วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555

รักนี้... ที่ปรารถนา

ฉันคิดว่าฉันโชคดีไม่น้อย... ที่ครั้งหนึ่ง เคยได้รับโอกาสเข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ พฤติกรรมวัยรุ่นที่พึงประสงค์... เนื้อหาด้านจิตวิทยา น่าสนใจและเป็นประโยชน์มาก... มีข้อคิดดีๆ ที่สามารถปรับใช้ได้ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว... จากนั้นเป็นต้นมา มันทำให้ฉันถามตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่าปัญหาที่ชัดเจนคืออะไรกันแน่... ซึ่งส่วนมากแล้วมักได้คำตอบว่า... มีซะที่ไหน... ฮ่าๆๆ

ด้วยความที่มีคนชอบฟังเสียงเล็กๆ ของฉัน... และด้วยหน้าที่พิเศษที่ได้รับมอบหมาย... ฉันกลายเป็นผู้ให้คำปรึกษาที่มีคะแนนนิยมได้ไม่ยาก... ทักษะที่ฉันเลือกใช้ประจำ ก็มีเพียงเรื่องง่ายๆ ยิ้ม สบตา รับฟังอย่างสนใจ... สัมผัสหลังมือเป็นบางครั้ง... แล้วก็ทวนความคิดความรู้สึกของเขา เพื่อให้เขารู้และเข้าใจว่าหลายๆ อย่างที่เขาอึดอัดคับข้องใจอยู่นั้น แท้จริงแล้ว เป็นเพียงความรู้สึกไม่พอใจแต่ไม่ถึงกับเป็นปัญหาที่จะต้องแก้ไข... ยกเว้น ความคิดของตัวเอง... จริงๆ


จู่ๆ วันหนึ่ง... ฉันได้ต้อนรับแขกแปลกหน้า... เธอเป็นสาวสคราญ ก้าวลงจากรถคันหรู สวยสะดุดตา... ฉันเผลอมองจนเกือบลืมเชื้อเชิญเข้าบ้าน... หลังจากทักทายกัน เราก็สนทนาตามประสาหญิง... เธอมีครอบครัวแล้ว กำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ  เธอมีเรื่องทุกข์ใจหลายเรื่อง... มีคนชี้แนะให้พึ่งพาหมอดู คนทรงเจ้าเข้าผี... แต่เธอเลือกที่จะมาหาฉัน ในยามวิกาล... ฉันรับฟังเรื่องราวของเธอด้วยท่าทีสงบ เลื่อนกล่องทิชชูหอมๆ ให้อย่างปรานี... เธอระบายความอัดอั้นต่างๆ เกี่ยวกับความไม่สมหวังในชีวิตคู่... น้ำตาพร่างพรูอยู่ข้างๆ ราวกับฉันเป็นญาติสนิทคนหนึ่ง... คืนนั้น ฉันไม่ได้แนะนำอะไรหรอก... นอกจากการรับฟังเธอระบายทุกข์โศกแล้ว ฉันก็แค่เล่าเรื่องราวบางอย่างให้เธอฟังเท่านั้น...


เน กะ มิแหง่ เป็นหนุ่มสาวชาวพม่า ที่ครองรักกันได้ไม่นาน ทั้งสองยังไม่มีทายาท ยังไม่มีหลักแหล่งพักพิงที่มั่นคง... มีเพียงความรักความเข้าใจ ความผูกพันที่นับวันจะแน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ ....


ตอนสายของวันหนึ่ง เนจูงมือมิแหง่มุ่งหน้าออกจากขนำท้ายสวนยางของนายหัว เดินไปเรื่อยๆ จนถึงถนน... รอรถประจำทางไม่นาน... ก็โดยสารเข้าตัวเมืองที่อยู่ทางตอนล่างของหุบเขา... นั่งรถมาได้ไม่นานนัก มิแหง่รู้สึกปวดท้องน้อยอย่างรุนแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน... เธอกัดฟันอดทนได้สักพัก เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดซึมทั่วหน้า ไรผมของเธอเปียกชึ้นผิดสังเกต สองมือเย็นเฉียบ... เนหันมาเห็นเข้าก็ตกใจ ประคองหน้าคนรักให้โน้มเข้าหาหน้าตัวเองราวกับจะถ่ายทอดกำลังใจพิเศษ...
"โลๆ... เลื่อๆๆ..." เธอพูดขึ้นด้วยเสียงดังที่สุด เพื่อแข่งกับเสียงเครื่องยนต์
"จ่อๆๆๆ" แม้จะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เนก็รีบตะโกนโหวกเหวก พร้อมกับเคาะรัวที่ราวเหล็กข้างๆ รถ ด้วยเหรียญในมือ... จนกระทั่งรถชลอความเร็ว จอดข้างทางให้ทั้งคู่ลง... เนอ้อมไปจ่ายค่าโดยสารให้คนขับด้านหน้า... ขณะที่มิแหง่พุ่งทะยานไปไหล่ทาง... รู้สึกได้ว่ามีน้ำไหลรินไปตามขาของเธอ... สีแดงฉาน!!... เนตามมาทัน เห็นภาพคนรักน้ำตานองหน้า.... เขาเข่าอ่อน ทรุดตัวลงนั่ง กอดกันร้องไห้....

