วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ย้อนนาทีฉุกเฉิน



เมื่อใครบางคนผิดหวังกับอะไรสักอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของความรัก... อาจมีสภาพทุกข์ทนหม่นหมอง อกไหม้ไส้ขมแทบไม่เป็นอันกินอันนอน จนสารรูปแทบไม่เหลือเค้าเดิม ซึ่งคนอื่นๆ ย่อมไม่รู้สึกรู้ซึ้งต่อความทุกข์ที่เจ้าตัวกำลังเผชิญอยู่... เช่นเดียวกันคนที่สูญเสีย... ว่าไหม?


หลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย... หากว่ามันเกิดกับคนอื่น ต่อให้เรารู้สึกสงสารเห็นใจและคอยปลอบโยนให้กำลังใจอยู่มิห่างก็ตามทีเถิด ยังไงเสียมันก็เทียบไม่ได้กับคนที่เขาเจอเรื่องราวด้วยตัวเองจริงๆ...


วันหนึ่ง ก่อนเที่ยงเล็กน้อย ครอบครัวของฉันไปทานอาหารนอกบ้านกันที่ร้านสุกี้ชื่อดังภายในห้างแห่งหนึ่ง... ตอนนั้นแขกยังไม่หนาตานัก อาหารที่สั่งจึงได้มาค่อนข้างเร็ว สมาชิกหลายคนช่วยกันหย่อนเครื่องปรุงนานาชนิดลงในหม้อน้ำซุปที่กำลังเดือดพล่านทั้งสองหม้อตรงหน้า... กลิ่นหอมโชยมาเตะจมูกเรียกน้ำย่อยในกระเพาะให้ลั่นจ๊อกๆ...

วันนั้น คุณย่าของเรามีท่าทียิ้มแย้มแจ่มใสกว่าปกติ เมื่อได้มีโอกาสพาลูกหลานมาอิ่มอร่อยนอกบ้าน ท่านชอบทานข้าวหมูแดงอบน้ำผึ้งมากกว่าสุกี้ แต่พอตักข้าวเข้าปากได้เพียงคำแรกก็เกิดอาการวูบเป็นลมหมดสติขึ้นมาเฉยๆ ตาลอยค้าง ยกมือป่ายเปะปะ จนคนนั่งข้างๆ เห็นเข้าก็ร้องเอะอะขึ้น...



ฉันนั่งอยู่ไม่ไกล รีบลุกมาช่วยเหลือเบื้องต้น จับนอนหงายราบทันที สำรวจเศษอาหารในช่องปาก เขย่าตัวเรียก เงียบไม่ตอบ คลำชีพจรแทบไม่ได้... โชคดีที่เราเลือกที่นั่งเป็นม้ายาว ไม่อยากให้นอนที่พื้นเลยจริงๆ... ฉันจับเงยคางแล้วลงมือกดหน้าอกไปเรื่อยๆ ปากร้องก็บอกให้ใครก็ได้โทรเรียกรถพยาบาลที่ 1669 ด่วน...


ลูกค้าโต๊ะอื่นๆ พากันตกอกตกใจไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้... พนักงานของทางร้านก็เข้ามาดูแลและพยายามจะช่วยเหลือ บอกให้จับนั่งบ้าง ให้ยาดมยาหม่องมาทาถูนวดบ้าง... ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ มือก็ยังกดหน้าอกไปเรื่อยๆ... สักพัก คุณย่าก็ทำตาปริบๆ มีน้ำตารินทางหางตา ถอนหายใจเบาๆ... ก่อนจะแน่นิ่งไปอีกครั้ง...


โชคดีที่ฉันเคยจัดอบรมให้เจ้าหน้าที่มาหลายรุ่น พลอยได้ลงมือปฏิบัติด้วยตัวเองมาหลายครั้ง... คราวนี้ได้นำความรู้มาใช้จริงโดยไม่เกี่ยวกับงานในหน้าที่ ใจเต้นระทึกอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน ยามนั้น พี่ชายไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุเสียด้วย...

