วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556

เธอมิใช่ของฉัน?

ในวันหยุดเมื่อหลายปีก่อน มีเพื่อนสาวคนหนึ่งมาหาฉันถึงที่บ้าน... ให้แปลกใจนิดๆ ด้วยเธอเพิ่งมาเป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่ามาได้อย่างไร ในเมื่อระยะทางออกจะไกลข้ามน้ำข้ามทะเล... หลังจากต้อนรับขับสู้ หาข้าวปลาน้ำท่าให้ทานเรียบร้อยแล้ว เราก็คุยกันไปเรื่อยๆ ตามประสา... เริ่มด้วยเรื่องราวสมัยรุ่นๆ จนกระทั่งถึงปัญหาหนักอกหนักใจของผู้หญิง ซึ่งจะเป็นอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากเรื่อง 'อกหัก'

เพื่อนรับราชการเหมือนสามี... มีลูกสาวสวยๆ ตั้งสามคน กำลังย่างเข้าสู่วัยรุ่น แต่ละคนห่างกันหัวปีท้ายปี... ว้าว ฉันยอมแพ้ราบคาบช่ะ... ครอบครัวเพื่อนรักใคร่กันดี สายสัมพันธ์อบอุ่นแน่นแฟ้นตลอดมา ลูกๆ เรียนเก่งทุกคน ฟังดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่เพื่อนกลับขมวดท้ายว่าญาติเพิ่งส่งข่าวมาบอก ว่าพ่อตัวดีมีใครอีกคนเป็นตัวเป็นตน... เท่านั้นแหละ เพื่อนแล่นปรู๊ดเดียวถึงบ้านฉันเลย... ไม่มีเสื้อผ้าติดมือมาเปลี่ยนซะด้วยซ้ำ... โห...


ถ้าเธอคือคนที่ใช่ความใฝ่ฝัน   ก็แล้วฉันเป็นอะไรยังไงหนอ
เคยบอกว่ารักเดียวเท่านั้นพอ  ใจคนหนอเปลี่ยนไปกระไรเลย

เนี่ยะ... ใครที่เคยพูดว่าผู้หญิงมีน้ำอดน้ำทนมากกว่าผู้ชาย... มันใช่ที่ไหนกันล่ะ...

ในฐานะที่ฉันเคยทำหน้าที่ผู้ให้คำปรึกษามาก่อน ก็นิ่งฟังอย่างใส่ใจ ให้เพื่อนได้ระบายความรู้สึกน้อยใจที่อัดอั้นเต็มทน... โถ คงรับไม่ไหวกับความไม่ซื่อสัตย์ของคนรัก เป็นใครก็คงจะรับมือได้ยากพอๆ กัน... ฉันทะยอยส่งทิชชูให้เพื่อนซับน้ำตาป้อยๆ เห็นใจแต่ไม่กล้าซักไซ้ให้มากความ เกรงจะยิ่งยุ่งยาก... ฟังเพื่อนเล่าไป มือก็ลูบเข่าบ้างโอบไหล่บ้าง... ให้รับรู้ว่ายังมีฉันคอยเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ... ไม่นานนักเพื่อนก็หลุดปากออกมาว่าจะฆ่ามันให้ตายคามือ อั๊ยหยา... ชักจะไปกันใหญ่แล้ว... ฉันค่อยๆ ตะล่อมให้ได้คิดว่า ถ้ากระทำการได้สำเร็จอาจส่งผลร้ายแรงต่อจิตใจของลูกๆ ที่ต้องสูญเสียพ่อไปอย่างไม่มีวันกลับและแม่เองก็หนีไม่พ้นการรับโทษในเรือนจำ... หาผลดีได้สักประการรึก็เปล่าเลย แล้วจะทำไปทำไมกัน?... เก่งจริงต้องรับมืออย่างฉลาดและมีสติสิ แบบที่ไม่ต้องมีใครสูญเสียชีวิต ทรัพย์สิน หรืออิสรภาพ... ที่ต้องเสียแน่ๆ ก็เห็นจะเป็นแค่ 'เสียใจ' กับ 'เสียเค้าไป' เท่านั้น มันต่างกันเยอะ... หรือหากเลือกที่จะไม่ยอมเสียเค้าไปก็ต้องทนรับมือกับความขื่นขมจากการนอกใจ... มันจะดียังไง ต้องค่อยๆ คิด ให้สมกับที่มีความรู้สอนคนอื่น... อืมห์ ฉันไม่แน่ใจนักว่าที่กำลังทำนั่นเป็นการช่วยเพื่อนหรือตอกย้ำซ้ำเติมความเจ็บปวดกันแน่... เฮ้อ!

