เมื่อสัปดาห์ก่อน ฉันสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นตั้งแต่เช้ามืด... ดูซิ ฟ้ายังไม่สว่างเลย... ปกติคนที่มักถูกปลุกในเวลาหลับเวลานอนไม่ใช่ฉันนี่นา... ใครมีอะไรฉุกเฉินนักนะ จะปลุกฉันทำไมกันหนอนี่หนอ?
"สวัสดีจ้ะ หนูหลีจ้ะ" ฉันทักทายเบาๆ น้ำเสียงงัวเงีย... ยังง่วงและไม่อยากรบกวนคนข้างๆ
"หนูหลี" เสียงผู้ชายเรียกชื่อฉันดังลั่นจนแทบผงะ ฉันนิ่วหน้ามองโทรศัพท์ในมือ นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นเสียงใคร? เบอร์ใคร? รู้จักฉันตั้งแต่เมื่อไหร่?
"จ้ะ ฉันเอง... หนูหลี" ฉันย้ำไปอีกครั้ง นาทีนั้นไม่อยากถามและไม่อยากรู้ด้วย... ให้ตายซี...
สรุปว่า เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่คนหนึ่งซึ่งเราไม่เคยพบหน้ากันเลยตั้งแต่จบ ม.ต้น... กี่ปี่แล้วเนี่ย นับนิ้วไปมา... ว้าว! เกือบสี่สิบปีช่ะ... เค้าได้เบอร์โทรของฉันมาจากพี่สาวน่ะเอง อุตส่าห์โทรมาหาตั้งแต่ไก่โห่... เค้าให้เหตุผลว่าหากฉันออกไปธุระนอกบ้านแต่เช้าก็กลัวว่าจะไม่ได้คุยกัน... ทั้งที่มือถือก็พกออกจากบ้านได้นี่นา โธ่... ธุระสำคัญที่เพื่อนต้องการคุยด้วย คือ อยากให้ไปร่วมงานคืนสู่เหย้าที่โรงเรียน จัดขึ้นในวันที่ 14 เมษา... และย้ำว่าใครๆ อยากเห็นว่าฉันเปลี่ยนโฉมไปขนาดไหน...
"ก็แล้วทำไมถึงเลือกจัดงานวันสงกรานต์ล่ะ?" ฉันถามเพื่อน มันได้แต่หัวเราะหึๆ... สำหรับคนที่อยู่ไกลบ้าน แม้ว่าการเดินทางจะสะดวกกว่าสมัยก่อนก็จริง แต่สภาพการจราจรในวันหยุดพิเศษมันแสนจะคับคั่งจนขยับไปไหนไม่ค่อยออก... สถิติอุบัติเหตุก็เยอะ ปัญหานี้มันเป็นมาหลายปีแล้วแก้ไขได้ที่ไหน เฮ้อ...
ฉันบอกเพื่อนว่ายังคิดถึงและอยากเจอทุกคนเช่นกัน แต่ไม่รับปากว่าจะไปร่วมงานได้หรือเปล่า... ฉันไม่สะดวกเดินทางช่วงสงกรานต์จริงๆ และฉันก็เดินไกลๆ ไม่ไหวด้วยหลังจากเกิดอุบัติเหตุเข่าหักเมื่อหลายปีก่อน... ส่วนความร่วมมือที่เพื่อนต้องการ ฉันไม่ปฏิเสธ เช้าขึ้นก็รีบไปจัดการโอนเข้าบัญชีให้แล้ว และหวังว่าจะได้รับทำเนียบหรือภาพของเพื่อนร่วมรุ่นในไม่ช้า... ดีใจจังเลย...
ก่อนจะวางสาย... ยังได้ข่าวการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของเพื่อนร่วมรุ่นอีกสองคน ทำเอาฉันอึ้งไปนาน... แรกทีเดียวฉุกคิดว่าคงจากไปด้วยอุบัติเหตุเพราะยังไม่แก่เฒ่า... หากแต่ปรากฏว่าทั้งคู่จากไปด้วยโรคเบาหวานและหัวใจล้มเหลว... โอ ฟ้าช่างไม่ปรานี พรากพวกเขาไปก่อนวัยอันควรเสียจริงๆ สู่สุขคติเถิดเพื่อนเอ๋ย...
