วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557

(หัวอก)คนไข้หัว(อก)หมอ



กริ๊งงงง... กริ๊งงงง... กริ๊งงงง... . . .
"งายยย ว่ามาเร็วๆ เลยยย" รับสายด้วยเสียงยานคางบ่งบอกว่าง่วงงุนเต็มแก่
"ER มีเคส arrest ค่ะหมอ"
"ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้" จบคำวางหูโทรศัพท์คืนแป้นโครม มือคว้าเสื้อกาวน์สวมคลุมแบบลวกๆ ก่อนโกยแน่บไปอย่างไม่คิดเบรคก่อนถึงที่หมาย... หายง่วงเป็นปลิดทิ้งทั้งที่ยังมิได้ซดกาแฟดำอย่างเคย... ดูเอาเถิด นี่อีกไม่ถึงสองชั่วโมงก็จะสว่างแล้ว ยังไม่ได้หลับได้นอนเต็มตื่นเกินสิบนาทีเลยสักครั้ง พอหัวถึงหมอนเป็นปลุกตัลหลอดซีน่า ชีวิตมันต้องดิ้นรนขนาดนี้เลยหรือไง จะมีอะไรหนักหนาสาหัสไปกว่านี้อีกมั้ยเนี่ยะ? อยากจะบ้าาาา... โว้ยยยส์...


ที่ ER (ห้องฉุกเฉิน) หลายคนยืนมุงอยู่หน้าประตูพร้อมใจกันแหวกทางให้หมอผ่านเข้าไป... สภาพที่เห็นตอนนั้นคือคนไข้ชายสูงวัย ตัวอ้วนกลม นอนอืดล้นอยู่บนเปลนอน คลำชีพจรไม่ได้ ไม่หายใจ ตัวเย็น ซีด ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองการกระตุ้นใดๆ... เดาได้ว่าท่านยมคงยืนรออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแน่ๆ... เฮ้อ!

 

"เตรียมใส่ใส่ TUBE, monitor EKG, เปิดเส้นโหลด IV ขอเป็น NSS ให้สัก rate 300, อีกคนก็ปั๊มไปเรื่อยๆ นะครับ ส่วนพี่คนนู้นช่วยโทรตามทีมกู้ชีพมาเพิ่มสองคนด่วนที่สุด ให้สลับกันปั้มไม่หยุด พวกเราเอาไม่อยู่หรอก ตัวยังกะยักษ์"
"ค่ะ คุณหมอ" เสียงหวานใสรับคำก่อนจะวิ่งจัดการตามสั่งอย่างเคยคุ้น... อุปกรณ์ช่วยชีวิตที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วตลอดเวลาถูกเข็นมาเสิร์ฟในทันที... หมอจัดการใส่ท่อช่วยหายใจ ดูอะไรๆ ก็ขลุกขลักไปหมด ด้วยว่ามีขนาดมหึมาเกินบรรยาย ไหนจะมีแรงขย่มจากการปั้มหน้าอกอย่างต่อเนื่อง พลอยสะเทือนบึ้บๆ จนอยากจะเหวี่ยงกระจุยกระจาย แต่ก็ต้องอดทนทำจนสำเร็จ... จากนั้น จึงเหลือบตามองจอมอนิเตอร์ ที่สัญญาณคลื่นต่างๆ ไม่กระตุกจากแนวราบสักแอะ...
 "น้ำตาลในเลือด มากกว่า 400 นะคะหมอ" เสียงหวานใสบอกข้อมูลสำคัญให้อย่างรู้ใจ มิต้องให้เอ่ยถาม ยิ่งยามดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้ เมื่อไม่มีคำสั่ง ก็ต้องจัดให้อย่างรู้หน้าที่...
"Adrenaline ทุก 3 แล้วรันไปเรื่อยๆ นะ" สั่งการจบ สาวท้าวไปหากลุ่มญาติที่ออกันอยู่หน้าห้องด้วยท่าทีวิตกทุกข์ร้อน...