พอทีมงานหน่วยกู้ชีพมาถึง ก็เขย่าตัวเรียกดังๆ คุณย่าส่ายหน้าเบาๆ สองสามครั้ง แล้วเงียบไปเหมือนคนหลับ พยาบาลพูดว่าไม่วิกฤตอย่่างที่คิด แล้วก็เจาะเลือดที่ปลายนิ้ว ผลปรากฏว่าระดับน้ำตาลปกติ ไม่ได้ช็อคจากน้ำตาลต่ำ... จากนั้นก็เคลื่อนย้ายคนไข้ขึ้นเปลนอนพาไปที่รถพยาบาล ให้น้ำเกลือและออกซิเจน แล้วเรียกหาญาติให้ขึ้นรถไปด้วยหนึ่งคน ฉันรีบก้าวขึ้นไปทันทีโดยไม่ลืมบอกกับคนอื่นๆ ว่าคุณย่าปลอดภัยแล้วและฉันสัญญาว่าจะดูแลท่านอย่างดีที่สุด...


ทุกคนก็ทราบแก่ใจดีว่าความเสี่ยงเกิดขึ้นได้ทุกรูปแบบทุกเวลาและทุกสถานที่... แต่จะมีใครบ้างที่พร้อมจะรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดตรงหน้าได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม... ถ้าหากเจอเข้ากับตัวเองแล้วมัวแต่กรีดร้องอย่างตระหนกตกใจหรือโวกเหวกเรียกหาคนมาช่วย ก็จะเสียเวลาไปเรื่อยๆ แน่นอนว่าเพียงสี่นาทีเท่านั้นก็ผ่านความเป็นความตายได้ เจ้าประคุณเอ๋ย...

สาธุ ขออย่าให้ใครๆ ต้องรับมืออย่างฉันเลย... แต่เพื่อความไม่ประมาท น่าจะสละเวลาดูสาธิตการช่วยฟื้นคืนชีพกันหน่อยดีมั้ย?... อย่างน้อยก็จะได้ควบคุมสติหากเจอเหตุการณ์ประมาณนี้...


2 ความคิดเห็น:

  1. นอนไม่หลับเหมือนกันลุกมาทำธุระ ก็ยังไม่เสร็จ เจอโพสต์นี้พอดี เก่งครับคงเป็นเพราะเป็นพยาบาลเก่า ผมเจอคงทำไม่เป็น และยังไม่เคยเห็นใครทำ
    แต่เคยทำกับสุนัข เคยช่วยสุนัขมาหลายตัวแล้ว ...ไงก็ขออย่าให้เจอกับคนเลยครับ กลัวทำไม่เป็น
    ไปนอนต่อละครับเหลื่ออีกสักสองสามชั่วโมงแล้วค่อยลุกมาทำงาน

    ตอบลบ
  2. หลับๆตื่นๆ เลยลุกขึ้นมาตอนตีสี่ ..ทำไมไม่เคาะประตู จะได้ลุกมาคุยกันสามคนเลย อิอิ
    คุณยายคงย้อนคิดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับนาทีฉุกเฉินละมังเลยนอนไม่หลับ
    mp..ยังเอาไม่อยู่
    เคยเรียนการช่วยชีวิตเบื้องต้น แต่ไม่มีโอกาสได้ลงมือจริง ได้แต่คิดว่าเราถ้าเจอนาทีวิกฤติ..จะสามารถมั้ยน้อ..แต่ไงก็จะพยายาม..ตั้งสติ
    ดูการสาธิต สังเกตวิธีก็พอเข้าใจ..ภาษาต่างชาติไม่แข็งแรงจ้ะ

    ตอบลบ

เมื่ออ่านจบแล้ว เมนต์หน่อยดีมั้ย? อะไรก็ได้ที่อยากให้ฉันได้รับรู้... จากคุณ!