วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555

ฟ้าหลังฝน

เมื่อไม่กี่วันมานี่... ฉันเผชิญกับความหวาดกลัวอย่างสุดขีดตามลำพัง... กับพายุทอร์นาโดขนาดมหึมา ที่รวดเร็วและรุนแรงพอที่จะหอบเอารถบรรทุก 18 ล้อ ขึ้นไปลอยเคว้งคว้างในอากาศได้...
บ้านของฉันเป็นอพาร์ตเม้นต์ 3 ชั้น ห้องพักของฉันอยู่ชั้นที่ 2 ... ฉะนั้น อย่าหาเสียให้ยากเลย ห้องใต้ดินเพื่อหลบภัยอะไรนั่น...
ต่ะแรก ฉันไม่ได้รู้เนื้อรู้ตัวเลยสักนิด ว่ากำลังจะเจอเข้ากะอะไร...
วันนั้น... 3 เม.ย. 2012

อยู่ๆ ก็มีทั้งฟ้าทั้งฝน ครวญครางครืนๆ
ชวนให้ครวญคร่ำตามไปด้วย ซะจริงๆ
อะไรกันนักหนา หนอนี่ น่ากลัวจังเยย...
เจ้าตัวเล็กไปเรียนครึ่งวันเช้า และช่วงบ่ายก็ไปทำงานต่อที่ดัลลัส ซึ่งอยู่ไกลออกไปราว 40 นาที กว่าจะกลับเข้าบ้านก็คงเกือบเที่ยงคืน ฉันนั่งเขียนหนังสือเพลินๆ รู้ตัวอีกทีก็มืดจนต้องลุกไปเปิดไฟ ตอนนั้นเวลาประมาณ 13.30 PM. ฝนสาดอย่างไม่ปรานี ฉันต้องปิดหน้าต่างกระจกทุกบาน... ปิดม่านด้วย เพราะกลัวสายฟ้าเป็นที่สุด... ใจเต้นระทึก ตึ๊กตั๊ก... ทำไมมันน่ากลัวอย่างนี้หนอ... ยิ่งอยู่คนเดียวซะด้วย แค่จะหวีดร้องซักแอะก็ยังไม่กล้า... ฝนฟ้ากระหน่ำอยู่ราวครึ่งชั่วโมง ไม่มีทีท่าว่าจะซาง่ายๆ... เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น... เจ้าตัวเล็กโทรมาแจ้งว่าทอร์นาโดกำลังโจมตีอยู่หลังบ้าน ห้ามออกไปไหนโดยเด็ดขาด... โอ๊ย หัวใจจะวาย... พอลูกวางสาย เสียงหวูดหวอก็หวีดขึ้นอย่างโหยหวน ยิ่งทำให้สติเตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่... ที่ฉันคิดออกมีแค่เรื่องลูกอย่างเดียวเท่านั้น เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง?... ขอให้คุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครองเขาด้วยเถิด เจ้าประคู้ณ... ยามนั้น ฉันไม่สามารถติดต่อกลับไทยเลย... เพราะหม้อแปลงขนาดใกล้ๆ บ้าน ใหญ่ระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว... ไม่มีไฟฟ้าใช้ Net ก็ใช้ไม่ได้... เพื่อยุติความตื่นตระหนกฉันจำต้องนอน... สั่งตัวเองให้นับแกะ และสวดมนต์ผิดๆ ถูกๆ จนผล็อยหลับไปงีบใหญ่ ตื่นมาอีกทีราวสี่โมงเย็น ซึ่งทุกอย่างได้สงบลงแล้ว... ฉันไม่เป็นไร... บ้านของฉันไม่มีอะไรเสียหาย... เจ้าตัวเล็กก็ปลอดภัยดี... ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า...ขอบคุณยิ่งแล้ว...  จากนั้น ฉันลองออกไปเดินรอบๆ หมู่บ้าน...
ท้องฟ้าโปร่ง อากาศแจ่มใส มีนกร้องเพลงอยู่ตามต้นไม้...
สดชื่นจัง เหมือนกับว่าเมื่อสักครู่นี้ไม่เคยมีเหตุร้ายใดๆ มาแผ้วพาน
ฉันเห็นร่องรอยความเสียหายพอประมาณ...
รถตำรวจเข้ามาในหมู่บ้านสามคัน ขับพ้นไปทางอาคารอื่นๆ
ความที่ยังสื่อสารไม่เก่ง และไม่คิดจะทำตัวเป็นไทยมุง ฉันจึงกลับเข้าบ้าน...

ฉันเชื่อเรื่องฟ้าหลังฝน... นะ
แม้ว่า... จะไม่ค่อยมีวี่แววเป็นจริงสักเท่าไหร่นัก...
ฉันจะปลูกมะพร้าวน้ำหอมซัก 200 ต้น ด้วยสองมือของฉัน...

สวนมะพร้าวน้ำหอม... อยากทำ ๆ (7 รูปภาพ)


แซมด้วยผักพื้นบ้านที่ปลูกด้วยใจ และใส่ปุ๋ยคอก
มีไม้ดอกกลื่นรวยริน เคล้ากลื่นดิน... ห้อม... หอม
จะปลูกบ้านหลังเล็กๆ ที่ท้ายสวนและอยู่กันสองคนตายาย...

เราจะรักและดูแลกันไปจนวันตาย...
 เฮ้อๆๆๆๆ... เฮ้อ!
มันจะเป็นจริงได้หรือเปล่าน้อ?...

6 ความคิดเห็น:

  1. ดีคักยาย

    ตอบลบ
  2. ความฝันเหมือนกันเลย มะพร้าวน้ำหอมปลุูกบ้างแล้วหลายสิบต้น ไม่ได้นับ อย่างอื่นยังอยู่ในความฝันต่อไป

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ผลิดอกออกผลเมื่อไหร่ จาไปเยี่ยมเยือนนะเพื่อน...

      ลบ
  3. เริ่มด้วยตื่นเต้น..ระทึกขวัญ.ทำให้ตึ้กตั้กๆ ดีจังได้บริหารกล้ามเนื้อหัวใจ จบด้วยความหวัง ที่จะต้องพามันไปให้ถึง แต่ก็ยังดูหวั่นๆ..ทำให้หัวใจ เนิบนาบๆ โอ๊ะ อาไรนี่.ช่างมัน ปล่อยมันไป ให้มันผ่านไป ลืมไปให้หมด สู้ต่อไป เชื่อเหลือเกินว่าฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอหล่ะ ภาวนาและเอาใจช่วยให้สมหวังในสิ่งที่ตั้งใจไว้และพบพานแต่สิ่งที่่ดีงาม.และอยู่กันสองตายาย.ตลอดไป.เป็นจริงได้สิ.ฉันเชื่อมั่น.
    หากมีโอกาสจะไปชิมมะพร้าวน้ำหอมถึงระนอง.ด้วยคนนะ อิอิ
    ^kon chon^ 12.32น.

    ตอบลบ

เมื่ออ่านจบแล้ว เมนต์หน่อยดีมั้ย? อะไรก็ได้ที่อยากให้ฉันได้รับรู้... จากคุณ!