"ญาติคนไข้ชื่อคุณลุง x มีไหมครับ" ร้องถามไปพลาง ซับเหงื่อที่หน้าไปพลาง...
"ฉันค่ะ / ผมครับ" เสียงขานรับพร้อมๆ กันหลายคนจนแยกไม่ออกว่าใครพูดก่อนพูดหลัง
"เขาจะรอดมั้ยคุณหมอ?" คนใดคนหนึ่งยิงคำถามที่หมอฟังแล้วแทบร่วงจากท่ายืนในทันที...
"หมอจะช่วยเต็มที่ครับ แต่ตอนนี้ขอถามเรื่องโรคประจำตัวของคนไข้ก่อน"
"เขาเป็นหลายโรค ทั้งเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ กินยาของหมอที่โรง'บาลในกรุงเทพ ลูกคนโตพาไปหาหมอเป็นประจำ" อืมห์... อีกแล้วซีนะ ที่การเข้าถึงบริการขั้นสูงส่งผลเสียต่อชีวิต...
"โรคหัวใจ อาการแกเป็นยังไงบ้างครับ"
"คุณเป็นหมอหรือเปล่าเนี่ย เรื่องแค่นี้ทำไมถึงไม่รู้... พาไปโรง'บาลอื่นเหอะ" ญาติคนหนึ่งเหวี่ยงใส่หมอเต็มเหนี่ยว อึ้งกินกันเป็นแถว... หมอเองต้องรีบนับเลขพ่วงทศนิยม 1.000, 2.000, 3.000, ...

"เส้นตีบค่ะ หมอฉีดสีแล้วก็ใส่ตาข่ายสองเส้น เขาว่างั้นนะ" เสียงอ้อมแอ้มจากป้าคนหนึ่ง ช่วยยับยั้งเหตุลุกลามที่อาจเกิดขึ้นได้ ณ นาทีนั้น...
"ก่อนพามานี่ แกเป็นยังไงบ้าง" หมอซักเพิ่มเติมติดจะห้วนๆ
"ปกติแกจะต้องลุกไปฉี่ตอนราวๆ ตีสองของทุกคืน มาวันนี้ไม่เห็นลุก แต่ได้ยินเสียงครางเบาๆ พอไปเปิดไฟดูก็เห็นนอนงียบๆ เรียกก็ไม่ลุก ปลุกก็ไม่ตื่น เลยร้องเรียกญาติๆ ให้ช่วยกันหามมาส่งเนี่ยแหละ กลัวแกตายในบ้าน" อ้าวเฮ้ย ซะงั้น...
"แกบ่นเหนื่อย หรือเจ็บหน้าอกบ้างไหม?"
"ไม่รู้นะ ไม่ได้เฝ้าดูแลใกล้ชิด ต่างคนก็ต่างมีงานต้องทำไงหมอ" อีกดอกแล้วหรือนี่ เงิบเลย... ฮื่ยส์!
"เอาหละ ตอนนี้ลุงแกอาการหนักมาก หมอใส่ท่อช่วยหายใจ ให้ยาเต็มที่ และทีมงานเร่งปั๊มหัวใจอย่างต่อเนื่อง แต่ลุงแกก็ยังไม่มีทีท่าตอบสนองแม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะมาถึงหมอช้าเกินไป ผมต้องขอให้ช่วยทำใจเผื่อไว้บ้... "
"เขาจะตายตอนนี้ไม้ได้นะหมอ ยังไงก็ต้องช่วยให้รอดเท่านั้น" เอากะเขาซี แรงไม่เบาเลยคืนนี้
"หมอไม่รับปากนะว่าการช่วยจะสำเร็จหรือเปล่าแต่ก็จะทำเต็มที ขอตัวนะครับ" เมื่อหันหลังเดินจากมา เสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นและถ้อยคำคร่ำครวญดังระงมขึ้น ยากที่จะเข้าใจว่าพูดอะไรยังไงกันบ้าง...


"ขอ atropine 2 amp IV" หมอสั่งยาเพิ่ม เมื่อเห็นว่าไร้วี่แววสัญญาณคลื่นไฟฟ้าหัวใจในจอ
"ได้ค่ะ" พยาบาลรับคำก่อนจะรีบไปดำเนินการตามหน้าที่ และในที่สุดก็จัดการตาม advance ACLS จนครบ 30 นาที... ทีมงานล้วนมีสีหน้าท่าทางเครียดจัด... แล้วหมอก็เดินเนือยๆ ไปคุยกับญาติอีกครา...

