วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2556

ดูดีๆ ด้วย @♥@



หากย้อนเวลากลับไปในช่วงวัยเด็ก คงพอจะจำกันได้... เด็กทุกคนต้องผ่านการเรียนการสอนในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งนั้น (ยกเว้นโดยปริยายสำหรับรายที่พิการถึงขั้นไม่สามารถสื่อสารได้ หรือช่วยเหลือตัวเองไม่ได้) ทั้งนี้ เป็นไปตาม พรบ.การศึกษาแห่งชาติ ที่กำหนดไว้ชัดเจนว่า เด็กทุกคนมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานฟรีไม่น้อยกว่าสิบสองปี... โดยที่ผู้พิการหรือผู้ด้อยโอกาสมีสิทธิและโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ... (จริงแค่ไหนหนอ?)


แว่บแรกที่เห็นภาพนี้ คงพอมองออกว่าเด็กๆ วัยเดียวกัน กำลังตั้งใจเรียนอย่างมีสมาธิกันทุกคน ไม่น่าจะมีอะไรแปลกแยกหรือผิดสังเกตเลยแม่แต่น้อย... 

http://hilight.kapook.com/view/76355

ส่วนภาพนี้... ดูแล้ว บางคนอาจคิดไปว่าวิสัยเด็กซุกซน หกคะเมนตีลังกากลางถนน แต่เปล่าเลย...
เด็กชายชาวจีนคนนั้น มีร่างกายช่วงล่างผิดปกติตั้งแต่อายุราวสิบขวบ หลังจากไข้สูง เขาไม่สามารถใช้สองขาเดินได้อีกต่อไป แต่ก็ยังมุมานะที่จะเดินทางไปโรงเรียนทุกวัน ด้วยการตีลังกาบ้าง เดินด้วยมือบ้าง ซึ่งเค้าสามารถทำมันได้เร็วกว่าการใช้ไม้ค้ำยันซะอีก...

ด้วยความที่ไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ เขาจะรีบตื่นตั้งแต่เช้าๆ เพื่อเผื่อเวลาในการเดินทางทุกวัน เขาต้องใช้เวลาเดินทางไปกลับ วันละราวสามชั่วโมง โดยมีน้องสาวคอยถือกระเป๋าให้... มีบ้างเหมือนกันที่ยายแบกเขาขึ้นหลังแทนหากเห็นว่าเขาเหนื่อยมากเกินไป... เมื่ออยู่ที่โรงเรียน จะมีเพื่อนใจดีช่วยแบกเขาขึ้นหลังรับส่งไปห้องน้ำ... เขาเองซาบซึ้งใจมาก จนถึงกับทนอดกลั้นมิให้เพื่อนต้องลำบากบ่อยๆ... อีกนานเท่าไหร่ความช่วยเหลือจากภาครัฐจะไปถึงเขาบ้าง?... น่าเวทนาจังเลย...


ในชีวิตจริง ยังมีคนที่สังคมควรหยิบยื่นความช่วยเหลือเกื้อกูลเช่นนี้อยู่ไม่น้อยเลย... หากแต่ความเชื่อและการกระทำในเรื่องบุญทาน มักมุ่งตรงไปที่พระสงฆ์องค์เจ้าซะมากกว่า เห็นได้ชัดเจนตามตลาดสดในตัวเมือง... ทั้งๆ ที่ ผู้รับมักไม่มีมูลเหตุให้ต้องสงเคราะห์ แต่ก็ได้รับเสียจนเกินจะรับไหว ผู้ให้เองก็ยินดีให้โดยคิดไม่เสียดายกันสักนิด... นั่น ส่งผลให้ภาพลักษณ์บางอย่างของสถาบันไม่น่าศรัทธาเลยจริงๆ... และถ้าเลือกได้ ฉันยินดีที่จะเสียสละเพื่อบำเพ็ญทานกับผู้ที่ควรแก่การสงเคราะห์มากกว่า... อย่าให้บาปเลย... สาธุ... สาธุ... สาธุ... 


บ่อยครั้ง ที่ฉันแอบคำนวนมูลค่าของดอกไม้ธูปเทียนที่ผู้คนซื้อหามาใช้ในพิธีการ พิธีกรรมต่างๆ ตามความเชื่อที่มีมาแต่ดั้งเดิมในแต่ละที่แต่ละวัน รวมๆ กันเข้า... ถ้าหากสามารถแปรเปลี่ยนไปเป็นเงินสงเคราะห์ผู้พิการที่มีพลังใจสู้ชีวิต... คงได้หลายตั้งค์เลยทีเดียว 


อาจเพียงพอสำหรับคนด้อยโอกาสอีกหลายคน... ว้าว... 
 แต่ทว่า จะมีใครคิดพิเรนอย่างฉันบ้างไหมนะเนี่ยะ... เง้อๆ...


สำหรับฉัน... ชอบดอกไม้ที่อยู่กับต้นเสมอ... ยังจำได้อยู่หรือเปล่า?

6 ความคิดเห็น:

  1. ส่งมาให้ตั้งแต่น่าจะเป็นเมือคืนนี้แต่ยังไม่ไดอ่าน พึ่งได้มีเวลาอ่านตอนเย็นนี้

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ถ้ารบกวน ต้องขอสุมาเต๊อะ นำแน เด้อจ้า... ;)

      ลบ
  2. ...เป็นเรื่องเตือนสติ..และให้ปัญญาแก่ผมมาก ในเรื่องการทำบุญ อย่างทีคุณหนูหลีคิดและจะทำ หรือที่ทำไปแล้วไปแล้ว ผมกลับยินดีในการกระทำของคุณมาก
    สังคมทุกวันนี้ทำตามกันเป็นประเพณีไปเสียแล้ว ทำใหญ่โตกันจนเกินเหตุ
    สิ่งที่เกินๆนั้นเอามาช่วยคนทีเดื่อดร้อน ด้อยโอกาศและคลาดแคลน น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า..ที่ทำกับทุกๆเช้าอย่างที่ผู้รับนั้นได้รับเสียจนล้นเหลือ กลับคิดว่านั้นคือการทำบุญ...แต่ก็ไม่ว่ากัน..ทำบุญอย่างมีปัญญาต้องทำอย่างในบทความของคุณหนูหลีนั้นถูกต้องแล้วครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. คุณไม่รู้อะไร... มีผู้เฒ่าชรามากๆ ท่านหนึ่ง เคยสงสัยในตัวฉัน ว่าคงเป็นคนบาปหนักซะนี่กระไร ถึงเข้าวัดเข้าวาจุดเทียนธูปเยี่ยงผู้อื่นมิได้... ทั้งไอทั้งจาม น้ำตาไหล... ท่านว่าหรือไม่บางที ฉันอาจเป็นแม่มดกลับชาติมาเกิด ว้าว... ซะงั้น เนาะ

      ลบ

  3. *คิดดีมากครับบุคคลสำคัญก็คิดแบบนี้และครับถึงได้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นมาเสมอ*

    ตอบลบ

เมื่ออ่านจบแล้ว เมนต์หน่อยดีมั้ย? อะไรก็ได้ที่อยากให้ฉันได้รับรู้... จากคุณ!