มีคำพูดประโยคหนึ่งที่คุ้นๆ หู แต่หากฟังแล้วคิดวิเคราะห์ความหมายดีๆ เป็นได้ค้อนขวั่บแน่ นั่นก็คือประโยคที่ว่า..."คุณทำอะไรของคุณ?" หรือไม่ก็ "เธอทำอะไรของเธอ?"... คล้ายๆ จะชวนทะเลาะยังไงไมรู้เนอะ
หลายครั้งเหลือเกินที่ฉันถูกถามข่าวคราวความเป็นไป จากผู้คนที่เคยรู้จักมักจี่ ทั้งคนที่เคยชื่นชอบและ/หรือ(อาจ)ชิงชัง ว่าไปนั่น... อ้าว ก็มันจริงนี่นา... ยังไงก็ขอขอบคุณนักแล ที่ยังสนอกสนใจฉันอยู่แม้จะจงใจหลุดพ้นจากวงจรไปได้นานแล้ว... เรื่องของฉันมันเกี่ยวอะไรกะพวกเขานัก ไอ้ฉันก็ไม่ได้อยากจะรู้เล้ยยยย...
โธ่! ที่ถามๆ เนี่ย เป็นเพราะอยากรู้จริงหรือว่า "วันๆ ฉันทำอะไร?"
อืมห์... เนาะ... คนอย่างฉันจะทำอะไร ที่ไหน กับใคร ยังไง...ฯลฯ ถ้าได้รับรู้แล้วจะเป็นสุ
ข ๆ มากกว่าเดิมหรือเปล่าน้อ? หรือว่ามันจะเอื้อประโยชน์ต่
อการดำเนินชีวิตของใครคนไหนหรือไม่ เพียงใด? ฉันไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ บอกตรงๆ... แล่วกันดิ... อิอิ
ไม่ว่าจะถามด้วยความอิจฉาที่เข้
าใจไปเองว่าฉันแสนสบายไม่ต้องดิ้นรนทำงานตัวเป็นเกลี
ยวหัวฟู น่องทู่หูตาเหลือกลาน ซี่
โครงบาน (เหมือนเมื่อก่อนหรือเหมือนหลายๆ คนในตอนนี้ อุ๊ปส์!)... ไม่ว่าจะถามด้วยความห่วงใยเกรงว่าฉั
นจะเฉาเศร้าหดหู่อ้างว้างจนฟุ้งซ่
านเพราะขาดเพื่อนซี้... ไม่มีซะหละ... ถ้าใครคิดแบบแรกก็ออกตามมาเลยดิ และถ้าใครคิดแบบหลังก็จงทนอยู่ต่อไปเหอะ... เล่นไม่ยาก... หุหุ
คำตอบของคำถามก็เหมือนเดิมแหละ คือฉันยังมีความเป็นอยู่ปกติดี ใช้ชีวิตเรียบง่ายไม่ทุกข์เดือดร้อน พอใจมั้ย? ถ้าไม่เชื่อก็สุดแล้วแต่สิ ไม่ท้าพิสูจน์หรอกนะ ขี้เกียจเลี้ยงดูปูเสื่อเพราะฉันเหลือบำนาญแค่พอดีกิน เข้าใจบ้างซี... ครั้นจะยอมให้หิ้วฉันออกไปเลี้ยงก็ดูจะไม่เข้าท่า ฉันไม่ใช่เพื่อนกินนะ ไม่เอาอะ เด๋วอ้วน... ขี้เกียจต้องไปกัดฟันรีดน้ำหนัก ถ้าไม่ลงง่ายๆ ปวดเข่าแย่รุย...
เพ้อเจ้อไปกันใหญ่แระ... อุตส่าห์หลุดเข้ามาเสพอักษรของฉันได้กะเค้าสักครั้ง เด๋วจะว่าไร้สาระเกิ๊น... อีกหน่อยจะมีใครแวะเข้ามาล่ะ?... อย่ากระนั้นเลย... เก็บเกี่ยวความประทับใจจากเรื่องเล่าดีๆ ไปซักหน่อยก็แล้วกัน ฉันอ่านเจอจากเว็บอื่น มันโดนใจซะจนอดไม่ได้ที่จะจิ๊กมาเล่าต่อในสไตล์ของฉัน... เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า
"เพื่อนใหม่คนหนึ่งครับพ่อ เป็นลูกคนรวยแต่นิสัยแย่ เมื่อผมสอบได้คะแนนดี
และครูชม เขาเลยเกลียดขี้หน้าผม มักพูดถากถางและกลั่นแกล้
งอยู่เรื่อย" ระบายให้พ่อฟังอย่างอัดอั้น
"แล้วลูกทำอย่างไร" พ่อถาม
"ผมพยายามไม่สนใจแต่เขาเล่นไม่เลิก สักวันหนึ่งผมคงทนไม่ไหว อาจจะเสยปลายคางสักหมัดเรียกเลือดชั่วกบปากมอมๆ จะได้หายซ่า" กล่าวจบค่อยได้คิดว่าเผลอโหดมีสิทธิ์โดนพ่อโกรธชัวร์... ก็ที่ผ่านมาพ่อพร่ำสอนเสมอว่าต้องเป็นสุ
ภาพบุรุษ ไม่ให้พาลหาเรื่องใครๆ ... แต่คราวนี้พ่อกลับนิ่ง...
