วันศุกร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2556

ผู้ชาย... ยิ่งแก่ยิ่งเจ้าชู้ # ตอน @เติมเต็ม@


หากฉันเปิดประเด็นว่า จริงหรือไม่ ผู้ชาย... ยิ่งแก่ยิ่งเจ้าชู้? จะมีคนขุ่นเคืองมากไหมเนี่ย? ก็มันอยากรู้อ่ะ อิอิ... แต่ไม่ได้หวังว่าจะมีใครกล้าหาญชาญชัยมาไขข้อข้องใจให้หรอก ดูเหมือนว่าคนชอบอ่านก็มีไม่มากนัก แถมคนชอบเขียนยิ่งน้อยไปกันใหญ่... เง้อ... ภาษาไทยนี้ก้อ นะ...


บังอรเป็นสาวใหญ่อารมณ์ดีนางหนึ่ง รูปร่างสูงอวบ ผิวคล้ำ ตาคม ผมหยิก พูดสำเนียงคนใต้ เธอใช้ชีวิตอยู่กับแม่บุญธรรมที่ชรามากแล้ว ดูแลปรนนิบัติเป็นอย่างดี... พี่อรมักแต่งกายแบบง่ายๆ ด้วยการนุ่งโสร่งกระโจมอกเพียงชิ้นเดียว ประแป้งตามตัวจนลายพร้อยและทาลิปสีแดง... ฉันรู้จักเธอมาหลายปีแต่ก็ไม่เห็นว่าทำอาชีพอะไร...


ก่อนเจ็ดโมงเช้า ผู้คนจะทยอยออกจากบ้านกันเกือบทุกบ้าน... รถเก๋งสีดำมันปลาบแล่นสวนทางเข้ามาจอดเทียบหน้าบ้านเธอที่อยู่ปากซอยแทบทุกวัน จนเป็นที่คุ้นตาของเพื่อนบ้านละแวกนี้มานาน หากแต่ไม่มีใครเคยเห็นตัวตนผู้เป็นเจ้าของรถคันดังกล่าว และมิได้ไถ่ถามให้มากความ เพราะเคารพในสิทธิส่วนบุคคล...

อยู่มาวันหนึ่ง ขณะชมละครหลังข่าวกันอยู่ดีๆ พี่อรมากดกริ่งหน้าบ้านพลางร้องเรียกเสียงดังลั่น เธอระล่ำระลักบอกว่าแม่ลื่นล้มในห้องน้ำ ฉันวิ่งตามเธอไปทันทีขณะที่พี่ชายรีบถอยรถออกเพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาล จนเมื่อตรวจอาการแล้วไม่มีปัญหารุนแรง จึงปล่อยเธอเฝ้าแม่อยู่ตามลำพังและมิได้กลับไปเยี่ยมอีกเลย... ผ่านไปหลายวันเธอถือแกงไตปลาหอมฉุยมาให้ชามเบ้อเริ่มพร้อมผักเหมือด ทั้งยังพร่ำขอบใจมิขาดปากและบอกว่าแม่หายดีแล้ว... พวกเราก็พลอยดีใจไปด้วยและไม่ลืมกล่าวขอบคุณสำหรับเมนูเด็ด...


หลังจากนั้นเป็นต้นมา พี่อรมักพาแม่เดินเล่นในซอยทุกเช้าค่ำเพื่อให้ขาแข็งแรง... บ่อยครั้งที่แวะคุยอย่างเป็นกันเองที่บ้านฉัน นานวันเข้าเรื่องราวส่วนตัวก็เผยจากปากอย่างเต็มใจไม่มีปิดบัง... เธอเล่าถึงชีวิตลำเค็ญในอดีตที่เป็นทั้งแม่และพ่อให้ลูกสาวตัวเล็กๆ กับอาชีพขายข้าวแกง พอกินบ้างไม่พอกินบ้าง จนกระทั่งได้พบกับ 'พ่อ'... แววตาของเธอส่งเป็นประกายเปี่ยมสุขเมื่อเอ่ยถึงเจ้าของรถสีดำคันนั้น...

เหมือนพ่อพระมาโปรดในยามที่ตกต่ำแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป 'พ่อ' เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งซึ่งมีหน้ามีตาในสังคม หากเอ่ยชื่อออกมาหลายคนอาจร้องอ๋อ (ยกเว้นฉัน)... โชคชะตาบันดาลให้ได้มาเจอกันเข้า แล้วเขาก็ยินดีรับอุปการะเธอพร้อมกับเรือพ่วงอย่างไม่มีพิธีรีตอง ไม่มีเงื่อนไขข้อตกลงใดๆ ให้ที่อยู่อาศัย ให้ทุนการศึกษาและค่าใช้จ่ายจิปาถะอย่างไม่เคยขาดมือโดยที่เธอเองไม่ได้ร้องขอ ที่สำคัญที่สุดคือได้ให้ความเมตตาความอบอุ่นแก่ชีวิตที่แห้งผากกับคนอย่างเธอซึ่งไม่มีอะไรคู่ควรเลยสักนิด... สิ่งที่พอจะตอบแทนคืนให้เขาได้ก็เพียงแค่การปรนนิบัติเยี่ยงทาสผู้จงรักภักดี เท่านั้น...


อืมห์... ชีวิตจริงมันช่างไม่ต่างไปจากละครเลยหนอ ฉันคิด... เธอและเขาต่างก็เติมเต็มให้แก่กันและกันอย่างลงตัวจนเกิดสมดุลย์ที่ผูกพันแน่นแฟ้นมากขึ้นๆ แม้ว่าในสายตาของคนอื่นอาจมองไม่เห็นความเหมาะสมคู่ควรเลยสักนิด แต่ทั้งสองก็ยังคงมีความสุขในแบบฉบับของตัวเอง ปราศจากวี่แววความทุกข์ของใครอื่นอันเกิดแต่ความอิจฉาริษยาหึงหวง ตราบเท่าที่ข้อเท็จจริงเหล่านี้ยังถูกเก็บงำเป็นความลับได้อย่างดี... จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด... สาธุ


และในความเป็นจริง คู่พระนางในจอ-นอกจอหลายต่อหลายคู่ที่บรรดาแฟนคลับเชียร์ให้รักกันจริงอย่างออกนอกหน้า ด้วยเห็นความเหมาะสมของรูปลักษณ์ภายนอก... ก็ใช่ว่าพวกเขาจะเกิดมาเพื่อรักกันหรือครองคู่ร่วมชีวิตกันได้อย่างราบรื่นไปซะทั้งหมด... มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย... หรือเป็นเพราะ... ต่างก็ไม่ใช่ส่วนที่ต้องการเติมเต็มที่ยังขาดหายไปของกันและกัน ไม่รู้ซีแฮะ เข้าใจยากจังเรื่องของชาวบ้านเนี่ย... เรื่องของตัวเองก็เอาให้รอดก่องเหอะ... เง้อๆ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เมื่ออ่านจบแล้ว เมนต์หน่อยดีมั้ย? อะไรก็ได้ที่อยากให้ฉันได้รับรู้... จากคุณ!