"ญาติคุณลุง x ขอเชิญทางนี้ครับ" น้ำเสียงนุ่มนวลแต่ท่าทีเหนื่อยสุดชีวิต สายตาส่งสบไปยังบรรดาญาติคนโน้นทีคนนี้ที่ ซึ่งดูเหมือนกลุ่มจะมีขนาดใหญ่กว่าเดิมเป็นเท่าตัว
"ว่าไงหมอ พ้นขีดอันตรายหรือยัง?" ญาติรัวรุกในทันทีอย่างมีความหวัง
"เสียใจด้วยครับ..." หมอพูดสั้นๆ ชัดเจน ตรงประเด็น ไม่ต้องแปลไทยเป็นไทยให้เสียเวลา... ผลคือ
บางคนปล่อยโฮ บ้างคนล้มบ้างซวนเซ ก็ช่วยๆ พยุงกันไป... นี่แหละ สัจธรรมของชีวิตที่ทุกคนต้องเจอไม่ช้าก็เร็ว!
"หมอช่วยยืดเวลาให้อีกหน่อยเหอะ นะครับนะ รอลูกชายคนโตของอีกแกสักหน่อย" หนุ่มใหญ่คนหนึ่งลงทุนคุกเข่าอ้อนวอนหมอ พลอยทำให้คนอื่นๆ นั่งลงยกมือไหว้เรียงแถวหน้าสลอน... ท่าทีที่เคยแข็งกร้าวกลับไม่มีปรากฎให้เห็น
"ไม่มีประโยชน์หรอกครับ สมองไม่ทำงานแล้ว ทีมกู้ชีพได้ช่วยกันอย่างสุดความสามารถใช้เวลานานเกินครึ่งชั่วโมงแล้ว ทุกอย่างนิ่งหมดเลย คงต้องยอมรับความจริงเสียที" หมอพยายามอธิบาย
"ได้โปรดเถอะคุณหมอ รอก่อน ขอร้องหละช่วยต่อเวลาอีกนิด... นี่ก็ออกจากบ้านได้ 2-3 ชั่วโมงแล้ว เขาสั่งให้รอก่อน ยังไงก็จะมาให้ทันดูใจพ่อ" อ้อนจริง ทั้งคำพูดและแววตาชวนให้สงสารไม่น้อย...
"เอางั้นก็ได้ครับ ว่าแต่ตอนนี้ ลูกแกเดินทางถึงไหนแล้วล่ะ?"
"ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว ไม่เกินบ่ายสองโมงถึงแน่" อร๊ากกกกส์! ซวยเลยตรู... เบลอถึงขนาดยอมตกปากรับคำไปแล้วด้วย... ไม่น่าหาเหาโปะหัวเล้ยยย... กรรม!
"งั้น ขอญาติผู้ชายที่ตัวโตๆ มาช่วยหมอสัก 4-5 คน ได้ไหมครับ?" จำเป็นต้องหาทางออกแบบง่ายๆ
"ได้ครับๆ ไปพวกเรา" ว่าแล้วก็พยักเพยิดให้พรรคพวกเดินแถวตามหมอมาราวกับลูกเป็ด
"เดี๋ยวหมอจะให้ทีมงานช่วยสอนปฏิบัติการกู้ชีพ (CPR) ขั้นพื้นฐานให้นะครับ ทำไม่ยากหรอก พอทำเป็นกันแล้ว ทีนี้พวกคุณอยากจะยื้อเวลาไว้นานแค่ไหนก็เชิญผลัดกันช่วยได้ตามสบาย หมอจะอยู่ใกล้ๆ ให้ตามตัวได้ง่ายตลอดเวลา แต่คงต้องนอนงีบเอาแรงในห้องพักเวร เพราะพรุ่งนี้เช้าผมจะต้องลุกมาตรวจคนไข้ตามปกติ หวังว่าคงเห็นใจนะครับ"


"จัดการเลยครับพี่..." หมอส่งซิกให้ทีมงาน "ญาติๆ วอนขอเวลารอลูกจากกรุงเทพฯ อีก 8 ชม.ถึงชัวร์ หมอเลยเปิดโอกาสให้พวกเขามีส่วนร่วมในการกู้ชีพด้วย เต็มที่นะครับ ผมต้องขอตัวก่อน ง่วงสุดๆ ยืนไม่ไหวแล้วจริงๆ" ว่าแล้วหมอก็เดินตรงเข้าห้องพักแพทย์เวรไป... พยาบาลชุดกู้ชีพได้ฟังดังนั้น ก็ต้องเล่นตามน้ำอย่างไม่มีรีรอชักช้า เชิญชวนญาติตัวล่ำๆ ไปใกล้เตียงคนไข้ แล้วถ่ายทอดวิชาการในทันทีด้วยท่าทางขึงขังเอาจริงเอาจัง... เมื่อสอนสาธิตเสร็จก็ให้ลงมือปฏิบัติกับของจริงซะเลย โดยที่ไม่มีใครกล้าคัดค้านหรือปฏิเสธกันละ
 

