันต่อ เอ๊ย เรื่องกีตาร์... เขียนผิด (โทษที อย่าถือสาเลยน่า ยาแก้แพ้ยังไม่หมดฤทธิ์ก็งี้แหละจ้ะ)... มีคุณครูคนหนึ่ง สอน(ฟรี)ว่าการฝึกเพลงๆ หนึ่ง จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ชม. ขึ้นไป... และเพลงแต่ละเพลง ผู้เล่นจะได้โชว์ความสามารถ เทคนิค ทักษะทางดนตรีของตัวเองอย่างเต็มที่ เพลงบางเพลงคนบางคนเล่นได้ไพเราะเสนาะหูยิ่งนัก ขณะที่มืออาชีพบางคนเล่นไว้แสบแก้วหูก็มี เว๋อ อย่างงี้ก็มีด้วะ... ฮ่าๆ


ฉันรักกีตาร์... จำไว้นะ

ฉันถามตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่าต้องการอะไรในวันนี้ พรุ่งนี้ ปีหน้า อีกห้าปี สิบปี ยี่สิบปี(ถ้าอยู่ถึง 555+)... อะไรที่ทำให้ฉันยิ้มได้และมีความสุขใจอย่างแท้จริง... มันไม่ใช่คำถามที่ยากเกินไปดอก แต่มันง่ายเกินไปต่างหากเล่า... ยังไงเสีย ก็ยังให้คำตอบตัวเองเหมือนเดิมทุกทีไป ยิ่งใช้เวลาฝึกซ้ำๆ เป็นรอบที่มากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากจะช่วยให้จดจำเพลงได้ขึ้นใจแล้ว ยังช่วยให้ลืมบางสิ่งได้อย่างดีที่สุดเช่นกัน... หนึ่งเพลงที่จำได้ขึ้นใจกับหนึ่งเรื่องราวที่ฝังลึกลงไปใต้สำนึก... สมดุลเป๊ะ!


 
บอกอีกทีก่ะได้... ฉัน รักกีตาร์จ้ะ จำได้หรือยัง?






วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2556

จับตา


เคยสักครั้งไหมที่เมื่อสายตาของเราปะทะเข้ากับภาพอะไรตรงหน้าสักอย่างหนึ่ง แล้วถึงกับอึ้ง ทึ่ง ไปต่อไม่ถูก อิอิ...


แน้... เกริ่นแค่นี้ อย่าเพิ่งคิดไปไกลถึงไหนๆ สิ แล้วกัน... โธ่

 

เมื่อวาน ฉันนั่งรถสองแถวเข้าบ้าน... มีผู้โดยสารนั่งเต็มทุกที่นั่งและยังมีชายวัยรุ่นในชุดนักศึกษายืนอยู่สองคน... ที่นั่งของฉันอยู่สุดขอบด้านท้ายรถฝั่งซ้าย... เมื่อถึงป้ายถัดไป มีคนลงสองคนแต่มีขึ้นมาอีกเพียบจนต้องยืนเบียดเสียดกันแน่น... สาวน้อยในชุดนักศึกษามุสลิมคนหนึ่งขึ้นมาหลังสุด เธอยืนอยู่ที่ขั้นบันใด มือเรียวเล็กเหนี่ยวโครงเหล็กที่ฉันท้าวแขนอยู่พอดี ฉันพยายามขยับหาที่ว่างให้เธอขึ้นมานั่งเบียด แต่เธอส่ายหน้าให้ฉันนิดๆ แล้วเสมองไปข้างไหล่ทาง มืออีกข้างรวบกระโปรงพลีทยาวเกือบถึงตาตุ่ม... ที่หัวเข็มขัดและเข็มกลัดนั่น... รูปพระเกี้ยว...


ยามนั้น ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากมองเสี้ยวหน้าของเธอ... อุแม่เจ้า... ช่างเป็นภาพที่งดงามจับตาดีแท้... ไม่เคยเห็นอะไรงามอย่างนี้มาก่อนเลย สาบานได้... ที่ประทับในความทรงจำของฉัน คือ ผ้าคลุมหน้าสีดำสนิท กับโครงหน้านวลที่ไร้การแต่งแต้มใดๆ แม้จะเห็นเพียงแค่บางส่วนถัดจากหางตาลงมา แต่สันจมูกและเรียวปากเล็กรูปหยักนั่น ช่างรับกับปลายคางมนที่เผยผิวนวลแนบชิดชายผ้า... คนอะไร สวยจังเลย... เสียดายเป็นที่สุดที่มิอาจหยิบกล้องในกระเป๋ามากดชัดเตอร์เอาไว้ได้... เฮ้อ...