เมื่อวางสายแล้ว ฉันยังคงนอนลืมตาโพลง หลับต่อไม่ลงแระ... ภาพของเพื่อนๆ ทั้งหลาย ยังติดอยู่ในความทรงจำและคงชัดเจนเช่นนี้ไปอีกนานเท่านาน...
วันคืนไปล่วงพ้นไปไม่กี่เพลา... เมื่อเช้านี้ ทางบ้านแจ้งข่าวมาว่า หลานสาวจากไปด้วยโรคมะเร็ง... ทำเอาเกือบช็อค ดูเหมือนเมื่อไม่กี่วันมานี่เองที่เราเพิ่งหารือกันอยู่หยกๆ เรื่องสถิติวิจัย... ฉันยังนึ่งข้าวเหนียว ตำส้มตำให้ทานเมื่อหลังปีใหม่... แล้วทำไมถึงจากไปอย่างรวดเร็วนัก... พระเจ้า! ไม่เล่นตลกไปหน่อยหรือ?
"สวัสดีจ้ะ หนูหลีจ้ะ" ฉันทักทายเบาๆ น้ำเสียงงัวเงีย... ยังง่วงและไม่อยากรบกวนคนข้างๆ
"หนูหลี" เสียงผู้ชายเรียกชื่อฉันดังลั่นจนแทบผงะ ฉันนิ่วหน้ามองโทรศัพท์ในมือ นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นเสียงใคร? เบอร์ใคร? รู้จักฉันตั้งแต่เมื่อไหร่?
"จ้ะ ฉันเอง... หนูหลี" ฉันย้ำไปอีกครั้ง นาทีนั้นไม่อยากถามและไม่อยากรู้ด้วย... ให้ตายซี...
สรุปว่า เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่คนหนึ่งซึ่งเราไม่เคยพบหน้ากันเลยตั้งแต่จบ ม.ต้น... กี่ปี่แล้วเนี่ย นับนิ้วไปมา... ว้าว! เกือบสี่สิบปีช่ะ... เค้าได้เบอร์โทรของฉันมาจากพี่สาวน่ะเอง อุตส่าห์โทรมาหาตั้งแต่ไก่โห่... เค้าให้เหตุผลว่าหากฉันออกไปธุระนอกบ้านแต่เช้าก็กลัวว่าจะไม่ได้คุยกัน... ทั้งที่มือถือก็พกออกจากบ้านได้นี่นา โธ่... ธุระสำคัญที่เพื่อนต้องการคุยด้วย คือ อยากให้ไปร่วมงานคืนสู่เหย้าที่โรงเรียน จัดขึ้นในวันที่ 14 เมษา... และย้ำว่าใครๆ อยากเห็นว่าฉันเปลี่ยนโฉมไปขนาดไหน...
"ก็แล้วทำไมถึงเลือกจัดงานวันสงกรานต์ล่ะ?" ฉันถามเพื่อน มันได้แต่หัวเราะหึๆ... สำหรับคนที่อยู่ไกลบ้าน แม้ว่าการเดินทางจะสะดวกกว่าสมัยก่อนก็จริง แต่สภาพการจราจรในวันหยุดพิเศษมันแสนจะคับคั่งจนขยับไปไหนไม่ค่อยออก... สถิติอุบัติเหตุก็เยอะ ปัญหานี้มันเป็นมาหลายปีแล้วแก้ไขได้ที่ไหน เฮ้อ...
ฉันบอกเพื่อนว่ายังคิดถึงและอยากเจอทุกคนเช่นกัน แต่ไม่รับปากว่าจะไปร่วมงานได้หรือเปล่า... ฉันไม่สะดวกเดินทางช่วงสงกรานต์จริงๆ และฉันก็เดินไกลๆ ไม่ไหวด้วยหลังจากเกิดอุบัติเหตุเข่าหักเมื่อหลายปีก่อน... ส่วนความร่วมมือที่เพื่อนต้องการ ฉันไม่ปฏิเสธ เช้าขึ้นก็รีบไปจัดการโอนเข้าบัญชีให้แล้ว และหวังว่าจะได้รับทำเนียบหรือภาพของเพื่อนร่วมรุ่นในไม่ช้า... ดีใจจังเลย...