"ผมรู้ว่าพ่อไม่ชอบให้ผมก้าวร้
าว แต่ไม่ไหวจริงๆ ครับ ผมอยากให้เขารู้จักความเจ็
บปวดและอับอายบ้าง จะได้รู้ว่าคนอื่นรู้สึกอย่
างไรเวลาที่ถูกกลั่นแกล้ง" ลูกพ่นไฟอีกชุดใหญ่... พ่อมองหน้าลูกแล้วอมยิ้ม ก่อนจะหันเหความสนใจ
"อีกสามวันจะเป็นวันเกิด ครบสิบเอ็ดขวบของลูก พ่อไม่เคยให้ของขวั
ญอะไรลูกเลย แต่ปีนี้พ่อมี
ของขวัญพิเศษจะให้ลูก" ฟังไอเดียแปลกใหม่ของพ่อด้วยสีหน้างงๆ แต่ก็ลิงโลดใจเป็
นอันมาก เริ่มนับถอยหลังให้วันเกิดมาถึ
งเร็วๆ ทีเถิ้ดดด...
เอาเข้าจริงๆ ในวันเกิด พ่อก็มอบของขวัญให้ลู
กชายตามสัญญา... เป็นกล่องกระดาษ 2 กล่อง กล่องหนึ่งสีขาวและอีกกล่องหนึ่
งสีดำ
"พ่อครับ ให้ของขวัญผมแค่ชิ้นเดียวก็พอ ทำไมจะต้องสิ้นเปลืองให้สองชื้น" จนแต่เจียมนะเนี่ย
"ลูกรัก พ่อตั้งใจจัดเต็มให้ลูกน่ะ รับไปเถิด" พ่อยืนกราน... ลูกชายก้มลงกราบเท้าพ่อพร้อมกล่
าวคำขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ ก่อนจะลงมือแกะของขวัญด้
วยใจระทึก กล่องสีขาวถูกแกะเป็นลำดั
บแรก แต่กลับไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลย..
. เขาหันไปมองหน้าพ่อเป็นเชิงถาม พ่อกลับพยักพเยิดให้เปิดกล่องที่เหลือแทนคำตอบ เขาจึงคว้ากล่องสีดำมาแกะด้วยมื
อสั่นๆ แต่แล้ว ก็พบเพียงความว่างเปล่าอีกเช่
นกัน จะมีแปลกก็ตรงที่มีรูขนาดใหญ่ตรงก้นกล่องเท่านั้น... ว้าาา!...
"พ่อครับ ในกล่องทั้งสองไม่มีอะไรเลยนี่
ครับ" ลูกชายเอ่ยกับพ่ออย่างผิดหวัง 'พ่อต้องลืมใส่ของลงไปในกล่องสีขาวแน่ๆ หรือไม่อีกที ของนั้นอาจร่วงไปจากรูรั่วก้นกล่องดำแล้วก็เป็นได้'... เด็กน้อยคิดเองเออเองเป็นตุเป็นตะ... ในขณะที่พ่อยิ้มกริ่ม ก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ ลูกแล้วพูดขึ้นว่า
"พ่อหาของขวัญให้ลูกได้
แค่กล่องสองใบนี้ แต่ของขวัญล้ำค่าที่อยู่ข้างใน ลูกจะต้องเป็นผู้ใส่มันลงไปเอง กล่องสีขาวเป็นกล่องแห่
งความสุข ฉะนั้น นับจากนี้ไป เมื่อไรก็ตามที่ลูกได้พบกับเรื่องราวดีๆ ที่ทำให้จิตใจเป็นสุข ขอให้ลูกเขียนมั
นลงไปในเศษกระดาษและนำมาใส่ไว้
ในกล่องสีขาว ส่วนกล่องสีดำคือกล่องแห่
งความทุกข์ อะไรก็ตามที่ทำให้ลู
กเป็นทุกข์ โกรธแค้น ให้ลูกเขียนและนำมาใส่ไว้ในกล่
องสีดำ ทำเช่นนี้เป็นประจำไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่ง เราจะมาเปิดกล่องทั้งสองใบนี้ดู
ด้วยกัน"
แม้จะไม่เข้าใจความคิดอ่านและแผนการของพ่อ แต่เด็กน้อยก็ทำตามที่พ่
อบอกทุกอย่าง... เขาเขียนบันทึกหย่อนลงในกล่องทั้งสองทุกวัน โดยมีสายตาของพ่อจับจ้องพฤติกรรมอยู่
เงียบๆ
สามเดือนผ่านไป ไวเหมือนโกหก... เย็นวันหนึ่งลูกชายกลั
บจากโรงเรียนด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวสุดๆ เขาโยนกระเป๋านักเรียนโครมและรีบร้อนจะออกจากบ้
านไปอีกครั้ง หากว่าพ่อไม่รวบตัวเอาไว้เสียก่
