วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556

โชค(มัน)ดีอยู่แล้ว

เชื่อไหมว่า ฉันคนนี้ เคยถูกพาไปตระเวณกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาไม่รู้กี่แห่ง เพียงเพื่อจะบนบานศาลกล่าวขอให้ได้ในสิ่งที่ผู้ใหญ่ต้องการ นั่นคือทายาทสืบสกุล... ทั้งที่รู้แก่ใจดีว่าปัญหาไม่เกี่ยวกับปัจจัยอื่นนอกเหนือจากคนสองคน แต่ฉันก็มิเคยขัดใจใครสักครั้ง... และมิเคยออกปากตำหนิใครเลยเมื่อไม่บรรลุวัตถุประสงค์จนถึงทุกวันนี้... อะไรจะไม่เกิดก็ย่อมไม่เกิดสิน่า... เนอะ...


วันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ฉันมีโอกาสได้ไปทำบุญกันพร้อมหน้าทั้งครอบครัวที่สถานสงเคราะห์คนพิการแห่งหนึ่ง... ที่นั่นมีน้องๆ ผู้พิการจำนวนมากอย่างไม่น่าเชื่อ วัยตั้งแต่ 8 ขวบขึ้นไป รายที่สุขภาพดีหน่อยก็จะได้รับการฝึกอาชีพให้สามารถออกไปเลี้ยงตัวได้ในภายหลัง แต่ที่ยังต้องสงเคราะห์ต่อไปอย่างมิรู้จบก็มีอีกเยอะ กว่า 400 คนล้วนกำพร้าตั้งแต่ลืมตาดูโลก และดูเหมือนว่าจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ มิมีหยุด


ตอนที่พวกฉันไปถึง ยังไม่ใกล้เวลาอาหาร... เนื่องจากได้มีการติดต่อผ่านทางอีเมลล์ไว้แล้ว การจัดการจึงเรียบร้อยได้ในเวลาสั้นๆ จากนั้น คณะเจ้าหน้าที่จึงพาเดินชมอาคารเรียน ที่พัก ห้องพยาบาล และภาพกิจกรรมต่างๆ ที่น้องๆ สื่อจากใจว่าพวกเค้าพิการแต่เฉพาะร่างกายเท่านั้น...


ระหว่างที่เดินชมไปพลางๆ ก็สังเกตได้ว่าเริ่มมีน้องๆ ทะยอยกันออกมาจากด้านในเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ... จนกระทั่ง 11 โมง เจ้าหน้าที่จึงพาพวกเรามาสมทบที่โถงจัดเลี้ยง... ซึ่งเด็กๆ มาออกันคับคั่งแล้ว... มีคณะผู้ใจบุญกลุ่มอื่นมาสมทบบริจาคสิ่งของด้วย การแสดงบนเวทีของน้องๆ ก็เริ่มขึ้น... เป็นเพลงประสานเสียงขอบคุณสำหรับน้ำใจเปี่ยมด้วยเมตตาของพวกเรา ฟังแล้วซึมเลย...


และก่อนที่อาหารจะทะยอยมาเสิร์ฟ มีเด็กชายตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ออกมากล่าวขอบคุณและร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้ผู้อุปการะคุณด้วย... น้ำเสียงนุ่มน่าฟัง เนื้อหาโดนใจและเพลงก็ไพเราะมาก... ซึ้งใจจริงๆ...
 

เข้าใจว่าเด็กๆ ทุกคนที่นั่นล้วนถูกฝึกมาให้ช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด แต่ก็อดใจไม่ไหว เมื่อเห็นความพยายามของมือน้อยๆ ที่กวัดแกว่งไม่เป็นท่า ทำให้อาหารในช้อนหกเรี่ยราด ฉันต้องปรี่เข้าไปช่วยป้อน คำแล้วคำเล่า  แรกๆ ก็ยังไม่ยอมปล่อยช้อนง่ายๆ ครั้นแน่ใจว่าฉันเต็มใจป้อนให้อย่างเมตตาและไม่ใช่แค่ป้อนคำสองคำ... มือเล็กๆ ที่สั่นๆ ก็เอื้อมมาเกาะแขนของฉันไว้มั่น... และสิ่งที่ฉันได้รับกลับมาในทันที คือรอยยิ้มยินดีและแววตาเป็นประกายวับไหว... ดูแล้วให้นึกอิจฉาในความสุขใจของพวกเขานัก ซึ่งต่างจากคนปกติทั่วไปที่นับวันต่อมแต้มยิ้มดูจะไม่ค่อยได้ทำหน้าที่ของมันสักเท่าใด... จนมักจะเห็นป้ายเตือนบ่อยๆ ว่าวันนี้คุณยิ้มแล้วหรือยัง...