ก่อนจะวางสาย... ยังได้ข่าวการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของเพื่อนร่วมรุ่นอีกสองคน ทำเอาฉันอึ้งไปนาน... แรกทีเดียวฉุกคิดว่าคงจากไปด้วยอุบัติเหตุเพราะยังไม่แก่เฒ่า... หากแต่ปรากฏว่าทั้งคู่จากไปด้วยโรคเบาหวานและหัวใจล้มเหลว... โอ ฟ้าช่างไม่ปรานี พรากพวกเขาไปก่อนวัยอันควรเสียจริงๆ สู่สุขคติเถิดเพื่อนเอ๋ย...
เมื่อวางสายแล้ว ฉันยังคงนอนลืมตาโพลง หลับต่อไม่ลงแระ... ภาพของเพื่อนๆ ทั้งหลาย ยังติดอยู่ในความทรงจำและคงชัดเจนเช่นนี้ไปอีกนานเท่านาน...
วันคืนไปล่วงพ้นไปไม่กี่เพลา... เมื่อเช้านี้ ทางบ้านแจ้งข่าวมาว่า หลานสาวจากไปด้วยโรคมะเร็ง... ทำเอาเกือบช็อค ดูเหมือนเมื่อไม่กี่วันมานี่เองที่เราเพิ่งหารือกันอยู่หยกๆ เรื่องสถิติวิจัย... ฉันยังนึ่งข้าวเหนียว ตำส้มตำให้ทานเมื่อหลังปีใหม่... แล้วทำไมถึงจากไปอย่างรวดเร็วนัก... พระเจ้า! ไม่เล่นตลกไปหน่อยหรือ?
จริงสินะ... การพยายามจดจำอะไรสักอย่าง มันอาจฝืนๆ ไม่นานนักก็ลืมเลือน
หากแต่การพยายามลืมใครสักคนที่เราเคยคุ้น คุ้นเคย
ก็ไม่ต่างไปจากการพยายามจำใครบางคนที่ยังไม่ได้พานพบ นั่นแล...
จนกว่าฟ้าจะมีเวลา : พีซเมกเกอร์ Peacemaker
ความตายเป้นเรื่องไม่คาดคิด ผมเองเฉียดฉิวกับความตายมาได้ ตอนนี้อะไร
ตอบลบก็ยึดธรรมะเอาไว้ สร้างบุญกุศลไว้ เมื่อถึงเวลานั้น เราก็ว่าได้ทำสิ่งดีไว้กับตัว
เองและคนอื่น ถึงเวลาไปจากโลกนี้จะได้ไปอย่างสงบ
ไงก็เคยใส่มาแล้วโรเล้กซ์ แต่ก็อยากมีเรือนตามข้างบนนี้ใส่ก่อนตายสักเรือน
ก็ดี จะได้เอาไปจัดสรรเวลาในชาติหน้า 5555+
ข้อความตอนแรกๆ ดูเหมือนว่าทำใจได้เก่งแระ... ก็กำลังจะสาธุด้วย แต่พอเห็นความอยากในตอนท้าย... อืมห์... ต้องบอกให้ไปฝึกทำใจให้สงบอีกหลายๆ รอบ นะคุณโยม นะ... คริ คริ
ลบการพยายามลืมใครสักคนที่คุ้นเคย มันไม่ต่างไปจากการพยายามจำใครสักคนที่ยังไม่ได้พบ..แต่ถ้าได้พบแล้ว ต้องจดจำแบบฝืนๆ ไม่นานคงลืม..นี่คือสัจธรรม
ตอบลบแต่ฉันเมื่อผ่านเวลานั้นมาแล้ว..ฝากส่งนาฬิกายี่ห้ออื่นๆ อีกหลายๆเรือนไปมอบให้ฟ้าด้วย เผื่อท่านจะเมตตาจัดสรร ลัดคิวให้ก่อน ..นะนะ โปรดสงสารฉันด้วยเถิด...ขอบคุณเป็นที่สุด
<3 konchon<3
เด๋วเกิดฟ้าจัดสรรด่วนจี๋มาให้ตอนนี้ จะยังรับมือไหวอยู่ป๊ะ? ๕๕๕+
ลบด่วนได้เท่าไรยิ่งดี. รับไหวยุแล้ว ใจจดใจจ่อยุหล่ะ นะฟ้านะ ขอบพระคุณล่วงหน้าถ้าฟ้าเห็นใจ...<3@<3
ลบ