วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

น้ำตาที่ไหลมาจากหัวใจ


"ลูกผู้ชาย ต้องไม่ร้องไห้ให้ใครเห็น... "
"ลูกทหาร ต้องเข้มแข็งและไม่เสียน้ำตาให้ผู้ใด... "
"น้ำตาของหญิงสาว มันกร่อนหัวใจเขาให้ละลายและยอมเธอทุกอย่างเสมอ... "

คำกล่าวอ้างที่ว่ามานี้ คงชินหูชินตากันมาบ้าง ไม่มากก็น้อย... จะว่าไปแล้ว เมื่อกล่าวถึง "น้ำตา" มักจะมีความหมายโดยนัยชวนให้คิดตามไปถึงเรื่องราวที่เป็นความทุกข์ยาก ลำบากเลือดตาแทบกระเด็น การพลัดพรากสูญเสีย หรือปัญหาอุปสรรคนานัปการ... น้อยรายจริงๆ ที่จะระลึกถึงความปิติสุข... แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย...

บางคน เพียงแค่ได้เห็นเหตุการณ์ของคนอื่น ก็ถึงกับหลั่งน้ำตาได้ง่ายๆ โดยไม่รู้ตัว... ขณะที่บางคน เป็นผู้เผชิญหน้ากับเรื่องจริงของชีวิตที่เรียกน้ำตาและคะแนนสงสารจากใครต่อใครได้อย่างท่วมท้น หากแต่เจ้าตัวกลับร้องไม่ออก... เชื่อไหมล่ะ?

ลองชมคลิปนี้กันสักหน่อย แม้ว่าจะเป็นภาษาอื่นที่เราไม่เข้าใจ แต่ก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกบางอย่าง... เผลอๆ อาจต้องแหงนหน้าขึ้นมองเพดานไปกะเค้าด้วยก็ได้...


อยากรู้ล่ะสิว่าพวกเขาพูดคุยอะไรกันบ้าง... ฉันเดาเอาเอง คงไม่มีใครไม่อยากรู้หรอก ชิมิ... เรื่องของชาวบ้านที่ไม่ได้ทะเลาะตบตีกัน ฉันขอแจมด้วยคน... ไปเสาะหามาเล่าในสไตล์ของฉันอย่างคร่าวๆ ถ้าเพี้ยนบ้างรัยบ้าง ก็อย่าว่ากันหน่ะ ยาวมากเด๋วไม่อ่านอีกแหละ...

สามีภรรยาคู่นี้... ภรรยาเคยเรียนดนตรี ฝ่ายสามีเป็นชาวนาบ้านนอก อยู่กินกันมา 10 ปี ฐานะยากจน อาชีพขายของเร่ริมถนน... ทั้งคู่สมัครมาในรายการและตั้งใจแสดง "เต้นหัวหอม" เพียงเพราะอยากให้ภรรยาได้ร้องเพลงบนเวทีตามที่เคยวาดฝันไว้... ผลลัพธ์ คือ แปร่วส์!

แต่ฟ้าก็มีตาและมีแววปรานีเป็นอย่างมาก เมื่อกรรมการสังเกตได้ตรงกันว่า ภรรยานั้นแววดี ทั้งบุคลิก หน้าตา แถมมีความสามารถทางดนตรีสูง จึงสัมภาษณ์สดว่าทำไมเขาถึงไม่ให้ภรรยาแสดงเอง คำตอบคือ เขากลัวเธอจะโดนรังแกเลยต้องคอยปกป้องอย่างใกล้ชิดในคราบไอ้แมงมุม...

สามีกล่าวถึงภรรยาว่า เธอเป็นผู้เสียสละอย่างมาก เลือกอยู่เคียงข้างเขาโดยวางมือจากทุกสิ่ง ทั้งการศึกษาและครอบครัวเดิมซึ่งไม่เห็นด้วยกับความรักของทั้งคู่...

ภรรยากล่าวถึงสามีว่า เขาเป็นเพื่อนชายคนแรกของเธอ แม้ไม่ร่ำรวยแต่ขยันทำมาหากิน เมื่อมีวาสนาได้ใช้ชีวิตร่วมกัน เธอตั้งใจแน่วแน่ว่าจะพยายามนำพาความรักไปจนถึงที่สุด... ว้าว!

ถ้อยคำสั้นๆ ของทั้งคู่ มันซึ้งตรึงใจกรรมการและผู้ชมในห้องส่งยิ่งนัก กรรมการจึงทดสอบกำลังใจด้วยคำถาม "หากการแสดงครั้งต่อไป ทำให้คุณทั้งสองคนต้องแยกกัน เพื่อให้เธอได้แสดงศักยภาพที่แท้จริงให้กรรมการชม... คุณยินดีให้ภรรยาของคุณแสดงคนเดียวไหม?"

