วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2557

คนพิเศษ


ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรในใจ จู่ๆ เจ้าตัวเล็กก็ชวนคุยเรื่องเพื่อนสนิทของเขา ฉันเลือกที่จะฟังมากกว่าพูด เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ได้รับรู้อะไรเพิ่มอีกหลายๆ อย่าง... ยอมรับว่าแนวคิดต่างไปจากตัวตนของเรามากมายทีเดียว แต่ก็เข้าใจธรรมชาติความเหมือนและแตกต่างของบุคคล ย่อมไม่มีใครถูกทุกอย่างหรือผิดทุกอย่าง และทุกคนมีสิทธิ์คิดในแบบฉบับของตัวเอง ใช้ความชอบใช้เหตุผลของตัวเองเพื่อตัดสินใจด้วยตัวเอง... รวมทั้งต้องยอมรับผลของการกระทำในอนาคตอย่างปฎิเสธไม่ได้...


และก่อนนอนคืนหนึ่ง เขามาเคาะประตูก่อนเปิดเข้ามา เพียงเพื่อจะถามเวลาตกฟากของตัวเอง ซึ่งฉันตอบไม่ได้ ก็มันนานแล้วนี่นา ตอนเค้าอุแว้ๆ ฉันถูกเจี๋ยนอยู่บนเตียงหาได้รู้สึกตัวสักนิดไม่... จำต้องไปค้นใบสูติบัตรในกระเป๋าเอกสาร โชคดีที่หาเจอง่ายๆ... ไม่ต้องถามก็พอเดาออกว่าจะเอาไปทำอะไร...ตามใจซี อยากทำอะไรก็ทำไป ขอเพียงอย่างมงายหลงเชื่อแบบไม่มีสมองก็พอ...

ไอ้ฉันมันแปลกคนเอ๊ยเป็นคนที่ต่างจากชาวบ้าน ตรงที่ไม่ชอบหมอดูเอามากๆ ต่อให้เป็นเกจิอาจารย์ของสำนักโหรที่มีชื่อเสียงลือลั่นฟันธง หรือเป็นคนทรงเจ้าเข้าฝีสั่นงั่กๆ ราวกับคนไข้โรคพาคินสัน หรือเป็นพระคุณเจ้าตามวัดดังๆ ที่ชอบแขวนลูกประคำทำยันต์อ่านอาคมพรมน้ำมนต์... โฮ้ย ฉันคนนี้ ขออยู่ให้ห่างรัศมีจะดีที่สุด... ใครจะว่าฉันบาปหนาหน้าบุญไม่มี-ผีไม่คุ้ม ก็ตามแต่สะดวกเทอญ...

 

ความจริงที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธก็คือ ฉันคนนี้ได้ดูหมอเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว โธ่... ไม่เห็นความจำเป็นต้องไปดูหมออื่นหรือให้หมอคนอื่นคนไหนๆ มาดูฉันหรอก แค่คนเดียวนี่ก็เต็มที่สุดๆ แล้ว ดูจนแทบจะเบื่อหน้ากันแระ... ว่ามั้ย? (นอกเรื่องจนได้ อิอิ)

ถ้าถามฉันว่า มีอคติกับการดูดวง-ดูหมอหรือเปล่าเนียะ? ตอบได้เลยทันที... มีชัวร์! ตั้งแต่สมัยเด็กๆ นู่นแน่ะ... จำได้ว่าตอนนั้นเรียน ม.ปลาย ทางโรงเรียนพามาชมงานเกษตรแฟร์ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน... คุณครูคนสวยท่านหนึ่งคว้าแขนฉันพาเดินไปไกล... เพื่อไปยังเต้นท์ของสมาคมโหราศาสตร์ ให้ฉันยืนคอยนานเป็นชั่วโมง กว่าจะซักไซ้ไร่เรียงจนพอใจในคำตอบ ทำไมถึงเชื่อว่าหมอดูที่ไม่เคยพบหน้าค่าตากันเลย จะสามารถล่วงรู้อดีต-อนาคตของตัวเองก็ไม่รู้... ต่อให้ทำนายอย่างมีหลักการและเหตุผลมากถึงมากที่สุดก็ตาม คำตอบทั้งหลายที่ได้มา มันก็มีแค่ผิดกะถูกเท่านั้น... โธ่!

ตกลงว่าวันนั้นคุณครูเต็มใจควักใบแดงๆ จ่ายไปเป็นฟ่อนเลยทีเดียว สีหน้ายิ้มแย้มแก้มปริ ผิดกับฉันที่ปั้นยิ้มไม่ไหวเพราะทั้งหิวทั้งเมื่อยขาแถมยังกังวลใจที่หายตัวมานานจนเลยเวลานัดหมาย... บรรยากาศรอบๆ ตัวเริ่มมืดครื้ม อยากออกวิ่งตรงไปยังที่จอดรถบัสให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากแต่ครูกลับออกปากให้หมอดูทำนายชะตาใหฉันฟรีๆ สักสามข้อ... โดยที่ฉันมิได้เอ่ยสักคำว่าอยากรู้เกี่ยวกับอะไร...
 

