นานมาแล้วที่ฉันเคยนั่งเรือยนต์ออกทะเลนอกเพื่อไปนิเทศงานตามเกาะหลายแห่งๆ ละ 2 ครั้ง/ปี... ด้วยความที่เป็นคนว่ายน้ำไม่ได้ทั้งที่พยายามเรียนมาแล้วหลายหน ฉันกลัวการเดินทางทางน้ำจัง แต่ก็ไม่รู้จะปฏิเสธงานในหน้าที่อย่างไร จำต้องไปตามกำหนดทุกครั้งอย่างขลาดๆ... มีครั้งหนึ่งตอนขากลับเป็นช่วงน้ำลง น้ำทะเลแห้งขอดเรือไม่สามารถแล่นต่อไปได้ ทุกคนต้องลงจากเรือเดินย่ำเท้าเปล่าเข้าฝั่งระยะทางร่วมห้ากิโลเมตร อาศัยแสงจันทร์สลัวลางๆ สองมือหิ้วรองเท้าสองเท้าเปลือยเปล่าลุยน้ำเหนือเข่า บางที่ก็แห้งผากย่ำทรายบ้างโคลนตมบ้าง โดนเปลือกหอยบาดได้แผลกันถ้วนหน้า ในยามนั้นไม่มีใครมัวโอดครวญ ต่างเร่งฝีเท้าจ้ำพรวดๆ เพื่อถึงฝั่งให้เร็วที่สุด โชคดีที่ไม่มีคลื่นยักษ์ตามถาโถม อื๋ยส์...
ฉันไม่กล้าปริปากเล่าให้คนที่บ้านฟังว่าผ่านอะไรมาบ้าง และมักอิดๆ ออดๆ ทุกครั้งที่มีโปรแกรมไปเที่ยวทะเล เพราะหวนคิดถึงเหตุการณ์น่าพรั่นพรึงในอดีตเสมอแม้ว่าจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม ลืมได้ยากจริงๆ โดยเฉพาะคราวที่สูญเสียทีมงานยิ่งจำได้ติดตา มันน่ากลัวมากๆ... คนที่เอาชีวิตรอดมาได้ล้วนแต่เป็นผู้ที่ว่ายน้ำไม่เก่งทั้งนั้น ผิดกับคนที่ไม่รอด คนนั้น... สู่สุขคติเถิดนะ คนดี...
เราไปถึงตรังตอนเช้าตรู่ ไกด์จองร้านอาหารขนาดใหญ่ไว้ต้อนรับ ลูกค้าเยอะที่นั่นมาก บริการเสียงขรม แต่ก็ถือว่าอร่อยถูกปากทีเดียวเชียว... โดยเฉพาะหมูย่าง... อาหย่อย...
กลับขึ้นรถในสถาพเปียกม่ะล่อกม่ะแล็ก ฉันควักผ้าขนหนูจากกระเป๋าผ้ามาเช็ดผมเช็ดตัวและปิดปากปิดจมูกจามอีกพักใหญ่จนกว่ายาแก้แพ้จะออกฤทธิ์ ครั้นพอตาเริ่มหรี่ปรือ ก็มีเสียงกระเซ้าว่าเป็นคนเรียบร้อยที่สุดในกรุ๊ป เท่านั้นยังไม่พอ มีมือกาวมารั้งตัวไปเข้าวงติวเลขต่อซะงั้น งานนี้โชคเข้าข้างคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อีกตามเคย เด้งได้เด้งดีช่ะ แต่อย่าถามกติกานะ ฉันไม่รู้ด้วยดอก เก็บลูกเดว เอิ๊กส์ๆ ...
เมื่อถึงเวลาดำน้ำชมปะการังบริเวณอ่าวที่มีการจัดงานวิวาห์ใต้สมุทร ใจก็กลัวๆ กล้าๆ แต่ในเมื่อมิอาจปฏิเสธได้ก็ต้องเดินหน้า ชีวิตก็แค่นี้ตายเป็นตายฟร้ะ... ว่าแล้วก็ทำตัวสบายๆ ก้มหน้าลงน้ำปล่อยให้เค้าลากจูงไปตามอำเภอใจ... ภาพที่เห็นใต้ท้องน้ำนั่นเหมือนมองภาพสามมิติยังไงยังงั้นเลย เพียงแต่นี่เป็นของจริงที่น่าตะลึงลานเป็นอย่างยิ่ง ปลาสวยๆ เป็นฝูงว่ายวนเวียนอยู่รอบๆ ตัว ปะการังกลมโตคล้ายโอ่งใบเขื่องวางสลับซับซ้อนลึกบ้างตื้นบ้าง หอยเม่นหนามแหลมเปี๊ยบ ยาวๆ สั้นๆ ขยับยุ่มย่าม ทำให้รู้สึกหนาวเป็นพิเศษ ต้องรีบปั่นขาพุ้ยน้ำไว้เรื่อยๆ ให้มีแรงลอยตัวอยู่ตลอดเวลา... น้ำทะเลใสสะอาด มองเห็นภาพใต้น้ำได้ชัด ยกเว้นบางที่ที่ลึกมากๆ จะดูทึมทะมึนน่ากลัว ด้วยเป็นวันที่ท้องฟ้าไร้แดดจัด แต่ก็ดีเพราะไม่ร้อน...
