วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

โปรดอย่าถาม


  
มีเพลงอยู่เพลงหนึ่ง ที่ฉันเคยได้ยินในงานเลี้ยงแต่งงานหลายครั้ง... 
เพลงนั้นขึ้นต้นว่า "โปรดอย่าถาม... " 
ฟังแล้วซึ้งกินใจมาก สาระของเพลงเข้ากับบรรยากาศ ซึ่งมันคือเพลงๆ นี้...


 "จงรัก"
โปรดอย่าถามว่าฉันเป็นใครเมื่อในอดีต 
และโปรดอย่าถามว่าอดีตฉันเคยรักใคร
รู้ไว้อย่างเดียวเดี๋ยวนี้รักเธอและรักตลอดไป 
รักมากเพียงไหนกำหนดวัดได้เท่าดวงใจฉัน
อย่าเพียรถามว่าฉันจะรักเธอนานเท่าใด
ฉันตอบไม่ได้ว่าฉันจะรักชั่วกาลนิรันดร์  
เพราะชีวิตฉันคงไม่ยืนยาวไปถึงป่านนั้น
 รู้แต่เพียงฉันหมดสิ้นรักเธอเมื่อฉันหมดลม


กลับจากงานมงคลครั้งหนึ่ง... ฉันนอนหลับๆ ตื่นๆ เกือบทั้งคืน... มันยากที่จะลืมอะไรบางอย่างที่ไม่น่าจดจำ... เรื่องของเรื่องเริ่มขึ้นเมื่อฉันไปเยี่ยมญาติห่างๆ คนหนึ่งที่ต่างจังหวัด... หลังจากทราบข่าวว่าเจ็บป่วยกระเสาะกระแสะมานาน... เค้าเป็นชายสูงวัย รูปร่างที่เคยสง่างามสมชายชาตรี บัดนี้ดูร่วงโรย ผอมซีดเหลือง แววตาแห้งผาก ไม่เหลือเค้าความหล่อทรมาณใจสาวเลยสักนิด... อะไรบ้างหนอที่พลิกผันชีวิตไปอย่างเหลือเชื่อ... เพื่อนบ้านหลายคนให้ข้อมูลคนละนิดคนละหน่อย ประมวลได้ว่าเค้าเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไตวาย และต้อหินที่อาจถึงขั้นตาบอด... ภรรยาคนสวยก็ทิ้งไปในยามแก่ เจ็บและจน... เหล่าบรรดาบ้านเล็กบ้านน้อยทั้งหลายที่เคยจิ๊จ๊ะก่อนหน้านี้ ก็หายหน้าหายตาไปสิ้น... ยังดีหน่อยที่ลูกเต้าโตมีครอบครัวไปแล้วส่งเงินมาให้ใช้บ้าง... แต่ก็ไม่ช่วยให้ความหมดอาลัยตายอยากของเค้าดีขึ้นมาได้... น่าเวทนายิ่งนัก

จำได้ว่าในวันที่ฉันแต่งงาน ญาติคนนี้ถามฉันว่า ถ้าเจ้าบ่าวไปมีอีหนูเข้าสักวัน จะทำยังไง?... ตอนนั้นฉันยังเด็กเกินกว่าจะควบคุมโทสะแต่ก็หาได้ปะทะคารมกับเค้าไม่ เสียเวลาเปล่า ฉันคิดแค่นั้น... แม้ว่าคำถามของเค้ามันทำให้หนาวไปถึงก้นบึ้งของหัวใจก็ตามที ให้ตายเถอะ ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยเห็นใครไร้มารยาทในงานมงคลเท่านี้เลย...


ตลอดเส้นทางการใช้ชีวิตคู่ ฉันยอมรับว่าไม่สามารถลืมคำถามนั่นได้ เหมือนว่ามันยังดังก้องอยู่ในรูหูมิรู้หาย... ฉันจะทำยังไง? ไม่รู้สิ ถ้าอะไรมันจะเกิด ฉันคงห้ามไม่ได้หรอก... คิดอยู่เสมอว่าก่อนที่จะมีปัญหาใดๆ ขึ้นมา ฉันควรจะหาวิธีป้องกันไว้ก่อนดีกว่า ซึ่งเตี่ยกะแม่สอนเอาไว้ "อย่าให้ปัญหามันเกิดจากเรา" ในเมื่อฉันคิดดี พูดดี ทำดี อย่างเต็มที่แล้ว หากคนรักของฉันยังเห็นความดีงามของคนอื่นมากกว่า ก็คงต้องยอมรับความพ่ายแพ้... ไม่ต้องยื้อแย่งแข่งขันให้เสียใจเสียเวลา... ว่าไปนู่น...

และมีบางครั้งที่ฉันฝันร้าย... คล้ายกับว่าต้องวิ่งไล่ตามบางอย่างจนสุดฝีเท้า... เหนื่อยแทบขาดใจ... ที่สุดก็ต้องหยุดกุมหัวใจที่สั่นรัว และถูกเขย่าตัวปลุกให้ตื่น เหงื้อชื้นตามไรผมเต็มไปหมด... บอกไม่ถูกว่าเป็นผลมาจากการคิดมากเรื่องอะไรตอนไหนบ้าง... ยังดีหน่อยที่มีคนข้างๆ คอยปกป้องในตอนตื่นขึ้นจากฝันร้ายนั่น... อิอิ


นี่ก็จวนจะ 30 ปีแล้ว ที่ฉันยังมีคู่ชีวิตอยู่อย่างปกติ แม้จะไม่เคยถามเขาว่ารักฉันมากแค่ไหนหรือไม่... ช่างเหอะ ขอแค่เขายังไม่หมดรักฉันและเรายังเกื้อกูลกันทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ก็พอแล้ว... ส่วนผู้เป็นเจ้าของคำถามนั้น ฉันขอให้เค้าจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย... สาธุ


สาธุ... สาธุ


2 ความคิดเห็น:

  1. บุพเพสันนิวาส...เป็นการตอกย้ำความรัก..ของคู่ที่มาพบกัน ไม่ว่านานแค่ไหน อยุ่ที่ไหน ก้อต้องกลับมาพานพบกันจนได้ ดังนั้นก้อไม่เห็นต้องแคร์. กับใครที่จะมาใส่ใจ่ว่า ความรักของเรา. ต่อไปจะลงเอยแบบใด หากมีหนี้แล้ว ขอให้เป็นหนี้รักเถิด......สงสัยผมคงไม่มีหนี้ รัก เลยไม่มีคนมาทวงหนี้....เฮ้อ!!!กามเทพก้อขี้เกียจทำงาน บุพเพก้อไม่อาละวาดสักที ...ชีวิตนี้คงไม่มีใครถาม. ว่าฉันเป็นใคร แน่เลยครับ คุนยาย...

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. แน่ใจ๋?... งั้นก้อ... ตามนั้นแระ... คริ คริ

      ลบ

เมื่ออ่านจบแล้ว เมนต์หน่อยดีมั้ย? อะไรก็ได้ที่อยากให้ฉันได้รับรู้... จากคุณ!