วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555

ขาอ่อน ตอนที่ 2

คราวที่แล้ว ฉันเกริ่นไว้ว่า ขาของฉันอ่อนแรงกว่าปกติ...
และก่อนหน้านู้น ก็เคยเล่าแล้วว่า เกลียดขาของตัวเองยิ่งนัก จำกันได้มั่งป๊ะ?
วันนี้ เรื่องที่จะเล่า เข้มข้นขึ้น รุนแรงขึ้น...
ใช่แล้ว ฉันเคยประสบอุบัติเหตุ ลื่นล้มเข่ากระแทกพื้น แตกเป็นสองซีกในทันทีเลย
ตอนนั้น รีบไปหน่อย ก้าวเดินฉับๆ อยู่หน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งทางภาคใต้...
(ไม่เอ่ยชื่อดีกว่า เดี๋ยวมีคน ฮั้ดเช้ยยยยส์... หลายคน แพร่เชื้อหวัดซะเปล่าๆ...)
พอเดินไปถึงทางลาดชันหน้าห้องตรวจผู้ป่วยนอก (ฉันไม่ชอบขึ้นกะได ไม่เป็นมิตรกะขาตัวเองงัย)
เข้าใจว่าน่าจะเหยียบเมล็ดอะไรเข้าสักอย่าง ทำให้เสียการทรงตัวอย่างรวดเร็ว...
ปกติแล้ว คนทั่วไป เวลาลื่นถลา มักก้นจ้ำเบ้า เป็นส่วนใหญ่... แต่นั่น... ไม่ใช่ฉ้านนน...
โดยอัตโนมัติ ฉันเอาหัวเข่าข้างซ้ายทิ่มลงบนพื้นตรงๆ...
เกิดเสียงดัง โพล้ะ! ... ราวกับมีคนหักท่อนอ้อยด้วยหัวเข่า...
ยามนั้น ความเจ็บปวดแล่นจี๊ดเข้าสู่ขั้วหัวใจ แต่ฉันร้องไม่ออก... ลุกก็ไม่ขึ้น...
พนักงานเข็นเปลหลายคน ยืนประจำที่อยู่แถวๆ นั้น...
พร้อมเปลนอนและรถเข็นนั่ง ที่จอดเรียงรายตามขอบทางลาด... อย่างพร้อมให้บริการในทันที
ทั้งหมดคงตกใจไปตามๆ กัน ที่จู่ๆ ก็เห็นฉันร่วงลงไปกองกับพื้น ไม่ยอมลุกขึ้นมา...
มีคนหนึ่งตัวโตกว่าใครเพื่อน ท่าทางรู้จักฉันดี ปรี่เข้ามาอุ้ม...
เขาอุ้มฉันด้วยท่าที่มีการช้อนแขนเข้าใต้ข้อพับเข่าซะด้วย...
มันทรมานกันชัดๆ นี่หว่า เว้ยยยย... เฮ้ยยยยย...
ทำไมไม่เอาเปลนอนมารับหนอนี่หนอ... จะฆ่ากันหรืออย่างไร?
นั่นแต่ความคิดที่จะถาม ซึ่งคิดได้ในภายหลังดอก...
เพราะมัวแต่กัดฟัน... ตัวเกรงไปกับการอุ้มวิ่งฟัดเหวี่ยง...
ยิ่งทำให้สะบ้า และเนื้อเยื่อโดยรอบ ช้ำมากขึ้น จะบอกให้เขาวางลงยังพูดไม่ได้
มิหนำซ้ำ... แทนที่จะพาไปห้องฉุกเฉินหรือห้องศัลยกรรมตรวจกระดูกและข้อ...
กลับพาไปส่งห้องตรวจสูตินรีเวช... น่าโมโหที่สุด... ทำให้ฉันต้องถูกพี่ชายดุอีกต่างหาก...
รายนั้น ไม่ทันได้ไถ่ถามอะไร ยังไงเลย ดุไว้ก่อน... ทุกทีซีเล่า
ทีนี้หล่ะ ทั้งน้ำตา น้ำมูก และน้ำเสียงแสดงความเจ็บปวด มาพร้อมกันเป็นชุดใหญ่เลย
ตกใจ หน้าซีดไปตามๆ กัน... โสน้าน่า...
จากนั้น เปลนอนคันใหม่ก็มารับไปห้องผ่าตัดด่วน... เป็นกรณีฉุกเฉิน... โอ๊ย โอ๊ย
เข้าเขตสะอาด เปลี่ยนเสื้อผ้า ริบทรัพย์ เจาะเลือด แทงน้ำเกลือ ฉีดยาแก้อักเสบ ยาแก้ปวด มะรุมมะตุ้ม... ยิ่งเจ็บหนักเข้าไปใหญ่... ฉันได้แต่มองตาละห้อย... จะหาใครกอดปลอบให้หายเจ็บ เป็นไม่มี... ใจดำจริง.
เบาหน่อยซี เจ้าหน้าที่เหล่านี้ทำงานรวดเร็ว แต่มือหนักจังวู้ยยยยส์ เจ๊บ-เจ็บ จังแล้วววว!...
ฉันถูกส่งต่อไปขึ้นเตียงผ่าตัด  คนงานลากเสาน้ำเกลือมาที่ปลายเตียง
จัดแตงผูกผ้าก็อซที่หัวแม่เท้าข้างซ้าย โยงขึ้นไปแขวนกับยอดเสานั่น
