วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556

ปฏิเสธไม่ได้... จริงรึ?

ยี่สิบปีที่แล้ว ฉันเสียพี่สาวที่แสนดีคนหนึ่งไปอย่างไม่มีวันกลับ เธอเป็นเบาหวานตั้งแต่แรกรุ่น รักษาตามแนวทางของแพทย์แผนปัจจุบันโดยการฉีดอินซูลินให้ตัวเองทุกเช้า เธอเรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้ต่างไปจากเดิม ทั้งพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย การพักผ่อนรวมไปถึงการปฏิบัติธรรม... ก็ดูมีความสุขตามควรแก่อัตภาพ ตราบจนกระทั่งอายุ 44 ปี สาเหตุมาจากภาวะแทรกซ้อนที่แพทย์ควบคุมได้ยาก คือ ไตวาย ซึ่งในอดีตยังไม่มีเครื่องฟอกไตให้บริการมากมายอย่างทุกวันนี้...


พี่สาวของฉันเป็นคนสวย ทำงานเก่ง เธอเสียสละตนเองช่วยเตี่ยแม่ค้าขายเพื่อส่งเสียให้น้องสาวสามคนได้เรียนหนังสือ ส่วนตัวเองนั้นไฝ่เรียนรู้จากชีวิตจริงในการทำงาน...เมื่อวันที่สูญเสียเธอไป เตี่ยกะแม่โศกเศร้าอย่างที่สุด... เธอฝากคำสั่งเสียที่มีค่ายิ่งสำหรับทุกคน คือ อย่ายอมให้เบาหวานมาเยี่ยมง่ายๆ... นับจากนั้นเป็นต้นมา สมาชิกในบ้านหลายคนโดยเฉพาะเตี่ยและฉัน... เริ่มมีอคติกับการกินอาหารหวานๆ ไม่ว่าจะเป็นกับข้าว ขนม น้ำอัดลม หรือผลไม้บางอย่าง...


เตี่ยของฉัน เป็นคนรูปร่างสูงใหญ่และแข็งแรง ชอบขี่จักรยานไปดูแลไร่นาไกลๆ เป็นประจำทุกวัน... เวลาทานข้าวกันพร้อมหน้า เตี่ยมักพูดเสมอว่าอิ่มแระ กินแค่พออิ่มดีกว่า อร่อยปากนักมันจะลำบากลูกหลานทีหลัง... ครั้นพอเตี่ยกะแม่แก่ตัวมากขึ้น ก็ไม่เห็นว่าจะมีโรคประจำตัวให้ลูกหลานต้องกังวล นอกเสียจากความชราภาพเท่านั้น


ฉันเอง ในฐานะที่ร่ำเรียนมาทางด้านสาธารณสุข เห็นภาพความทุกข์กายทุกข์ใจของคนไข้ท่ามกลางสายระโยงระยางมาจนชิน... ที่ได้ช่วยเหลือพวกเขาตามหน้าที่ก็เพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น ความทุกข์ทรมานมันเป็นของเฉพาะตัวที่ใครก็มิอาจแบ่งเบาไปได้จริงๆ... ฉันได้แต่อธิษฐานว่าชาตินี้ขออย่าได้อ้วนเลย สาธุ... และด้วยความที่ฉันเคยผ่าตัดหัวเข่ามาก่อน จึงต้องควบคุมน้ำหนักตัวมิให้เป็นปัญหาในการเดิน... ใครจะว่าผอมเหมือนท่อนซุงหรือกุ้งแห้งก็ช่างปะไร... ถ้าจะวัดกันด้วยสายตาและความรู้สึก... วิจารณ์ได้ตามสบายฉันไม่โกรธหรอก จริงๆ นะ...