15.00 น. เรือพาพวกเรามาถึงส่วนที่สำคัญที่สุดของทริป 'ถ้ำมรกต'... มีน้อยคนนักที่สมัครใจลุ้นโชคอยู่บนเรือ... ฉันถูกจูงแขนไปยืนหัวแถวที่ท้ายเรือ แต่พอได้ฟังคำอธิบายว่าต้องว่ายน้ำลอดถ้ำเป็นกิโลเท่านั้นแหละวิ่งปรู๊ดไปต่อท้ายแถวโน่นเลย เหงื่อซึมทั้งที่ไม่มีแดด คิดในใจว่าตายแน่ๆ ตรู ไม่น่ามากะเค้าเล้ย... แป๊บเดียถูกลากแขนแท่ดๆ ไปหัวแถวใหม่ แถมบังคับให้รีบลงน้ำห้ามชักช้า... อ่ะ ลงก็ลงฟร้ะ ไม่กล้าหือเด๋วโดนเผี้ยะ... ทันทีที่ปล่อยมือจากราวบันได ฉันคว้าหมับที่ชูชีพของคนก่อนหน้าไว้มั่นบอกตัวเองว่าเป็นตายอย่างไรก็จะไม่ยอมปล่อยมือเด็ดขาด คงเกร็งมากจนลืมปั่นสองขา รู้สึกว่ามีคนเกาะหลังเราด้วยเช่นกัน พอหันไปมองก็เจอหน้าคนที่จูงแขนตะกี้นั่นเอง... ค่อยยังชั่ว!...
การเคลื่อนตัวไปข้างหน้าทำได้อย่างช้าๆ เพราะมีคลื่นลูกใหญ่ซัดอยู่ตลอดเวลา ขาก็ชักเมื่อยแต่ไม่กล้าหยุดปั่น... เป็นนานทีเดียวกว่าจะเห็นแสงสว่างจากด้านหน้าบ่งบอกว่าใกล้ถึงที่หมายแล้ว ปากก็เปล่งเสียงให้ดังเข้าไว้ เท้าทั้งคู่ก็เร่งปั่นเพื่อจะได้ไปถึงไวๆ สนุกดีแฮะ... และแล้วก็แตะพื้นซะที ยืดกายเดินลุยน้ำไปอีกราวยี่สิบเมตรก็โผล่พ้นปากถ้ำ... ว้าว สวยจัง ธรรมชาติที่นี่สดชื่นจริงๆ เหมือนหลุดเข้ามาในอีกโลกหนึ่งที่สวยงามร่มรื่น มีหาดทรายขนาดเล็กที่โอบรอบด้วยภูเขาและป่าไม้รอบด้าน ลมพัดเย็นสบายน่าหลับซักงีบให้หายเมื่อย... แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะฝนทำท่าจะตกอีกรอบ แค่ชักภาพตามอำเภอใจก็ใช้เวลาไม่น้อยแล้ว...
เสียงเตือนให้ทุกคนเก็บกล้องใส่ถุงพลาสติกฝากคนเรือใส่ถุงกันน้ำอีกทีก่อนนำเข้าลังโฟม... เมื่อเช็คจำนวนคนครบแล้วก็เกาะกลุ่มเป็นแถวยาวเหมือนเดิม... เสียงเพลงดังขึ้นอีกรอบ... 'ปั่นๆๆ สองขาปั่น ฮุย เล ฮุย ฮิ้วๆ... ฮุย เล ฮุย ฮิ้วๆ'
เมื่อถึงเวลาดำน้ำชมปะการังบริเวณอ่าวที่มีการจัดงานวิวาห์ใต้สมุทร ใจก็กลัวๆ กล้าๆ แต่ในเมื่อมิอาจปฏิเสธได้ก็ต้องเดินหน้า ชีวิตก็แค่นี้ตายเป็นตายฟร้ะ... ว่าแล้วก็ทำตัวสบายๆ ก้มหน้าลงน้ำปล่อยให้เค้าลากจูงไปตามอำเภอใจ... ภาพที่เห็นใต้ท้องน้ำนั่นเหมือนมองภาพสามมิติยังไงยังงั้นเลย เพียงแต่นี่เป็นของจริงที่น่าตะลึงลานเป็นอย่างยิ่ง ปลาสวยๆ เป็นฝูงว่ายวนเวียนอยู่รอบๆ ตัว ปะการังกลมโตคล้ายโอ่งใบเขื่องวางสลับซับซ้อนลึกบ้างตื้นบ้าง หอยเม่นหนามแหลมเปี๊ยบ ยาวๆ สั้นๆ ขยับยุ่มย่าม ทำให้รู้สึกหนาวเป็นพิเศษ ต้องรีบปั่นขาพุ้ยน้ำไว้เรื่อยๆ ให้มีแรงลอยตัวอยู่ตลอดเวลา... น้ำทะเลใสสะอาด มองเห็นภาพใต้น้ำได้ชัด ยกเว้นบางที่ที่ลึกมากๆ จะดูทึมทะมึนน่ากลัว ด้วยเป็นวันที่ท้องฟ้าไร้แดดจัด แต่ก็ดีเพราะไม่ร้อน...