เริ่มกระบวนการโกนขนหน้าแข้ง... จรึ๋ยยยส์ ยิ่งไม่ค่อยจะมีอยู่ด้วย...
รถเอ๊กซเรย์เคลื่อนที่เข้ามาขอขัดจังหวะ... แป๊บเดียวก็ได้ดูฟิล์ม น่ากลัวชะมัด
เห็นอย่างนี้แล้ว ไม่อยากจะกินน่องไก่ทอดอีกต่อไปเลยอ่ะ
สักพัก หมอดมยาก็เข้ามาพร้อมพี่ชาย จัดให้ฉันนั่งหลังคู้ ทั้งๆ ที่ปลายเท้ายังโด่งอยู่... อ๊ายยยยส์
พี่ชายเปิดเสื้อคลำหากระดูกสันหลังข้อที่ต้องการ คลึงไปมาจนแน่ใจ ก่อนแทงข้างหลัง...
เขาบล็อคหลังให้น่ะ เสร็จเรียบร้อย ค่อยๆ จับวางนอนหงายเหมือนเดิม
ฉันเริ่มมีอาการตัวสั่น สั่นมากขึ้น มากขึ้น จนต้องหาเสื้อคลุมมาห่มเพิ่มให้
กลัวหรือไม่กลัวก็บอกไม่ถูกหรอก ตอนนี้อยู่ในสภาพผู้ป่วย ต้องทำตามอย่างไม่มีอิดออดอยู่แล้ว
เคยทำหน้าที่ส่งเครื่องมือผ่าตัด ตั้งเกือบ 2 ปี ชินกะมันพอควร รู้ว่าต่อไปต้องเจออะไร...
หลับตา... สูดหายใจเข้าออกลึกๆ... ปวดฉี่!... กำลังจะอ้าปากพูด พอดีมีมือมาแตะที่หัว ลูบเบาๆ...
แล้ว... ก็รู้สึกหมุนคว้างงงงง ก่อนจะไม่รับรู้อะไรอีกเลย...
.
.
.
ลืมตาตื่นงงๆ อยู่ที่ห้องพักฟื้น พี่ชายมาเรียกเบาๆ ฉันพยักหน้าเนือยๆ... ยังไม่อยากตื่นน่ะ
รับรู้ว่ารถเข็นกำลังพาไปที่ไหนสักแห่ง ล้อรถดังกึ้งๆ ไปตลอดทาง ราวกับว่าถนนนี้ขุขระยิ่งนัก
ตื่นมาอีกที เจ้าตัวเล็กนอนอิงแอบอยู่ข้างๆ บนเตียงคนไข้ ในห้องพิเศษเดี่ยวขนาดกระทัดรัด
ปวดแผลจัง มองดูที่ขา เห็นว่าถูกพันผ้ายืดไว้ ทำไมขาโตมากกว่าเดิมสองเท่า... ตกใจ
แต่ปวดมากกว่า... จนต้องกัดฟัน กัดริมฝีปากตัวเองอยู่ไปมาจนมีเลือดออก พลิกตะแคงตัวไม่ได้
ลุกนั่งก็ไม่ได้ ปวดทรมานอย่างที่สุด น้ำตาริน... เจ้าตัวเล็กหยิบทิชชูคอยซับให้เบาๆ
ขอบคุณมากจ้ะ ลูกรัก...
.
.
.
ฉันล้มสะบ้าหัวเข่าแตกวันที่ 30 ธันวาคม...
หลังผ่าตัด เป็นวันหยุดพิเศษติดต่อกันถึง 4 วัน ไม่มีหมอมาเยี่ยมติดตามอาการ...
พี่ชายเฝ้าไข้เอง เขาก็ไม่เชี่ยวชาญด้านนี้...
เริ่มศักราชใหม่ ได้ทราบข่าวว่าหมอ Ortho คนนั้น คนเดียวของที่นี่ ได้ลาออกไปแล้ว...
ยังไงล่ะ ทีนี้ ... เหลือหมอศัลย์ มาตรวจเยี่ยมอาการ ส่งทำกายภาพบำบัดทุกวัน
แต่ว่า กล้ามเนื้อต้นขาของฉัน ลีบฝ่อไปเสียแล้ว แป่ววววว...
กระทั่งถึงปัจจุบัน ทำยังไงๆ ก็ไม่เต็มขึ้นมาได้อย่างเก่า... ปวดทุกวัน ทาถูนวดทุกคืน ไม่พิการก็บุญแล้ว
ถ้าจับตาดูดีๆ ฉันจะเดินกะเผลกหน่อยๆ โดยเฉพาะเวลาใส่รองเท้าส้นสูง
ฉันก็พยายามอย่างเต็มที่ ที่จะฟื้นฟูสภาพให้ได้ใกล้เคียงปกติที่สุด แต่มันปวดจริงๆ ต้องพักบ้าง
ยิ่งตอนนี้ มีปัญหาเรื่องกระดูกผุกร่อนตามวัยเพิ่มเข้ามาอีก
ก็เลยต้องพึ่งยาแก้ปวด และมีผลเสียต่อกระเพาะด้วย แย่จริงๆ
ถ้าหากอายุมากขึ้น แล้วเดินไม่ไหว ฉันมิต้องคลานเป็นเด็กๆ หรือนี่?
โธ่เอ๋ย... ขาที่อ่อนแอของฉัน

... เลยอดเต้นมันส์ๆ กะเขาเลย...






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เมื่ออ่านจบแล้ว เมนต์หน่อยดีมั้ย? อะไรก็ได้ที่อยากให้ฉันได้รับรู้... จากคุณ!