วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

ไม่ต้องบอกฉัน

เช้านี้ วันอาทิตย์... บางคนยังต้องไปทำงานนอกบ้านกันอย่างอุตสาหะ น่าเห็นใจที่ไม่ได้พักผ่อนในวันหยุดอันแสนสุข บรรยากาศสบายๆ หลังฝนฉ่ำน้ำชุ่มตลอดคืน... อย่างฉัน

จะว่าไปแล้ว พอไม่ต้องทำงาน ไม่มีภาระหน้าที่ให้ต้องเร่งรีบ... มันปลอดโปร่งโล่งใจสบายโก๋เป็นอันมากถึงมากที่สุด... ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่ยังต้องทำงานประจำ จะมัวอ้อยอิ่งอยู่บนเตียงได้ที่ไหนกัน ต่อให้เป็นวันหยุดก็ตามเหอะ เพราะต้องไปจ่ายตลาดเช้า กลับมาทำกับข้าว ทำงานบ้าน เตรียมเสื้อผ้า โน่นนี่นั่น สารพัดอย่างที่ต้องจัดการให้เสร็จสรรพในวันหยุด... วันที่ฉันไม่ได้หยุดพักผ่อนกะใครเขาน่ะสิ... เฮ้อ!!... สงสัยฟ้าคงมีตาเป็นแน่แท้... ที่สุดแล้ว ฉันได้พักเร็วกว่าคนอื่นๆ แระ... 

จากที่เคยโลดแล่นอยู่หน้าเวทีห้องประชุมขนาดใหญ่... ฉันพาตัวเองไปเปิดหูเปิดตา ท่องโลกกว้างเป็นนานเกือบครึ่งปี จากนั้น ก็กลับมาอยู่เงียบๆ ที่บ้าน... ทำหน้าที่ดูแลปรนนิบัติบุคคลอันเป็นที่รักและรักที่สุดเพียงไม่กี่คน... ไม่มีอะไรยุ่งยากเกินความสามารถ ไม่ฝืนใจ ไม่อึดอัด... ฉันมองทุกอย่างในด้านบวก อยู่แล้ว... แม้ว่าโลกของฉันมันเปลี่ยนไปซะมากมาย... 



แม้นมีเพื่อนก็เหมือนใจยังไร้เพื่อน
เพราะไม่เหมือนคนดีที่มาดหมาย
เพื่อนที่มีแม้ว่าจะมากมาย
แต่หัวใจยังเหงาอยู่เท่าเดิม

ฉันเคยอ่านตำราด้านจิตวิทยาเล่มหนึ่ง มีรายงานว่า... ผู้คน 55% สื่อสารถึงกันโดยไม่ใช้คำพูด... ภาพที่ฉันประทับใจและเลือกมาถ่ายทอดความรู้สึก ภาพนี้ แสดงออกอย่างชัดเจนแล้ว... คงไม่ต้องบอกอะไรให้มากความอีก ว่าความรู้สึกของฉันตอนนี้ เป็นอย่างไรบ้าง...

หลายคน อาจเคยใช้ภาษากายไปในทางไม่เหมาะสม เป็นต้นว่า การชี้หน้า แลบลิ้นปลิ้นตา ท้าวสะเอว กระทืบเท้า ฯลฯ  ขณะที่หลายคนใช้ภาษากายไม่สอดคล้องกับความรู้สึกที่แท้จริง โดยเฉพาะเรื่องของหัวใจ...  เช่น... เมื่อใครคนหนึ่งพูดกับอีกคนว่า "ผมชอบคุณ" ขณะที่พูดประโยคนั้น เขาหลบสายตา เสมองไปที่พื้นหรือมองไปทางอื่น... เช่นนี้ ผู้ฟัง อาจจะตีความหมายได้หลายอย่าง เป็นต้นว่าเขาเขิน เขาโกหก เขากลัวว่าจะได้ยินการตอบปฏิเสธ เขา... เขา... เขามันไม่ได้เรื่องอ่ะ ว่ามั้ย?


สำหรับคนที่ยังไม่พร้อมจะสารภาพทั้งบาปและรัก
ขอให้รับรู้ไว้เถิดว่า ความจริงใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดจ้ะ
และอย่ามัวแต่จดๆ จ้องๆ แอบๆ เก็บงำความในใจกันอยู่เลย
เวลา กะ วารี... ไม่เคยคอยใคร... รวมทั้งคุณ ... เชื่อฉัน!!!


เพลง "สายลมที่หวังดี" 
ศิลปิน: ทราย อินทิรา เจริญปุระ... อัลบั้ม: D Sine


เอร๊ยๆ.... แล้ว... ไม่ต้องบอกรัยฉ้าน... ขอร้อง



2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ14 ตุลาคม 2555 เวลา 06:45

    การให้ที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน เป็นการให้ที่มีความสุข เพราะเราไม่ได้รอคอยและคนที่เราให้นั้นก็ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นใคร เพียงแต่อยากให้รับรู้ว่ายังมีมนุษย์ร่วมโลกที่หวังดีคอยเป็นกำลังใจในสภาวะที่เขาประสบอยู่ เท่านั้นเอง
    แต่บางคนกลับไม่เห็นค่าของความหวังดี ไม่ยอมรับความหวังดีจากผู้อื่น เพราะคิดว่าตนเองนั้นเพียบพร้อม โอย สงสารทั้งผู้ให้และผู้รับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ถ้าได้ให้ด้วยความหวังดีไปแล้ว (แม้จะไม่เกิดผลอย่างที่แอบคาดหวังมากหรือน้อยก็ตามที) ก็ควรรู้สึกปิติสุขกับใจตัวเองเถิดหนา... อย่างอื่นน่ะ อย่าไปคิดถึงมันเลย...

      ลบ

เมื่ออ่านจบแล้ว เมนต์หน่อยดีมั้ย? อะไรก็ได้ที่อยากให้ฉันได้รับรู้... จากคุณ!