เคล็ดลับของฉันคือกินเป็นมื้อ คนอ้วนแต่ละคนมักมีของกินเล่นวางใกล้มือให้หยิบใส่ปากได้บ่อยๆ กันทั้งนั้น... ฉันกินข้าวเป็นหลัก กินน้ำพริกผักเป็นรอง อร่อยและย่อยง่ายจริงๆ ... เมื่อต้องไปทานเลี้ยง ฉันก็จะออกกำลังกายเพิ่มขึ้น ช่างน้ำหนัก วัดรอบเอว ประเมินสภาวะอวบ... ฉันดื่มน้ำเปล่าเป็นนิจ ปฏิเสธน้ำปรุงรสหวาน แต่ตอนอยู่ต่างประเทศน้ำเปล่าแพงจัง!... ที่สำคัญ ฉันต้องตัดใจให้ได้เมื่อเห็นอาหารเหลือ บางครั้งก็นึกเสียดาย กวาดซะเรียบ... เผลอหนอ! ๕๕๕+


พฤติกรรมการกินของผู้คน มันส่งผลต่อสุขภาพได้อย่างเหลือเชื่อจริงๆ ในแต่ละวันๆ เรากินกันหลายครั้ง แต่ละครั้งไม่มีใครคำนวนแคลอรี่ว่ากินเข้าไปแล้วเท่าไหร่ มากเกินไปหรือไม่... ความรู้ที่เคยเรียนมาไม่ได้เอามาใช้กันเลยก็ว่าได้... อาหารบางอย่างมีรสชาดอร่อยถูกปาก ติดใจจนไม่ยอมหยุดส่งเข้าปาก... โดยเฉพาะที่มีรสหวานหรือของทอดๆ ดังนั้น หากใครมีจุดหมายที่ชัดเจนว่าในยามแก่เฒ่า ปรารถนาจะนั่งๆ นอนๆ ให้ลูกหลานปรนนิบัติ ก็กินตามใจปากไปเรื่อยๆ เถิด... แต่หากใครขยาดต่อความเจ็บป่วยเรื้อรังที่บั่นทอนสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ ก็ควรต้องรีบเปลี่ยนความคิดและการกระทำของตัวเองเสียตั้งแต่ตอนนี้ก่อนที่มันจะสายเกินไป... ไม่เช่นนั้นแล้ว อาจไปเจอะกันโดยมิได้นัดหมาย ณ ที่แห่งหนึ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้... ICU....


"I do not want to see you die!"

4 ความคิดเห็น:

  1. คับ..คุนยาย กินนะเรื่องหย่ายจริงๆๆนะ. โดยเฉพาะ สังคมสชาวจีน ที่มื้อค่ำ ต้องกินร่วมกันและเป็นมื้อที่แม่ต้องโชว์ ฝีมือให้อร่อยและหลากหลาย. เลยอ้วนกันไปเสียทุกคน. พอโตขึ้นมาเลยต้องใช้กีฬา. เป็นเครื่องลด ...ตอนนี้ก้อมีพุงนิดๆๆ เก็บไว้ให้สาวลูบเล่นก่อนนอน. จะได้หลับฝันดี...เก็บมาหลายปีแระ ..บ่ มีสาวมาลูบเลยสักกะคน..เฮ้อ!!เด๋วไม่เก็บไว้เลยดีมั่ยคับ..ยายที่แสนดี...55555

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. โห... มีคุณแม่ทำของอร่อยๆ ให้ทาน นับเป็นบุญยิ่งแล้ว... ที่อ้วนเกินพิกัดเพราะเราตักใส่ปากมากไป... หาใช่เพราะแม่บังคับ... ส่วนพุงกระเพื่อมนั่น จะว่าไปแล้ว... ไม่มีสาวไหนอยากลูบเล่นดอกจ้ะ... เปลี่ยนไปไว้หนวดแทนเหอะ...

      ลบ
  2. พยายามค่ะแต่ก็ปฏิเสธได้บ้างไม่ได้บ้าง ตัวอย่างใกล้ตัวมีให้หวาดๆ อยู่เหมือนกัน ก็คอยประเมินตัวเองไว้บ่อยๆ ตื่นมาเหยียบเครื่องชั่ง วัดรอบเอว และเสื้อผ้าที่สวมใส่เป็นตัวบ่งชี้ได้ดีค่ะ ถึงกระนั้นยังไม่วายเพิ่มไซส์โดยไม่รู้ตัว เซ็งมากกว่าจะลดห่วงยางได้แต่ละนี้สมันทรมานจริงค่ะ
    Thanks ...I don't like...ICU...ei ei
    (^_^)...konchon..

    ตอบลบ

เมื่ออ่านจบแล้ว เมนต์หน่อยดีมั้ย? อะไรก็ได้ที่อยากให้ฉันได้รับรู้... จากคุณ!