ในส่วนของผู้ป่วย นอกจากจะได้รับคำอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ว่าคุณหมอจะตรวจอะไร เพื่ออะไร จะต้องให้ความร่วมมืออย่างไร... ช่วยจัดท่า ปิดผ้า คอยอยู่เป็นเพื่อนข้างๆ มิให้รู้สึกกลัว... จนเมื่อตรวจเสร็จสิ้นแล้ว ก็จักมีคำปลอบขวัญให้คลายกังวลเสมอ...
"เรียบร้อยแล้วค่ะ เท่าที่ประเมินคร่าวๆ ก็ดูเป็นปกติดี สัปดาห์หน้าจะส่งผลไปให้ที่บ้านอีกที สบายใจได้แล้วนะคะ"
***************************
บ่ายวันหยุดที่แสนอบอ้าว... มันเกิดไรขึ้นหว่าทำไมปวดท้องมากมาย คล้ายๆ ว่ากระเพาะทะเลาะกับลำไส้ ตับ ม้าม ไตมุดไปหลบในชายโครงเกาะกันแน่นเป็นกระจุกแล้วโก่งตัวขู่ฟ่อๆ ให้ฉันต้องงอตัวเป็นกุ้ง... อร๊ากส์!
แม่เจ้าโว้ย... ที่ตรงกลางใต้ลิ้นปี่ คลำได้ก้อนแข็งเป้กขึ้นมาแบบไม่เคยแจ้งล่วงหน้า... หลับตานึกถึงภาพทฤษฎีการตรวจวินิจฉัยโรคเบื้องต้น ตำแหน่งนี้ก็น่าจะโรคกระเพาะอ่ะดิ ฝืนกายลุกไปหายาลดกรดชนิดน้ำและชนิดเม็ดมากิน ตามด้วยนมงาดำกล่องเล็ก จากนั้น ค่อยๆ เดินไปเอนกายนอนคว่ำหน้าเอาหมอนหนุนรองใต้ท้องตรงจุดที่ได้แรงกดบนก้อนแข็งๆ นั่น ปากก็ร้องขอถุงทรายร้อนเพื่อประคบกลบอาการปวดเกร็ง ครั้นได้มาแล้วกลับทำให้แย่ลงกว่าเดิมเพราะความร้อนยิ่งทำให้เหงื่อแตกซิกทั้งๆ ที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ... ปลายเท้าสองข้างขยับถูไถกันไปมาโดยอัตโนมัติเพียงเพื่อจะหาหนทางคลายความปวดเกร็งจากท่าใดท่าหนึ่งซึ่งยังไงซะก็ไม่เจอง่ายๆ จึ่งตั้งสติสวดอิติปิโสวนซ้ำๆ จงใจหลับลึกลงให้ได้ก่อนที่จะทรมานมากไปกว่านี้...
"เนี่ย บอกไม่ฟัง ชอบกินเผ็ดดีนัก เป็นไงล่ะ"
"กินอาหารไม่เป็นเวลาด้วยล่ะสิ มีความรู้แล้วไม่ดูแลตัวเองให้ดี สุดท้ายก็เดือดร้อนทุกที"
"ร่างกายอ่อนแอ เป็นอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่อดทนเหมือนคนอื่นเขา"
แม้จะหวิวๆ แต่เสียงบ่นอึงอลที่ลอยเข้าหูก็ชัดเจนและบาดความรู้สึกได้ดียิ่งนัก... ให้ตายซี ยามนี้มันช่วยเพิ่มความเจ็บช้ำได้เป็นร้อยๆ เท่า... แอบหวังว่าจะมีคำถามไถ่อย่างห่วงใยว่าปวดตรงไหน ยังไง กินยาแก้ปวดหรือยัง? ผ่ามืออุ่นๆ คลำที่หน้าท้องสักนิดทดสอบว่ามันเกร็งมันการ์ดแบบไหนถึงได้ออกอาการซะจนต้องซ้ำเติมขนาดนั้น... อืมห์ ซึ้งน้ำใจยามยากเสียจริงๆ แล้ว...