"เวลาปั๊มแขนต้องตึงค่ะคุณ... กดหน้าอกให้แรงๆ กว่านี้ กดให้ลึกลงไปสองนิ้ว นับจังหวะตาม 1,2,3,4... ไปเรื่อยๆ ไม่มีเหนื่อยไม่มีท้อ... เอ้า ลงมือ!!! นับครบ 300 แล้วเปลี่ยนคนอื่นมาปั้มแทนอย่าให้ขาดช่วง... ส่วนคนบีบแอมบูก็ต้องมีสมาธิด้วยสิคะ" น่าน... โดนเข้าให้มั่งแล้วมั้ยล่ะ... หุหุ

เมื่อเห็นว่าปฏิบัติการได้ผลเป็นที่พอใจ พยาบาลคนหนึ่งจึงหลบไปนั่งใกล้ๆ ลงมือเขียนบันทึกรายงานในแฟ้มประวัติคนไข้ ส่วนคนอื่นๆ ก็เก็บเครื่องมือเครื่องใช้ไปทำความสะอาดตามหน้าที่...


เวลาผ่านไปช้าๆ ราวครึ่งชั่วโมง หนุ่มๆ ทั้งหลายเหงื่อแตกซิก กล้ามเนื้อแขนขาเกร็งเหมือนตะคริวจับ แผ่นหลังตึงเปรี๊ยะจะหักเสียให้ได้ อดรนทนต่อไม่ไหว ลอบมองสบตากันก่อนจะส่งเสียงร้อง...
"หมอคร้าบ ผมไม่ไหวแล้ว หมดแรง ปวดแขน ปวดหลัง ปวดเอวจะตายอยู่แล้วคร้าบบบ!"
"นี่ๆ อย่าส่งเสียงดังนักสิคุณ ประเดี๋ยวหมอก็ตื่นหรอก สงสารเขาบ้างเถิด ตะกี้เขาลงมือทำอย่างพวกคุณนี่แหละ ไม่มีบ่นอะไรสักแอะ คืนนี้เขาก็เพิ่งได้เอนตัวลงนอนไม่ถึงชั่วโมง... เขาอดหลับอดนอนอย่างนี้ทุกคืนเลย นี่ถ้าเป็นคนอื่นอาจย้ายหนีไปนานแล้วรู้มั้ย... เอาน่า ช่วยๆ กันทำต่อไป จนกว่าญาติคุณจะมาถึงดีกว่า" แปร่วส์! ว่าหมอโหด พยาบาลเหี้ยมกว่าว่ะ... มะมีใครกล้าหือ...

 

ผ่านไปอีกราว 15 นาที... สองหนุ่มนั่งแหมะลงกับพื้นห้องอย่างยอมแพ้ ร้องครวญขอแอมโมเนียปริ้มว่าจะขาดใจ... ส่วนญาติที่เหลือก็ยืนดูเฉย หาได้มีกะใจจะขึ้นปั้มแทนอย่างต่อเนื่องตามที่สอนไม่... ทุกคนเอาแต่ส่ายหน้าให้กันอย่างยอมจำนนและน้อมรับโดยดุษฎีว่าความพยายามกู้ชีพนั้นได้ทำอย่างสุดความสามารถแล้ว สมควรยุติการยื้อชีวิตคุณลุงแล้ว... สาธุ

"พอแล้วครับ ไม่ไหวแล้ว ใจจะขาดตายซะให้ได้จริงๆ พวกผมซาบซึ้งแก่ใจดีแล้วครับ ไม่ขอให้รอใครอีกแล้ว... และ ผมจะคุย... ให้คนอื่นๆ เข้าใจเอง... ว่าอะไร... เป็นอะไร... ฝากขอโทษคุณหมอที่อยู่เวรคนนั้นด้วยครับ" ญาติหนุ่มพูดปนหอบยืดยาวให้พยาบาลกู้ชีพฟัง... เป็นอันจบ! แบบไร้ซึ่งปัญหาคาใจ


เมื่ออ่านมาถึงตอนนี้แล้ว จะมีใครเห็นอกเห็นใจหมอบ้างมั้ยหนอ?

ส่วนใครมีลูกมีหลานวัยเรียน ถ้ายังอยากให้เด็กเรียนหมออยู่อีกก็ตามสบาย... นะจ๊ะ นะ

แต่ขอให้รู้ไว้อย่างหนึ่ง... พวกเขา 'ยิ้มไม่เป็น' หรอก

 
ฉันล่ะเบื่อ!

เบื๊อ - เบื่อ

ชริ!


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เมื่ออ่านจบแล้ว เมนต์หน่อยดีมั้ย? อะไรก็ได้ที่อยากให้ฉันได้รับรู้... จากคุณ!