อน "เกิดอะไรขึ้น ลูกรัก" พ่อกอดเขาไว้แนบอกแล้วถามอย่างอ่อนโยน
"ผมจะไปจัดการมันเดี๋ยวนี้ เอาให้มันเข็ดจนวันตายที่บังอาจมาดูถูกพ่อว่ายากจนต่ำต้อย แถมยังขโมยหนังสือของผมไปทิ้งถังขยะด้วย" เขากราดเกรี้
ยวใส่หูพ่อ... ยามนั้น พ่อมิได้ขุ่นเคืองใจเฉกเช่นลูกชาย เขาเพียงแต่ถามลูกว่า
"วันนี้ลูกเขียนเรื่องสุขและทุกข์ใส่กล่องสองใบนั้นหรือยัง"
"ผมจะไปจัดการไอ้หมอนั่นก่อน ให้รู้กันไปเลยว่าเราจะไม่ยอมให้มั
นดูถูกเราได้อีก" ลูกประกาศกร้าว
"ลูกต้องไปเขียนก่อน" พ่อบอกเสียงเข้ม "เพราะวันนี้เราจะเปิดกล่องนั้
นออกดูด้วยกัน"
ลูกชายมองหน้าพ่ออย่างฉงน ทำไมต้องเป็นวันนี้ด้วยนะ ฮื่ยส์!... ความที่ไม่เคยดื้อแพ่งมาก่
อน จึงพยายามข่มใจระงับอารมณ์โกรธลงชั่
วขณะแล้วทำตามที่พ่อต้องการ... หลังจากหย่อนกระดาษสุ
ข-ทุกข์ลงในกล่อง
ขาว-ดำเรียบร้อยแล้ว พ่อจึงบอกให้ลูกยกกล่
องสีขาวมาวางไว้บนโต๊ะหน้
าบ้าน
"โห แค่สามเดือนที่ผมใส่เศษกระดาษลงไป ไม่คิดเลยว่าจะหนักซะขนาดนี้" ลูกชายอุทานอย่างคาดไม่ถึง พ่อยิ้มกว้างแล้วบอกให้ลูกไปยกกล่อง
ดำมาวางใกล้กัน
"กล่องสีดำน่าจะหนักกว่าครับ เพราะผมใส่เรื่องไม่ดี
ของไอ้งี่เง่าคนนั้นเอาไว้เยอะเลย"
แต่ในทันทีที่ยกกล่
องสีดำขึ้น เศษกระดาษมากมายก็ร่วงพรู
ออกมาจากรูรั่วที่ก้นกล่องจนเกลี้ยง ส่งผลให้กล่องดำเบาหวิวในพริบตา... ลูกชายตกใจหันไปมองหน้าพ่อแล้วพูดขึ้นว่า
"ผมลืมไปว่ากล่
องดำมีรูรั่วรูใหญ่ เดี๋ยวผมจะปิดรูก่อนแล้วเก็บกระดาษพวกนี้
ใส่เข้าไปใหม่นะครับ" พ่อหัวเราะร่าพลางส่ายหน้าไปมาแล้วบอกว่า
"ไม่ต้องหรอกลูก เมื่อมันร่วงออกมาจากกล่องแล้
วมันก็คือขยะ ลูกจงหยิบไม้กวาดมากวาดมันทิ้
งเสีย นั่นทำให้กล่องแห่งความทุกข์ของลู
กว่างเปล่าเท่ากับได้ขจัดความขุ่นข้องหมองใจไปสิ้น ในขณะที่กล่องแห่งความสุขของลู
กยังเต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวดีๆ ให้ลูกได้เบิกบานใจตลอดไป" เด็กชายอึ้งกับบทเรียนนอกหลักสูตรที่พ่อถ่ายทอดให้... บัดนี้เขาเก็ตแล้วในความหมายของกล่องสองใบ!
ของขวัญล้ำค่าจากพ่อ...
ความโกรธขึ้งที่มีต่อเพื่อนใหม่จางหายไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้...
หัวใจดวงน้อยผ่อนคลายเบาสบาย ไม่บีบรัดอัดแน่นเหมื
อนเมื่อครู่...
อาห์... เพราะกล่องแห่งความทุกข์มันว่างเปล่าแล้วนั่นเอง!
หวังว่าจะได้สาระไปใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้มีความสุขกันนะจ๊ะ นะ... ทิ้งๆ ไปเหอะไอ้เจ้าความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงน่ะ... อิ่มเอมแต่กับความสุขความพอใจในวิถีที่เรียบง่ายและพอเพียงเถิด... สาธุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
เมื่ออ่านจบแล้ว เมนต์หน่อยดีมั้ย? อะไรก็ได้ที่อยากให้ฉันได้รับรู้... จากคุณ!