เขาอึ้งไปนิดหนึ่ง มองหน้าเธอ ก่อนจะตอบอย่างไม่ลังเลว่า "ยินดีครับ"

เขาหลบไปยืนข้างเวที กรรมการบอกให้หญิงสาวร้องเพลงที่อยากร้องอย่างเต็มที่ ซึ่งเธอก็ทำได้ดี สามารถตรึงสายตาและอารมณ์ผู้ชมได้อย่างน่าอัศจรรย์... ฝ่ายสามีถึงกับน้ำตาไหลพราก...  เมื่อสิ้นเสียงเพลง กรรมการซับน้ำตาตัวเองแล้วถามฝ่ายชายว่ากำลังคิดอะไรอยู่... เขาตอบอย่างรู้สึกผิดว่า "ภรรยาของผม... เธอคือนางพญาหงส์ แต่กลับต้องมาอยู่ข้างคนจนๆ อย่างผม"

เงียบกันไปพักหนึ่ง... กรรมการผู้มีจิตใจดีงามจึงพูดขึ้นว่า "ภรรยาของคุณ เธอรักคุณมาก เพลงที่เธอร้องออกมามันเต็มไปความรู้สึกท่วมท้น... แสดงว่าที่ผ่านมาเธอต้องมีชีวิตที่มีความสุขมากทีเดียว เพราะเธอได้ใช้ชีวิตคู่กับคุณ จึงได้มีจิตใจเข้มแข็ง เสริมพลังเสียงที่ไพเราะได้อย่างไร้ที่ติ... การที่ผู้หญิงคนหนึ่งรักผู้ชายสักคน มีเพียงเงื่อนไขเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่เกี่ยวกับเงินทอง ภูมิหลังหรือการศึกษา แต่เป็นเพราะ เธอตกหลุมรักผู้ชายคนนั้น.... เธอรักคุณ”

และแล้ว สถานการณ์ก็พลิกผัน ด้วยว่ากรรมการทั้งสามคน ตัดสินใหม่... ให้ "ผ่าน"

"เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่น่าทึ่ง ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ไม่เคยละทิ้งความฝันของตัวเอง นี่คือคุณลักษณะที่หาได้ยากจริงๆ”
"เพราะเขารักและให้เกียรติเธอ ยอมให้เธอตามหาความฝัน"
"เพราะแรงใจจากความรักที่แท้จริงของทั้งคู่"


ในตอนท้าย ฝ่ายสามีได้พูดว่า "ขอแค่เธอสู้ต่อไป ผมจะอยู่เคียงข้างค่อยสนับสนุนเธอตลอดไป ผมจะทำให้เธอมีชื่อเสียง และสมหวังในความฝัน"

(ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : go2pasa.ning.com)


ความรัก... หลายต่อหลายคู่ ให้ความสำคัญเฉพาะบทเริ่มต้น... ไม่นำพาเส้นทางที่ทอดยาวไปในแต่ละเมื่อเชื่อวัน ระยะห่างระหว่างความรู้สึกรักที่สั่งสมความไม่ชื่นชอบใจให้พอกพูนทับถมมากขึ้นเรื่อยๆ... ที่สุดแล้ว ตอนจบก็มาถึงเข้าสักวัน... อาเมน!

หวังว่า เรื่องราวที่นำมาฝากในตอนนี้ จะเป็นแง่คิดที่มีสาระประโยชน์ ให้นำไปปรับใช้กับอารมณ์ความรู้สึกของท่านผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย... นะจ๊ะ นะ...


ขอบคุณ ที่ติดตาม
ขอบคุณมากๆ ที่ฝากความเห็น
ขอบคุณอย่างที่สุด ที่เป็นกำลังใจเรื่อยมา
และจะเป็นพระคุณอย่างล้นหลาม หากติดตามกันตลอดไป

<< จรุ๊ฟส์ๆ >>


2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ16 พฤษภาคม 2556 เวลา 09:13

    รู้สึกรัก..ต้องมาจากความพอใจ ชื่นชอบและสั่งสมพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้รักมากก็จะนำพาเส้นทางความรักให้ยืนยาว
    รู้สึก...ต้องมาจากการสั่งสมความไม่พอใจ ไม่ชื่นชอบ พอกพูนทับถมมากขึ้นๆ ที่สุดแล้วก็มาถึงตอนจบเข้าสักวัน..หมดรักนั่นเอง
    ความรักทำให้คนตาบอด คำกล่าวนี้น่าจะยังใช้กันอยู่ เพราะรู้สึกรักแล้ว ก็จะมองทุกอย่างดีหมด
    รักผู้เขียนจะเป็นกำลังใจและติดตามตลอดไปจนชีวิตจะหาไม่

    ตอบลบ

เมื่ออ่านจบแล้ว เมนต์หน่อยดีมั้ย? อะไรก็ได้ที่อยากให้ฉันได้รับรู้... จากคุณ!