น่าเสียดายที่ไม่ได้เก็บภาพของตัวเองไว้เลย เพราะต้องฝากกล้องไว้กับคนเรือกลัวจะเปียก... พอลงไปอยู่ในน้ำทะเลไม่นาน สายฝนก็เทลงมากราวใหญ่ ทุกคนส่งเสียงเฮฮือฮากันอื้ออึงแข่งสายฝนที่หนาตาขึ้นเรื่อยๆ... ชูชีพสีเขียวสดของทีมที่ต่อกันเป็นสายยาวถูกคลื่นลูกใหญ่ซัดให้ขาดจากกันและห่างออกไปในทันที จนคนเรือต้องรีบพุ่งตัวลงมาช่วย ปากก็ร้องสั่งให้ทุกคนเกาะหลังกันไว้แน่นๆ เพราะในถ้ำมืดมาก ถ้าหลุดไปจะหากันลำบาก... อร๊ายๆ น่ากลัวอ่ะ... ใจสั่งให้โผเข้าหาคนข้างหลังแต่ก็ทำไม่ได้ เดี๋ยวขบวนขาดอีกรอบ นาทีนั้นรู้สึกว่าถูกรั้งหลังพาไปหาเชือกที่โยงจากท้ายเรือไปปากถ้ำ... ไม่นานแถวสีเขียวสดก็กลับมาต่อกันเป็นสายยาวได้อย่างสวยงามเกือบ 50 คน ยาวกว่ากลุ่มไหนๆ...
คนหัวแถวเปล่งเสียงเรียกขวัญกำลังใจและทุกคนก็ขานรับขับไล่ความหนาว... 'ปั่นๆๆ สองขาปั่น ฮุย เล ฮุย ฮิ้วๆ... ฮุย เล ฮุย ฮิ้วๆ'... แถวของเราเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อน เสียงเพลงปลุกใจท่อนเดิมท่อนเดียวดังกระหึ่มจนกลุ่มอื่นๆ พลอยร้องตามด้วย... ยิ่งเมื่อเข้าโพรงถ้ำเพลงก็ยิ่งดังกึกก้อง... นักท่องเทียวกลุ่มที่สวนทางกลับออกมาต่างให้ความสนใจโดยเฉพาะชาวต่างชาติ ส่งเสียงทักทายกิ๊วก๊าว รายที่มีไฟฟ้าติดหน้าผากก็ตะโกนทักทาย แจกยิ้ม แถมพุ้ยน้ำใส่เป็นที่สนุกสนานยิ่งนัก... มันคือ รสชาดชีวิตที่หาไม่ได้อีกแล้ว...
แอ๊คกันใหญ่ กลุ่มนี้เลย... หาซิ ฉันอยู่ตรงไหน?
*✿♡ (。◕‿◕。) ตราไว้ในความทรงจำ (。◕‿◕。) ♡ ✿*
ตื่นเต้น เร้าใจ น่าสนุก ทุกกิจกรรรมเคยมาแล้วยกเว้นเกาะกันเป็นสายดำน้ำดูหอย ปู ปลา
ตอบลบคิดไว้ว่าถ้ามีโอกาสจะกลับไปเที่ยวอีกและจะต้องดำน้ำด้วยถึงแม้จะว่ายน้ำไม่เป็นก็ตาม
คงตื่นเต้นไม่แพ้ผู้เขียน
โอกาส มีอยู่เสมอ เพียงแต่จะคว้ามันติดมือได้เมื่อไหร่เท่านั้น... อิอิ
ลบมันมักจะหลุดเสมอๆ คว้าได้แต่เศษๆขรี้ผง เอิ๊กส์ๆ
ตอบลบฮ่าๆ... ต้องชโลมกาวที่มือซะหน่อยจิ๊...
ลบ