ว่าแล้ว ก็หยิบกระดาษดินสอมาลองวาดเค้าโครง... เผื่อว่าจะออกมาสวย... วาดไปวาดมา ไม่เป็นสับปะรด... ดูยังไงก็ไม่จืดเลยไม่เอามาโชว์... แปร่วส์!


เซ็งระเบิด... ไม่มีศิลปะเอาเสียเลยฉัน ไปหาอะไรทำอย่างอื่นเต๊อะ!

ชอบวาดรูปก็จงจำไว้... ชาติหน้าค่อยสมัครเรียน อย่าลืมซะล่ะ

ดนตรีสากลด้วะ... เง้อ


วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

กะต๊ะกะเติ้ง

สัปดาห์ที่แล้วได้เจอเพื่อนเก่าคนหนึ่งอย่างบังเอิญ... เขาถามฉันว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ทำอะไร ฉันก็ตอบไปตามจริงว่าอยู่นนท์ ไม่ทำไรเป็นแม่บ้านเจ๋ยๆ เขากลับไม่เชื่อหาว่าฉันพูดเป็นเล่น... นี่ก็อีกคน ที่ชอบให้โกหกเพราะบอกความจริงแล้วไม่ยอมเชื่อกันง่ายๆ... ฉันเลยบอกใหม่ว่าเล่นกีตาร์ เขาว่าดีเลย ช่วยสอนเขาด้วยอยากเล่นมานานแล้ว... ตายละซีคราวนี้ ตรู... จึงรีบออกตัวว่าเล่นได้กะต๊ะกะเติ้งเท่านั้น เขาหัวเราะก๊าก แล้วบอกให้ฉันแปลให้ด้วย... อ่ะ อ้าว!


วันนี้ รมณ์บ่อจอยอ่ะ
พยายามเตือนสติตัวเองตลอดว่าโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า
อืมห์... ทั้งโง่ทั้งบ้า สองอย่างควบรุย... ฉันนิ


ไม่ได้ ๆ... ต้องหยุดความคิดในหัวกระโหลกเฉิ่มๆ... หาอะไรที่มันขำๆ ทำดีกว่า
ดีกว่าอะไรนะรึ... ก็... ดีกว่าโง่ ดีกว่าบ้า ดีกว่าเซ็งเป็ดด้วะ... อิอิ
ฮ้า คิดออกแระ!... ว่าแต่ ในที่นี้ มีใครยังไม่รู้ว่าฉันเป็นคนโคราชบ้าง?
ดูถ้วะ... เคียดเด้อ... ฮื่ยส์ !?!


อ่ะ... มาฟังเพลงเพราะๆ นำกั๋นจ้ะ

ง่า... ดูท่า คงมีหลายคนจั๊กจี้ลูกตาก๊ะภาษาแปร่งๆ ของฉันวันนี้  ก็ถ้าไม่ใช้มัน(เขียน)ซะบ้าง ฉันกลัวลืมอ่ะดิ เพราะที่บ้านฉันมีแต่คนใต้อ้อมข่างอ้อมเอ๋วไปแม้ด ต้องเงี่ยหูฟังหลายๆ ที แล่วหัดพูดต๋ามเค้าไปเรื่อย ยากเจ่นด้อกเด่ะ เวลาฉันคุยก๊ะเขาบางทีก็เผลอพูดสำเนียงโคราชดา เง้ย... ครั้นพอเวลาได้กลับโคราช ฉันก็เผลอแหลงใต้ให้พี่ๆ ฟังบ่อยๆ เค้าเลยชมว่าฉันนี่มันทองแดงคั่กๆ... ฮิ้วๆ...


บ้านข้างๆ ซ่อมแซมบ้านขนานใหญ่ ทั้งทุบ รื้อ ตัด เจีย... หนวกหูอย่างที่สุด
จะฝึกกีตาร์ซะหน่อยก็ไม่สามารถ เพราะเสียงดังบาดแก้วหูตั้งแต่เช้ายันค่ำมาหลายวันแระ
ที่พอทำได้ ก็คือตะลุยอ่าน เจอจากเว็บอะไรเป็นอ่านดะ
ไม่เข้าใจก็อ่านซ้ำๆ หลายๆ รอบ แล้วเก็บรวบรวมไว้เต็มบุ๊คมาร์ค


ดูเอ๋งถ่ะ ว่าฉันเจอคนเก่งซั่มไหน... ป้าดดด...
ฉันขอแค่เล่นกีตาร์ได้ดีซักครึ่งหนึ่งของเขาก็พอแระ ไม่แย่งเล่นบาสดาด่อก


ความที่มีใจรักและอยากจะเล่นให้ได้เก่งๆ
แอบฝันไว้ว่าจะมีโอกาสเป็นผู้ถ่ายทอดกะเค้าบ้าง... ว่าไปนู่น... อิอิ
จั๊กเมื่อไรฝันจิเป็นจริงขึ้นมาได้ ในเมื่อตอนนี้ฉันยังกะต๊ะกะเติ้งอยู่เล้ย จริงจริ๊ง!

