จำได้ว่าตอนนั้น ฉันมีโทรศัพท์มือถือ ระบบ 800 Mhz. ใช้รับ-ส่งสัญญาณได้ในพื้นที่จำกัด...
ครั้งหนึ่ง ฉันไปจัดสัมมนาห้าวันที่โรงแรมนอกตัวเมือง ระยะทางไกลเกิน 10 ก.ม. คนที่บ้านต้องคอยรับ-ส่ง ทุกวัน... ตกตอนเย็นมักมีฝนฟ้าคะนองแบบไม่ลืมหูลืมตา ผู้ร่วมสัมมนาต่างก็ยังกลับบ้านไม่ได้ นั่งคอยหน้าม่อยนานนับชั่วโมง...
พอฝนซาเม็ดลง ฉันรีบกดมือถือหาคนที่บ้าน แต่สัณญานไม่มี จำเป็นต้องไปต่อแถวใช้บริการตู้โทรศัพท์ในโรงแรม โชคดีที่พกเหรียญไว้ในกระเป๋าถือบ้าง... ยืนรอจนเมื่อยขากว่าจะถึงคิวของฉัน... รีบบอกพี่ชายสั้นๆ ว่า “ออกมารับได้จ้ะ” แล้วก็วางสายเดินเลี่ยงออกไปในทันที ได้ยินเสียงใสๆ ของน้องคนถัดไปร้องเรียกให้กลับมารับเงินที่ร่วงจากตู้ด้วย... ฉันเพียงแต่ยิ้มแล้วบอกว่า... “ยกให้จ้ะ”
ช่วงบ่ายของวันถัดมา... วิทยากรมอบใบงาน ให้ทุกคนนำเสนอเรื่องราวสุดประทับใจ คนละ 2 นาที... วิทยากรหยิบฉลากชื่อคนแรกที่ได้ออกไปพูดหน้าห้อง เป็นสาวน้อยน้องใหม่คนหนึ่งที่เพิ่งบรรจุเข้ารับราชการได้ไม่ถึงสามเดือน...
เธอเล่าว่าบ้านเธออยู่อำเภอที่ติดเขตจังหวัดอื่นซึ่งไกลกว่าใครเพื่อน ณ ที่นี้... พ่อขับรถมอเตอร์ไซด์คันเก่าๆ มาส่งและรอรับกลับทุกวัน ขณะที่เข้าร่วมสัมมนา พ่อก็ไปรออยู่ที่บ้านญาติห่างๆ คนหนึ่ง... กว่าทั้งคู่จะกลับถึงบ้าน ต้องบึ่งไปในความมืดที่คดเคี้ยวและลาดชันเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง... เมื่อค่ำวานนี้ หลังฝนกระหน่ำ เธอมีเหรียญบาทติดกระเป๋าอยู่เพียงเหรียญเดียวเท่านั้น และไม่กล้าพอที่จะเอ่ยปากขอยืมจากใครๆ ด้วยยังไม่เป็นที่รู้จักคุ้นเคย ในใจนึกภาวนาขอให้พ่อรับสายแล้วคุยกันรู้เรื่องก่อนที่ตังค์จะหมด... เดชะบุญที่บังเอิญมี “ใครคนหนึ่ง” เมตตายกเหรียญให้โดยมิได้ร้องขอ... ยังความซาบซึ้งใจในยามยากเป็นอย่างยิ่ง... เธอสรุปจบสั้นๆ ท่ามกลางความเงียบงันของผู้ฟังทั้งห้อง ท่านวิทยากรสาวเท้าไปยืนเคียงข้าง โอบกระชับเธอไว้ในอ้อมแขนเพื่อให้กำลังใจ... จากนั้น ก็เชิญให้ใครคนหนึ่ง ออกไปแสดงตัวหน้าห้องเพื่อนำเสนอเรื่องของตัวเองเป็นลำดับถัดไป...
โอ... พระเจ้า... มันเป็นไปได้หรือนี่...
ฉัน... มีโอกาสได้เข้าไปนั่งในใจคนๆ หนึ่ง
ด้วยน้ำใจเพียงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
น่าทึ่งจริงๆ... ว้าว!!
นั่งในใจของผมด้วยครับ เพราะการพูดโทรศัพท์สาธารณะ ต้องพูดให้ได้ใจ
ตอบลบตวามและสั้น คนอื่นเขาก็มีความจำเป็นเหมือนเราหรือเรื่องสำคัญทั้งนั้น
เงินแค่บาทสองบาทมีค่ามากสำหรับบางคนที่ไม่มี ครั้งหนึ่งก็ไม่มีเงิน
ก็เดินเข้าไปในตู้เหมือนกัน ได้สักบาทสองบาทก็แก้ขัดไปได้ ยังนึกขอบคุณ
ผู้ที่ไม่เอาเงินทอนจากตู้เลยครับ...เรื่องสั้นแต่ดีมากครับ.....
ใจคุณ... มันกว้างสักแค่ไหนหรา?...
ลบถึงฉันเป็นจะหนู แต่ก็ไม่ชอบที่แคบๆ อึดอัดนะจ๊ะ นะ... :)
น้ำเอย....น้ำใจ เกษตรเราพร่ำสอน กันมาทุกรุ่น ให้รู้จักคำว่า Spirit. ซ่ึงเป็นหน่ึงในตัวอักษร S. ของคำว่า Sotus. แต่ไม่ไช่ S ตัวแรก แต่มันเป็น s ตัวสุดท้าย ตัวแรกคือ seniority ดังนั้นเกษตรเราจะมีคำชม กันอยู่ท่ัวไป ว่าเป็นคนท่ีมี น้ำใจ ในยุคท่ี IT กำลังนิยม น้ำใจ ย่ิงหาได้ยาก ทุกคนแย่งกันทุกอย่าง เพ่ือจะอยู่รอด....เราเองก็กำลังคอย สาวคนไหนหนอ ท่ีจะมี น้ำใจ. มอบให้กับเราบ้าง..........
ตอบลบโห... เพ้อๆ อีกแระ... ไปที่สตรีมโพสต์นู่นเลยคุณ...
ลบขอให้โชคดีโดยไวเน้อ... เวลายิ่งติดเทอร์โบซะด้วยหลาว...
อย่างอลลล์ เก่งกันนักเลย.... เง้ออออ....
ความคิดเห็นนี้ถูกลบโดยผู้ดูแลระบบของบล็อก
ตอบลบไม่เป็นไรจ้ะ... คิดไม่ตรงกันเป็นเรื่องธรรมชาติ เนอะ
ลบให้ในสิ่งไม่ปรารถนาแล้วเค้าไม่เห็นคุณค่า ก็ยังดีที่ได้ให้ทานไป จิตเป็นกุศลแระ
ขณะที่คนซึ่งได้รับของที่ให้ไปแล้วนั้น... ต้องมีสักวันที่จะชดใช้คืน... คิคิ