หมอดูทำนายดวงชะตาฉันอย่างรวดเร็ว... อายุ 19 ปี จะมีเคราะห์ เดินทางชีวิตผิดพลาดแทบหมดอนาคตใครก็ห้ามไม่หยุดฉุดไม่อยู่, อายุ 20 ปี เคราะห์กรรมหนักกว่าเก่า เกิดอุบัติเหตุถึงขั้นพิการ และยังบอกว่าฉันเป็นคนอาภัพคู่ จะอยู่เกาะคานทองไปจนวัยดึกถึงจะมีพ่อหม้ายมาติดพัน... โห ช่างกรีดความรู้สึกของเด็กสาวผู้ไม่ประสีประสาอย่างเลือดเย็น... ทำให้ฉันเก็บมาเป็นขยะอารมณ์อยู่ได้ตั้งนาน หวาดหวั่นว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ... กริ่งเกรงและเกร็งทั้งที่รู้ว่านั่นมันก็แค่หมอดูหมอเดา แค่คำทำนายที่อาจจริงหรือเท็จก็ได้ แต่ก็ยังกลัวแบบไม่มีเหตุผลสมควรอยู่ดี... โดยเฉพาะข้อแรกนั่น เล่นงานฉันจนประสาทพอที่จะทำตัวเฉยชาไร้ความเป็นกันเองกับเพื่อนชายแทบทุกคนเลยก็ว่าได้ ก้มหน้าก้มตาเรียนลูกเดียว... จนเมื่ออายุย่าง 21 ปี ก็ได้ข้อสรุปชัดเจนแจ่มแจ้งซะทีว่า "หมอดู คือเจ้าของลมปากที่มิควรค่าต่อการเชื่อถือเลยสักนิด" โล่ง!... และฉันไม่เคยจ่ายเงินแม้แต่สลึงเดียวเพื่อให้คนแปลกหน้าที่ไหนก็ไม่รู้มาเดาสุ่มในเรื่องราวของฉันแบบมั่วซั่วส่งเดช... ชริ!


เมื่อครั้งออกฝึกงานตอนก่อนจบ รุ่นพี่หลายคนจากหลายสาขาอาชีพเพียรหยิบยื่นไมตรีให้ สำหรับฉันแล้วคิดแค่ว่า ทุกคนคือรุ่นพี่ที่ฉันนับถือเท่ากันหมด ไม่มีใครพิเศษไปกว่าใคร... เพื่อนๆ แซวว่ารถไฟชนกันบ่อย ไม่หรอก... ก็เห็นๆ อยู่ว่าทุกคนทักทายพูดคุยกันอย่างมีน้ำใจไมตรี ฉันไม่ได้เอ่ยปากเชิญชวนใครให้มาหาซักหน่อยนี่นา... พวกเขาก็แค่เห็นว่าฉันเป็นน้องที่จริงใจใสซื่อคนหนึ่ง พูดคุยด้วยแล้วสบายใจดีก็เท่านั้น... ไม่มีอะไรในกอไผ่ซักหน่อย เง้อ...

ในเรื่องการวางตัว ฉันเคยหารือกะแม่และพี่สาวอีกสามคน ได้ข้อสรุปว่า ใครดีมาก็ดีตอบ ชอบไม่ชอบให้เก็บไว้ในใจ ปฏิเสธที่จะอยู่สองต่อสองในทุกที่ทุกเวลา และอย่าให้ปัญหามาจากเรา ฉันจึงตั้งปนิธานไว้แน่วแน่ว่า ทุกคนคือเพื่อนรุ่นพี่เท่ากันหมด ส่วน "คนพิเศษ" ของฉันต้องมีคนเดียวเท่านั้นตลอดไป...


เอาเข้าจริงๆ เมื่อถึงคราวที่คิดจะสร้างครอบครัว ฉันได้ยินชัดว่าดวงของฉันไม่ถูกโฉลกกับดวงของว่าที่เจ้าบ่าว ประมาณว่าฉันดวงแข็งและค่อนไปทางร้าย (ยังดีที่ไม่เลว หุหุ) แต่งไปอาจอยู่ไม่ทน... ยอมรับว่าเสียความรู้สึกไม่ใช่น้อยๆ เลย ยังไงดีล่ะ? ไปแต่งกะคนอื่นที่ดวงเนื้อคู่แต่ไม่รู้จักไม่รักไม่ชอบซะเลยดีมั้ย? ที่สุดแล้วพี่ชายกลับไม่แคร์ใดๆ แถมเดินหน้าเต็มสตรีม...


จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ยังไม่เคยถามสักคำว่าฉันมันร้ายกาจขนาดไหน ยังไงบ้าง... ฮ่าๆ

 

อ้าวๆ จ้องอยู่ได้ตั้งนาน... จะดูให้ชัดๆ ว่านั่นไม่ใช่ฉันงั้นสิ... ฮิ้วส์!

3 ความคิดเห็น:

  1. ดีใจด้วยครับที่เรื่องราวมีแต่แฮปปี้ ตั้งแต่เริ่มแรกกระทั้งปัจจุบันนี้

    ตอบลบ
  2. ผมอีกคนที่ไม่ชอบให้หมอดู แต่ตอนนี้ไฟร์บังคับตัองไปหาหมอบ่อยๆ 555

    ตอบลบ
  3. ไม่ชอบ"หมอดู" เพราะหมอเดา ไม่มีโอกาสได้ดู"หมอ"เลยบอกไม่ได้ว่าชอบหรือไม่....?
    หลายคนใฝ่ฝันอยากจะดู"หมอ"..ฮึ

    ตอบลบ

เมื่ออ่านจบแล้ว เมนต์หน่อยดีมั้ย? อะไรก็ได้ที่อยากให้ฉันได้รับรู้... จากคุณ!