รถโดยสารคันนั้นเคลื่อนตัวออกวิ่งต่อไปอย่างไม่รีบร้อน... โดยมีที่หมายคือตัวเมืองซึ่งต่ำลงไปเรื่อยๆ ยังอยู่ไกลอีกร่วมครึ่งทาง... พริบตานั้น ก้อนหินขนาดมหึมาพุ่งตกมาจากที่สูงทางทิศไหนไม่มีใครสังเกต กลิ้งหลุนๆ ปะทะเข้ากับตัวรถจนพังยับเยิน เปลวไฟลุกท่วม... ผู้โดยสารทั้งหมดรวมทั้งคนขับเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ... อนิจจา!!

"ถ้าพั่วเรายาอยู่ในโระคาน้าก็ดีซีนะ"... มิแหง่ กะ เน พูดขึ้นพร้อมๆ กัน...


ฉันหวังเพียงเบี่ยงเบนความสนใจของเธอออกจากกองทุกข์ของตัวเอง... แม้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ... หากว่าเธอเปิดใจกว้าง... ตั้งสติ... เห็นสัจธรรมของชีวิต... ยังมีอีกหลายรสชาดแห่งทุกข์ที่เธอมิเคยแผ้วพาน ล้วนแต่หนักหนาสาหัสเกินกว่าที่คนสวยๆ บอบบางอย่างเธอจะรับไหว... 

ปล่อยหัวใจให้ล่องลอยค่อยค่อยคิด
ปลอบใจว่าอย่ายึดติดความผิดหวัง
ที่ผ่านมาย่อมประจักษ์ทั้งรักชัง
มีได้อย่างเสียอย่างทั้งนั้นแล

ปรารถนาแต่รักนั้นยากยิ่ง
ความเป็นจริงที่เผชิญบังเอิญแย่
เมื่อมีรักมักสุขทุกข์ปวนแปร
อย่าท้อแท้.... ตั้งสติ สิโฉมตรู...

ก่อนส่งเธอขึ้นรถกลับบ้าน... ฉันยื่นบางอย่างใส่มือให้เธอด้วย นั่นคือ พระธรรมเทศนา "บ้านที่แท้จริง" หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง... คิดว่าจะช่วยให้เธอหลับสบายได้อย่างง่ายดาย... และหน้าตาแช่มชื่นหลังตื่นนอนวันรุ่งขึ้น... สาธุ...


จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด... สาธุ... สาธุ... สาธุ...

10 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ7 ตุลาคม 2555 เวลา 23:33

    ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
    ที่นี่ไม่มีรัก แต่ก็ยังมีทุกข์..... อิอิ

    ตอบลบ
  2. สาธุ.บุญกุศลหนุนนำผู้มีจิตเมตตา.ช่วยผู้ที่กำลังมีทุกข์..คลายทุกข์..เป็นกุศล เวลา..ทำให้ทุกอย่าง..ดีขึ้น.แต่ไม่เหมือนเดิม

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. สาธุ... จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด...

      ลบ
  3. โลกเรานี้...มีอีกหลายต่อหลายเร่ือง มีคนท่ีทุกข์กว่าเรา ก็มี หากปล่อยวางอย่าง หนุ่มสาวชาวพม่า บ้าง ก็ยังมีเร่ืองท่ีดีให้เห็น. ปล่อยวางอย่าหมกมุ่นและยึดติด ชีวิตจะพบแต่เร่ืองท่ีดีซ่อนอยู่เสมอ.....

    ตอบลบ

  4. คุณหนูหลีเป็นนักจิตวิทยาดีมาก: ยิ้ม สบตา รับฟังอย่างตั้งใจ สำผัสหลังมือเป็นบางครั้ง
    แล้วทวนความคิดความรู้สึกของเขา เพื่อให้เขารู้และเข้าใจว่าหลายๆอย่างที่เขาอึดอัดคับของใจอยู่นั้น แท้จริงเป็นความรู้สึกไม่พอใจแต่ไม่ถังกับเป็นปํญหา ที่จะต้องแก้ไข..ยกเว้นความคิดของต้วเอง...จริงๆ.. แน่นอนครับคนเมื่อมีความทุกข์มีคนรับฟังเรื่องราวก็ทำให้ความทุกข์นั้นเบาบางลง
    ..รักนี้..ทีปรารถนา เขียนได้ดีมากครับ..

    ตอบลบ
  5. อ่านวกไปวนมาก็อดคิดวกวนไม่ได้ว่า เมื่อรู้ว่ารักแล้วมีทกข์ ทำไมคนเรายังดิ้นรนหารัก บางครั้งรู้รสชาติแล้วผ่านทุกข์มาแล้ว แต่หยุดตัวเองไม่ได้ ยังดิ้นรนหาต่อไปอีก..เพื่ออะไรหนอ..

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อืมห์... นั่นสิ... เพื่ออะไรหนอนี่หนอ?
      เพื่อหล่อเลี้ยงเจ้าก้อนเนื้อก้อนน้อยที่ตูมเต้นเล่นโลดนั่นกระมัง... :)

      ลบ

เมื่ออ่านจบแล้ว เมนต์หน่อยดีมั้ย? อะไรก็ได้ที่อยากให้ฉันได้รับรู้... จากคุณ!