การได้สัมผัสชีวิตผู้พิการในรูปแบบต่างๆ แม้ในระยะเวลาไม่นานนัก ทำให้ได้เรียนรู้ว่า แท้จริงแล้วฉันยังโชคดีมากนัก... โลกใบนี้ ยังมีแง่มุมของความโหดที่ร้ายปล่อยให้ชีวิตอีกไม่น้อยต้องเผชิญชะตากรรมอันน่าเวทนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในรายที่ความช่วยเหลือไปไม่ถึง... อนิจจา!

เสร็จจากการเลี้ยงอาหารกลางวัน ก็แจกไอติมคลายร้อน เป็นที่ชื่นชอบสำหรับเด็กๆ... บ้างก็กินเก่งกินเร็ว บ้างก็ละเลียดเล็มดูดอย่างช้าๆ... น้ำหวานหยอดย้อยเรี่ยราดพื้นเหนียวไปทั่ว แต่ทุกคนก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเบิกบาน... ไม่นาน เด็กโตที่เป็นใบ้กายแข็งแรง ก็นำอุปกรณ์มาเช็ดโต๊ะเก้าอี้และกวาดถูพื้นอย่างรู้หน้าที่... รักษาวินัยได้ดีทีเดียว... อืมห์... จากนี้ไป ฉันคงต้องหาโอกาสไปสถานสงเคราะห์ให้บ่อยขึ้น อย่างน้อยๆ การแบ่งปันที่ทำให้ทั้งผู้รับและผู้ให้อิ่มเอิบไปด้วยความสุขใจก็น่าจะเป็นบุญได้มากโข หากไม่มัวยึดติดว่าบุญคือต้องทำด้วยการตักบาตรกับพระสงฆ์ที่ตลาด ต้องถวายน้ำ ดอกไม้สด ธูปเทียน... นั่นทำให้พระคุณเจ้าท่านต้องรับจนแทบรับไม่ไหว... ต้องหันไปเทใส่ถุงข้างๆ จนล้นปรี่หลายถุง ไม่สามารถนำกลับไปยังกุฏิได้ ต้องร้อนถึงแท้กซี่ออกมาช่วยขนไปทุกๆ เช้า...


อืมห์... เห็นหนอ... รับรู้และปล่อยวางหนอ...
ตถตา... ตถตา... ตถตา... ตถตา... ตถตา... ตถตา... ตถตา... ตถตา

วันนี้ ยามนี้ ฉันประจักษ์แล้วว่าตัวเองยังโชคดีกว่าอีกหลายๆ คน

จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด ท่านทั้งหลายเอ๋ย

  สาธุ... สาธุ... สาธุ...
 

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ4 เมษายน 2556 เวลา 03:55

    สาธุ..ค่ะ
    อืมห์ ดูภาพแล้วน่าสงสารมากนะที่เขาต้องเจอชะตากรรมแบบนี้ เรายังโชคดีกว่าพวกเขาเหล่านั้นมากมาย ฉะนั้นถ้ามีโอกาสช่วยได้เราก็น่าจะช่วยอย่างน้อยคงเป็นกำลังใจแก่พวกเขา
    โอกาสหน้าถ้าคุณยายใจดีจะทำกิจกรรมนี้อีกกรุณาบอกผ่านมาด้วย จะขอร่วมบุญด้วยค่ะ อย่าลืมนะค้า
    < konchon>

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อ่ะจ้ะ... ถ้าไม่ลืมนะ... อิอิ...

      ลบ
    2. ไม่ระบุชื่อ4 เมษายน 2556 เวลา 17:08

      แต่มักจะลืมเพราะยายนับวันก็จะหลง...555++++

      ลบ

เมื่ออ่านจบแล้ว เมนต์หน่อยดีมั้ย? อะไรก็ได้ที่อยากให้ฉันได้รับรู้... จากคุณ!