เป็นกำลังใจให้ฉันจักน่อยเด้อ

ได้บ่น้อ ???

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เชื่อหรือไม่


รูปภาพหรือภาพเหตุการณ์ที่สองตาเรามองเห็น ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
ย่อมไม่สามารถบ่งบอกเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบอย่างชัดเจนได้ 


แม้ว่าภาพที่เห็นนั้นๆ อาจจำติดตาติดใจและมักย้อนกลับมารบกวนความรู้สึกนึกคิดอยู่เรื่อยๆ
เห็นอะไร? คิดเช่นไร? เกี่ยวข้องกับผู้ใดอีกหรือไม่ประการใด? 
หรือแม้กระทั่ง ปรารถนาให้เกิดผลกระทบต่อไปยังไงบ้าง?
ทุกอย่าง ล้วนอยู่ที่ “ใจ” กำหนด


ภาพที่ตาแลเห็นจะๆ นั้น แท้จริงมันเกิดขึ้นแว่บเดียว และจบไปแล้ว
หากยังเฝ้าถามตัวเองว่านั่นคือเรื่องจริงหรือแค่ภาพลวงตา อาจหาคำตอบให้ตัวเองได้ยากนัก
ถ้าใคร่ครวญให้ดีด้วยจิตใจที่สงบนิ่งพอ
ลองปักใจเชื่อว่ามันคือความจริง... มันก็จะเป็นความจริง! 


ในทำนองเดียวกัน 
แม้นว่ามีภาพความจริงมาปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว 
ใจกลับไม่คิดที่จะเชื่อเลยสักนิด 
เช่นนั้นแล้ว... ความจริงก็ไร้ความหมายไปสิ้น


อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา... อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา... อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ... อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา... อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา... อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา... อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล... อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน... อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้... และอย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน...

ท้ายที่สุด... อย่าเชื่อฉัน... อิอิ

แกงไตปลาประสาข้อย


สองวันก่อน พี่ๆ จากโคราช บอกจะมาหาฉันที่บ้านเพื่อรับตัวไปร่วมงานศพของญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่วัดบางปะกอก... ความดีใจที่จะได้พบญาติๆ ซึ่งอยู่ห่างไกลและไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กันเท่าที่ควร ฉันคิดๆๆ และครุ่นคิดว่าจะทำอะไรดีเพื่อต้อนรับพี่ๆ ให้ประทับใจ...

ความที่ฉันเป็นลูกหลอดและไม่ค่อยได้ทำอะไรด้วยตัวเองนักในเยาว์วัย... จึงอยากให้พี่ๆ ได้ประจักษ์ว่าฉันเปลี๊ยนไปมากมายแล้ว... อย่ากระนั้นเลย ไหนๆ ก็เป็นสะใภ้ใต้มานาน แกงไตปลาให้ชิมซะหน่อยดีกว่า... ว่าแล้วก็บึ่ง ม.ไซค์ ไปตลาดท่าอิฐตั้งแต่เช้า... ซื้อหาวัตถุดิบต่างๆ อันได้แก่ ปลาทูนึ่ง 2 เข่ง กะทิ 1  โล เครื่องแกงปักษ์ใต้ 1 ขีด มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว หน่อไม้ดอง เส้นขนมจีน แล้วก็ผักเหมือดคือมะม่วงเปรี้ยว ถั่วพูและแตงกวาลูกเล็กๆ... นอกเหนือไปจากที่กล่าวมาก็มีแล้วที่บ้าน... ใครอยากรู้เคล็ดลับของฉันก็ติดตามได้ จาแบไต๋ให้หมดไส้หมดพุงเลยช่ะ อิอิ...