สำหรับคนที่ไม่เคยประสบเข้ากับตัวเองก็คงไม่ซึ้งว่ามันเศร้าสักขนาดไหนล่ะสิ... ยามนั้น กว่าจะ
ชักแม่น้ำทั้งห้าให้เพื่อนคิดได้ คิดถูก ก็เล่นเอาปวดหัวไม่เบา... ฉันพร่ำบอกให้เพื่อนใจเย็นๆ ตั้งสติดีๆ คิดทบทวนให้รอบรอบ อย่าฟังความข้างเดียว... ให้โอกาสตัวเองได้รับรู้ข้อมูลมากกว่านี้ หรือได้เห็นหลักฐานชัดๆ ก่อน แล้วค่อยสรุปจบแบบคงความเป็นมิตรก็ยังไม่สาย... โดยเก็บเอาเรื่องราวซึ้งๆ ของนกกระจอกมาเล่าให้เพื่อนฟัง และสำทับให้ตระหนักถึงคุณค่าของกันและกันในยามที่ยังไม่มีอะไรมาพรากชีวิตไป... และวันนั้น ฉันต้องหลอกล่อทั้งขู่ทั้งปลอบให้เพื่อนกินยานอนหลับ แล้วเปิดธรรมบรรยายกล่อมให้ฟังจนหลับไป... โชคดีที่เหตุการณ์คลี่คลายด้วยดี แฮบปี้เอ็นดิ้งได้ในภายหลัง... เฮ้อ โล่งอก!...



ส่วนนี่เป็นภาพนกกระจอกคู่หนึ่งที่ออกหากินคลอเคลียกัน ให้บังเอิญรถชนตัวหนึ่งบาดเจ็บสาหัสอยู่กลางถนน... อีกตัวหนึ่งก็หาได้ทอดทิ้งไปไม่ กลับพยายามที่จะช่วยเหลือ หาอาหารมาป้อนครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความรักและสงสาร เป็นห่วงเป็นใยอยู่จนวินาทีสุดท้าย...


ที่สุดแล้ว ตัวที่บาดเจ็บก็จากไปตลอดกาล... อีกตัวก็พยายามจะปลุกให้ตื่นโดยใช้จงอยปากพลิกร่างของเธออยู่นั้นไปมา... แต่เธอก็มิได้ขยับเขยื้อนไหวติงแต่อย่างใด... อนิจจา!!... เจ้านกตัวที่รอดชีวิตอยู่ลำพังทำได้เพียงส่งเสียงร้องคร่ำครวญ อาลัยรักเธอผู้จากไปอยู่เป็นนาน...

ภาพเหตุการณ์จริงของนกทั้งคู่นี้ ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางทั่วอเมริกา ยุโรปและอินเดีย เมื่อปี 2009 ผู้คนนับล้านที่ได้รับรู้ ต่างหลั่งน้ำตาให้กับคู่นกดังกล่าวด้วยความเวทนายิ่งนัก... ว่ากันว่า หนังสือพิมพ์ฉบับที่ตีพิมพ์ภาพและเรื่องราวของนกกระจอกคู่นี้ ขายดิบขายดีจนเกลี้ยงแผงทุกฉบับเลยทีเดียว...


ดูเอาเถิด คุณค่าของความจงรักภักดี ใช่ว่าเดียรฉานจะคิดไม่ได้ ทำไม่เป็นดังเช่นมนุษย์ผู้เจริญก็หาไม่ ซึ่งคู่นกคู่นี้ คือหนึ่งในประจักษ์พยานแห่งรักแท้ที่ยิ่งใหญ่จากหัวใจคู่รัก... คู่หนึ่ง

ฉันแค่หวังว่า เรื่องของคู่นกที่ฉันนำมาเล่าต่อ จะช่วยจุดประกายความคิดให้วาบขึ้นในใจของเพื่อนบ้าง... (รวมถึงคุณๆ ที่ได้มีโอกาสอ่าน) ให้ได้ซาบซึ้งกับความรู้สึกดีๆ ยามที่มีกันและกัน เคยเกื้อกูลกันมาแต่ไหนแต่ไร... ประมาณนั้น...

ขอบคุณแหล่งข้อมูล : www.matichon.co.th


แล้ว... เวลาที่เพื่อนมีความสุข จะนึกถึงฉันบ้างมั้ยน้อ?
ช่างเหอะ แค่เพื่อนเลือกฉันเป็นคนปลอบในยามทุกข์ใจ ก็บุญแระ
เพราะ... เธอมิใช่ของฉัน ซะหน่อย

2 ความคิดเห็น:

  1. อ่านจบแล้ว..ก้อได้แต่อึ้ง นกทำเอาเราซึมไปได้เหมือนกัน เพื่อนคุนยายน่าสงสารนะ ยึดมั่นในความรัก กำหนดนิยามความรัก ของตนเองให้คนปฏิบัติตาม. คุนยายปลอบโยนนะถูกแล้ว ไม่เช่นนั้นนิยามใหม่ จะถูกกำหนดขึ้นมา ของข้าใครอย่าแตะ ใครแตะมึงตาย...เฮ้อ!!!เราอยากมีบ้านเล็กบ้าง แต่บ้่านใหญ่ยังหาไม่ได้นิซิ บ้านเล็กเลยเกิดไม่ได้ ..รอดตัวไป......

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ที่จริงแล้ว ของฉันก็ไม่ยอมให้ใครแตะด้วยจ้ะ...
      ขืนใครมาแตะดูสิ... ฉันยอมตาย... อิอิ

      ลบ

เมื่ออ่านจบแล้ว เมนต์หน่อยดีมั้ย? อะไรก็ได้ที่อยากให้ฉันได้รับรู้... จากคุณ!