นานเป็นเดือน ที่ฉันกินยารักษาโรคกระเพาะ ควบคู่ไปกับยาแก้อักเสบอย่างละเม็ดเช้าเย็น แต่แล้วจู่ๆ ก็มีก้อนทูมตู้มขึ้นมาแถวๆ คอ 5 เม็ด แดงเรื่อ เจ็บตึงนิดๆ ... สำรวจตัวเองอย่างถ้วนถี่ก็ไม่เห็นจะมีภาวะอักเสบภายในช่องปาก หู คอ จมูก... แย่แล้วเรา!
ที่โรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง... ท่ามกลางสายตาใฝ่รู้นับสิบคู่ของนักศึกษาแพทย์ ฉันถูกวินิจฉัยว่าเป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบแบบเฉียบพลัน และได้ยาปฏิชีวนะมากินในขนาดสูง แม้จะให้ข้อมูลว่ากำลังกินอยู่แล้วก็ตาม... เฮ้อ!
ด้วยความไม่นิ่งนอนใจ ฉันกลับเข้าที่ทำงานเดิมเพื่อตรวจร่างกายโดยละเอียดด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย... เมื่อเสร็จสิ้นการตรวจฉันต้องรีบเข้าห้องน้ำเพื่อปล่อยน้ำ 250 cc ออกหลังจากทนกลั้นไว้ตั้งนานกว่าจะสแกนครบทุกส่วน... ยังมิทันเสร็จธุระ เสียงเรียกชื่อทำให้ต้องขานรับออกไปดังๆ คุณหมอก็ช่างใจดีเดินมาใกล้ๆ ประตู แล้วบอกให้แต่งตัวกลับได้เลย ส่วนผลการสแกนจะคุยกับญาติก่อนและค่อยหารือกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป... ฮะ หา! ว่าไงนะ... ฉันจะเป็นลม!
ทันทีที่ออกจากห้องน้ำฉันเดินกลับไปที่ห้องสแกน ยื่นแขนให้เจ้าหน้าที่ดูว่าเข็มกับสายยางยังไม่ได้ออฟ... น้องๆ กล่าวคำขอโทษแล้วรีบจัดการให้อย่างเบามือ ฉันจึงถือโอกาสสอบถามว่าภาพสแกนปกติดีหรือเปล่า? สาวสวยทั้งสามคนซึ่งรู้จักฉันเป็นอย่างดี มีท่าทีอึกอักและไม่กล้าสบตา... ฉันเลยขอดูซะเอง แต่หนึ่งในสามกลับพูดขึ้นว่า รอให้อาจารย์หมอช่วยอธิบายรายละเอียดให้ทีหลังจะดีกว่า ตอนนี้มีผู้ป่วยรายอื่นใช้เครื่องอยู่... โอเค... ฉันสูดหายใจยาวๆ ก่อนจะค่อยๆ เดินออกมา
รู้แระ... ละไว้ในฐานที่เข้าใจไม่ตรงกัน สินะ... ฉันบอกกับตัวเองว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด... ทำไมมันจะเกิดกับฉันบ้างไม่ได้ในเมื่อคนอื่นๆ ก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเช่นกัน!
ที่หลังห้องตรวจของพี่ชาย... ฉันเข้าไปนั่งรอเงียบๆ ให้เขาทำงานตามปกติไปเรื่อยๆ จนใกล้เที่ยงหมดคนไข้แล้วจึงลุกมาถามว่าผลเป็นไง? ฉันบอกไม่รู้ หมอจะคุยกับญาติเอง... เขาอุทาน อ้าว! ก่อนจะวิ่งตรงไปที่แผนกรังสี รอเกินครึ่งชั่วโมงจึงเดินกลับลงมาเนือยๆ ยื่นมือลูบหัวแล้วบอกกับฉันเบาๆ ว่าสแกนเจอก้อนในตับ โตกว่า 3 cm 2 ก้อน และมีก้อนเล็กๆ อีกหลายก้อน...
คุณพระช่วย!
ฉันคนนี้... ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่
ฉันคนนี้... ใช้สองมือช่วยคนมาไม่รู้เท่าไหร่
มาตอนนี้... กลับช่วยตัวเอง... ไม่ได้
ไม่ว่าพระเจ้าจะโหดร้ายหรือเมตตา... ฉัน ยอมแล้ว!