ปลาทูนึ่งขนาดกลางเข่งละ 25 บาท แม่ค้าเพิ่งจะนึ่งเสร็จยังร้อนๆ อยู่เลย
เอามาย่างให้หอมและแห้ง เพื่อจะได้แกะก้างง่ายหน่อย

น้ำกะทิแยกหัว-หาง... ฉันบอกให้แม่ค้าช่วยปอกเปลือกสีเข้มๆ ของมะพร้าวด้วย

หน่อไม้ดอง หั่นชิ้นพอคำแล้วต้มซะหน่อยก่อนล้างน้ำเย็นหลายๆ ครั้ง

ถั่วฝักยาว เป็นผักที่สะสมสารเคมีในระดับที่เป็นอันตราย... ต้องล้างให้ดีๆ ล่ะ
ส่วนลูกกลมๆ นั่น ดูออกหรือเปล่าว่าเป็น... เม็ดขนุนต้ม (ของโปรดของคุณย่า)

มะเขือเปราะ ล้างหลายครั้งจนสะอาด ตัดหัวท้ายผ่าสี่แล้วแช่น้ำทันทีนะจ๊ะ นะ

เครื่องแกงปักษ์ใต้ ออกสีขมิ้นชัดเลย ฉันอยากให้รสเด็ดสะแด่วและหอมสมุนไพร 
ก็เลยใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอม กระเทียม พริกสด พริกไทยเม็ด ลงไป
แล้วโขลกต่อจนละเอียด เนียนแช้กๆ แบบเน้... อูย ชักเมี่ยยแขนแฮะ 

ม่ะ ลงมือแกงกันเลยดีกว่า... เริ่มจากเอาหัวกะทิตั้งไฟ

พอแตกมันส่งกลิ่นหอมๆ ก็ใส่เครื่องแกงและกะปิดีลงไป คนให้เข้ากัน

เคี่ยวให้หอม ระวังอย่าให้ไหม้ล่ะ จะราไฟหรือหยอดหัวกะทิเพิ่มก็ได้

นี่คือเครื่องปรุงหลักจ้ะ "พุงปลา" หรือ ไตปลาทู ฉันใส่ซะครึ่งขวดแบนเลย

ใส่ไตปลาลงไป คนๆ เคี่ยวๆ... ฮัดเช้ยส์... ลืมเปิดพัดลมดูดอากาศง่ะ... เง้อ...

แล้วก็ใส่ปลาทูย่าง เคล้าๆ พอเข้ากัน ใส่หางกะทิลงไปทั้งหมด แล้วเร่งไฟแรง

พอใกล้เดือด ก็ใส่หน่อไม้ ตามด้วยเม็ดขนุน สองอย่างนี่ถึงจะสุกแล้วแต่ก็จะไม่เละ

พอเดือดพล่าน ค่อยใส่ถั่วฝักยาวและมะเขือเปราะลงไป อย่าต้มนานเดี๋ยวเปื่อย

พอเริ่มเดือด ก็ใส่หัวกะทิ คนเข้ากัน ปรุงรสตามชอบ ใส่น้ำตาลปี๊บให้รสกลมกล่อม
ถ้าจืดก็เติมกะปิหรือไตปลาทู 
ถ้าเค็มก็ตัดด้วยน้ำมะขามสักเล็กน้อย แต่อย่าให้ถึงกับออกรสเปรี้ยวล่ะ
ถ้าทานกับขนมจีนคงต้องให้มีน้ำแกงเยอะหน่อย ก็เพิ่มน้ำสะอาดลงไปอีกสัก 2 ถ้วย
สุดท้าย โรยใบมะกรูดฉีกและลูกโดดลงไป ก่อนปิดไฟ... 

เสร็จแระ.... ไม่เห็นจะยากเกินกำลังตรงไหน

ระวัง อย่ากินเพลินเกินห้ามใจล่ะเด๋วเอวหายไม่รู้ด้วยเน้อ

ฉันขอตัวไปหม่ำก่อง... ใส่เส้นน้อยๆ ทานกะมะม่วงเปรี้ยวขูดฝอย... ซร้วฟส์!!

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เสน่ห์หนูหลี@หมี่โคราช

ในซอยบ้านฉัน มิตรภาพของเพื่อนบ้านอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม พึ่งพาอาศัยกันได้ดุจญาติใกล้ชิดมาตั้งแต่แรก บ้านใครทำกับข้าวสูตรเด็ดต้องทำเยอะๆ ตักแบ่งปันกันกินเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ บ้านไหนไม่ค่อยทำครัวก็มักมีของฝากหรือผลไม้มาแจมเสมอๆ... ค่ำนี้ มีนัดจัดปาตี้ฉลองวันเกิด... อิอิ มีหลายคนเกิดอยากจะกินหมี่โคราช... ซะงั้น... ได้เล้ย ย ย ย...

