แว่บแรกที่เห็นภาพนี้ คงพอมองออกว่าเด็กๆ วัยเดียวกัน กำลังตั้งใจเรียนอย่างมีสมาธิกันทุกคน ไม่น่าจะมีอะไรแปลกแยกหรือผิดสังเกตเลยแม่แต่น้อย...
http://hilight.kapook.com/view/76355
เด็กชายชาวจีนคนนั้น มีร่างกายช่วงล่างผิดปกติตั้งแต่อายุราวสิบขวบ หลังจากไข้สูง เขาไม่สามารถใช้สองขาเดินได้อีกต่อไป แต่ก็ยังมุมานะที่จะเดินทางไปโรงเรียนทุกวัน ด้วยการตีลังกาบ้าง เดินด้วยมือบ้าง ซึ่งเค้าสามารถทำมันได้เร็วกว่าการใช้ไม้ค้ำยันซะอีก...
ด้วยความที่ไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ เขาจะรีบตื่นตั้งแต่เช้าๆ เพื่อเผื่อเวลาในการเดินทางทุกวัน เขาต้องใช้เวลาเดินทางไปกลับ วันละราวสามชั่วโมง โดยมีน้องสาวคอยถือกระเป๋าให้... มีบ้างเหมือนกันที่ยายแบกเขาขึ้นหลังแทนหากเห็นว่าเขาเหนื่อยมากเกินไป... เมื่ออยู่ที่โรงเรียน จะมีเพื่อนใจดีช่วยแบกเขาขึ้นหลังรับส่งไปห้องน้ำ... เขาเองซาบซึ้งใจมาก จนถึงกับทนอดกลั้นมิให้เพื่อนต้องลำบากบ่อยๆ... อีกนานเท่าไหร่ความช่วยเหลือจากภาครัฐจะไปถึงเขาบ้าง?... น่าเวทนาจังเลย...
ในชีวิตจริง ยังมีคนที่สังคมควรหยิบยื่นความช่วยเหลือเกื้อกูลเช่นนี้อยู่ไม่น้อยเลย... หากแต่ความเชื่อและการกระทำในเรื่องบุญทาน มักมุ่งตรงไปที่พระสงฆ์องค์เจ้าซะมากกว่า เห็นได้ชัดเจนตามตลาดสดในตัวเมือง... ทั้งๆ ที่ ผู้รับมักไม่มีมูลเหตุให้ต้องสงเคราะห์ แต่ก็ได้รับเสียจนเกินจะรับไหว ผู้ให้เองก็ยินดีให้โดยคิดไม่เสียดายกันสักนิด... นั่น ส่งผลให้ภาพลักษณ์บางอย่างของสถาบันไม่น่าศรัทธาเลยจริงๆ... และถ้าเลือกได้ ฉันยินดีที่จะเสียสละเพื่อบำเพ็ญทานกับผู้ที่ควรแก่การสงเคราะห์มากกว่า... อย่าให้บาปเลย... สาธุ... สาธุ... สาธุ...
บ่อยครั้ง ที่ฉันแอบคำนวนมูลค่าของดอกไม้ธูปเทียนที่ผู้คนซื้อหามาใช้ในพิธีการ พิธีกรรมต่างๆ ตามความเชื่อที่มีมาแต่ดั้งเดิมในแต่ละที่แต่ละวัน รวมๆ กันเข้า... ถ้าหากสามารถแปรเปลี่ยนไปเป็นเงินสงเคราะห์ผู้พิการที่มีพลังใจสู้ชีวิต... คงได้หลายตั้งค์เลยทีเดียว
อาจเพียงพอสำหรับคนด้อยโอกาสอีกหลายคน... ว้าว...
แต่ทว่า จะมีใครคิดพิเรนอย่างฉันบ้างไหมนะเนี่ยะ... เง้อๆ...
สำหรับฉัน... ชอบดอกไม้ที่อยู่กับต้นเสมอ... ยังจำได้อยู่หรือเปล่า?
ส่งมาให้ตั้งแต่น่าจะเป็นเมือคืนนี้แต่ยังไม่ไดอ่าน พึ่งได้มีเวลาอ่านตอนเย็นนี้
ตอบลบถ้ารบกวน ต้องขอสุมาเต๊อะ นำแน เด้อจ้า... ;)
ลบ...เป็นเรื่องเตือนสติ..และให้ปัญญาแก่ผมมาก ในเรื่องการทำบุญ อย่างทีคุณหนูหลีคิดและจะทำ หรือที่ทำไปแล้วไปแล้ว ผมกลับยินดีในการกระทำของคุณมาก
ตอบลบสังคมทุกวันนี้ทำตามกันเป็นประเพณีไปเสียแล้ว ทำใหญ่โตกันจนเกินเหตุ
สิ่งที่เกินๆนั้นเอามาช่วยคนทีเดื่อดร้อน ด้อยโอกาศและคลาดแคลน น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า..ที่ทำกับทุกๆเช้าอย่างที่ผู้รับนั้นได้รับเสียจนล้นเหลือ กลับคิดว่านั้นคือการทำบุญ...แต่ก็ไม่ว่ากัน..ทำบุญอย่างมีปัญญาต้องทำอย่างในบทความของคุณหนูหลีนั้นถูกต้องแล้วครับ
คุณไม่รู้อะไร... มีผู้เฒ่าชรามากๆ ท่านหนึ่ง เคยสงสัยในตัวฉัน ว่าคงเป็นคนบาปหนักซะนี่กระไร ถึงเข้าวัดเข้าวาจุดเทียนธูปเยี่ยงผู้อื่นมิได้... ทั้งไอทั้งจาม น้ำตาไหล... ท่านว่าหรือไม่บางที ฉันอาจเป็นแม่มดกลับชาติมาเกิด ว้าว... ซะงั้น เนาะ
ลบ
ตอบลบ*คิดดีมากครับบุคคลสำคัญก็คิดแบบนี้และครับถึงได้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นมาเสมอ*
ฮ่าๆๆ... คนฝางโลก อ่ะจิ...
ลบ