น้องข้างบ้าน อนุเคราะห์พาฉันไปตลาดหน้าโรงพยาบาลนู่น... ที่นั่นมีอะไรให้เลือกหลายอย่าง โดยเฉพาะถั่งอกสดอ้วนๆ แห้งๆ ซึ่งตลาดใกล้ๆ บ้านมีแต่แบบยาวๆ แช่น้ำจนชุ่ม ไม่น่าซื้อ...

เข้าเรื่องเลยดีกว่าเด๋วยาว... วัตถุดิบทั้งหลายที่เตรียมไว้เสร็จตั้งแต่บ่าย ได้แก่ 

เนื้อหมูหั่นเป็นชิ้นบางๆ  หรือจะให้ทางร้านช่วยสไลด์เป็นชิ้นเล็กๆ ก็ไม่ว่ากัน

 หอมแดง และกระเทียมสด ปอกเปลือก สับหยาบๆ

พริกแห่งคั่วป่น ฉันคั่วไฟอ่อนๆ ในหม้อดิน บดด้วยเครื่อง หอม... ฮัดชิ้วววส์...

 เครื่องปรุงรสมีน้ำมันหอย ซอสผัด เต้าเจี้ยว ซีอิ๊วดำหวาน น้ำตาลปี๊บ

น้ำมะขามเปียก

 ถั่วงอกสด และต้นหอม  ล้างน้ำหลายๆ ครั้งให้แน่ใจในความสะอาด... 
(ฉันใส่กุยช่ายไปด้วย เพราะพี่ชายชอบกินจ้ะ)

เส้นหมี่โคราช หน้าตาคล้ายก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กแต่เส้นจะแบนๆ กว้างกว่าหน่อย และแห้งสนิท

ยี่ห้อนี้ ผลิตจากหมู่บ้านของฉันเอง... เส้นเหนียวหนุ่ม ผัดแล้วไม่ขาดไม่ยุ่ย

ก่อนผัด ต้องนำเส้นหมี่แช่น้ำแค่ให้พอนิ่ม แล้วพักในกระชอนให้สะเด็ดน้ำ

หกโมงเย็น ใกล้เวลานัดหม่ำ... ฉันนำกระทะตั้งไฟ เทน้ำมันพืชลงไป  

 พอน้ำมันร้อนใส่กระเทียมกับหอมแดงลงผัดให้เหลืองและส่งกลิ่นหอม

 ใส่เนื้อหมูลงไป ผัดให้พอเปลี่ยนสี

 ราไฟอ่อน... ใส่เต้าเจี้ยว น้ำมันหอย น้ำตาลปี๊บ ซอส ซีอิ๊วดำ พริกป่น น้ำมะขามเปียก 
คนโบราณมักใส่ปลาฉลาดป่นลงไปด้วยด้วย คงจะหอมน่าทาน 
แต่ฉันหาไม่ได้ ว่ากันว่าราคาแพงด้วยหละ เลยต้องข้ามไปก่อง

เร่งไฟแล้วผัดให้เข้ากันดี... หอม-ฮ้อม-ฮ๋อม.... ฮื้อ อ อ อ... ฮัดเช้ยยยส์...

เติมน้ำสะอาดลงไปจนท่วมประมาณนี้...
พอเดือด ชิมรสตามชอบ ปรุงเพิ่มได้ตามอำเภอใจนะ 
ถ้าต้องการให้สีเข้มสวยก็เติมซีอิ๊วดำหวาน 
รสชาดของหมี่โคราชจะต้องเข้มข้น ออกเค็มหวานเผ็ดซ่อนเปรี้ยว 
เมื่อตักเสิร์ฟก็ไม่ต้องปรุงรสใดๆ เพิ่มเลย... ชมลูกเดว... อิอิ
  
 พอชิมรสชาดได้ที่แล้ว ทีนี้ก็ใส่เส้นหมี่ได้ แรกๆ จะต้องมีน้ำเยอะแบบนี้ เส้นถึงจะนุ่มอร่อยจ้ะ

 พอน้ำงวด ก็ใส่ผักลงไป เริ่งไฟแรง ผัดเร็วๆ ให้เข้ากัน 

ใส่ถาดพร้อมเสิร์ฟ... โรยผักสดให้สวยงาม... ทานร้อนๆ
อาหย่อยอย่าบอกใคร... จริ๊งๆ!

<< พุงกางแน่ๆ งานนี้ >>

ถ้าไม่อยากผอม... ย้ายมาอยู่ซอยบ้านฉันได้เลยจ้ะ... เอิ๊กส์ๆ...