วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ผิดอะไรเมื่อรักกัน



"คนรักกัน ไม่จำเป็นต้องไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเวลาหรอก"  

เป็นถ้อยคำที่ฉันมักได้ยินอยู่บ่อยๆ มันจี้ใจจนแทบสะดุ้ง... นานมากแล้วที่ฉันใช้ชีวิตคู่และโยกย้ายที่อยู่ไปหลายแห่งทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด... ไม่ค่อยได้กลับภูมิลำเนาเดิมเมืองย่าโม ตราบจนกระทั่งบุพการีมีสุขภาพอ่อนแอด้วยความชรา จึงได้กระวีกระวาดปลีกตัวย้ายกลับไปเพื่อปรนนิบัติดูแลท่านในวาระสุดท้าย... ครอบครัวของฉันค่อนข้างใกล้ชิดผูกพัน... เราทำงานอยู่ที่เดียวกัน ไป-กลับด้วยกัน ไปเที่ยวไหนต่อไหนด้วยกัน ออกงานสังคมด้วยกัน เหมือนเงาตามตัว จนเป็นที่ชินตาของใครๆ มันคือพันธนาการแห่งรักที่แนบแน่นมั่นคง ปีแล้วปีเล่า... ฉันไม่คิดเลยว่านั่นจะเป็นภาพที่ทำให้คนอื่นรู้สึกขวางหูขวางตาอย่างแรง จนถึงกับคิดดังๆ ประหนึ่งว่าส่งสัณญานให้เราแยกๆ กันบ้างก็ได้เหอะ... ไม่รู้ว่าเดือดร้อนด้วยเหตุอันใด... อ่ะน่า... อย่าอิจฉานักเลย ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด... ฉันเองและแม้กระทั่งคนอื่นๆ ต่างก็หาได้มีใครล่วงรู้อนาคตไม่ ฉะนั้น ขอฉันมีชีวิตเปี่ยมสุขและแบ่งปันน้ำใจเมตตาให้ผู้คนในสไตล์ของฉันต่อไปเถิด... ไม่ว่าจะมีเวลาเหลือให้ทำเช่นนี้ต่อไปได้อีกกี่มากน้อย ก็ไม่น่าจะเป็นผลเสียหายต่อผู้ใดนี่นา...


มีแก่นแท้ของความจริงบางอย่าง ที่ทุกคนย่อมรู้แก่ใจดีว่า ชีวิต มิอาจเลือกที่จะมีหรือเป็นในสิ่งที่อยากมีอยากเป็นได้ทุกอย่าง  รวมถึงไม่อาจปฏิเสธการมีหรือเป็นในสิ่งที่มีหรือเป็นอยู่ ได้ทุกอย่าง เช่นกัน... ฉันมีกรณีตัวอย่างที่ชัดเจนที่อยากให้ลองติดตาม เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเขาเขียนด้วยตัวเองในเว็บๆ หนึ่ง เมื่อเร็วๆ นี้... ใจความเล่าถึงการสูญเสียภรรยาสุดที่รักด้วยโรคร้ายภายในเวลาอันรวดเร็วหลังจากที่ครองรักกันได้แค่ประมาณ 4 ปีเท่านั้น เรียกได้ว่าก้นหม้อข้าวยังไม่ทันมีริ้วรอยเลยสักนิด... ดูเอาเถิด ทั้งๆ ที่พวกเขารักใคร่กลมเกลียวกันดี อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตามประสาหนุ่มสาว ไม่คาดฝันว่าจู่ๆ มัจจุราชจะมาพรากเอาผู้เป็นที่รักดั่งดวงใจไปจากเขาทั้งที่ไม่ได้ทำผิดอะไร... 


ตอนที่รู้ว่าคนรักมีสภาวะเจ็บป่วยร้ายแรงระดับที่มิอาจเยียวยาได้ นั่นคือช่วงที่ทุกข์ทรมานใจอย่างหาที่เปรียบมิได้ มันยากที่จะทำใจยอมรับการสูญเสียที่กำลังคืบคลานมาในไม่ช้า... พวกเขาไม่พร้อมที่จะพรากจากกันและกัน... แต่ที่สุดแล้ว วาระสุดท้ายก็มาถึงเร็วมากจนน่าใจหาย... เป็นใครก็คงทำใจได้ลำบากยิ่ง... เมื่อไม่มีเธออยู่ข้างๆ แล้ว เขาได้เรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บอกกล่าวให้โลกออนไลน์ได้ร่วมรับรู้ถึงความสูญเสียอันใหญ่หลวงนี้... น่าซาบซึ้งและเวทนาในชะตารักของทั้งคู่... มันทำให้น้ำตาของฉันรินมาไม่ขาดสาย... ทั้งคืน... ฉันเล่ามากไปกว่านี้ไม่ไหวแล้ว อ่านกันเองเถิดจ้ะ... http://hilight.kapook.com/view/76942


สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

อะเวราโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย

อัพยาปัชฌาโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

อะนีฆาโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย

สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น เถิดฯ



สาธุ... ด้วยจิตบริสุทธิ์ 
ข้าฯ ขออุทิศผลบุญที่ได้สั่งสมมาตั้งแต่ครั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน
ขอให้ท่านทั้งสองได้มีโอกาสครองรักร่วมชาติอย่างสุขสานต์
อย่าได้มีอันพรากจากกันอีกเลย... สาธุ


13 ความคิดเห็น:

  1. พวกเราเป็นจิตวิญญานที่เดินทางอย่างโดดเดี่ยว ไม่เคยมีใครจริงแต่ก็ไม่ทิ้งกัน
    นาน ต่างต้องพบแล้วพรากตามกรรมที่ทำร่วมกันมา

    ตอบลบ
  2. อ่านแล้วซึมไปเลย เหมือนกันคับ สงสารในความรักของ 2 คน แต่ก็รู้สึกสุขใจ ท่ีชีวิตเค้ามีให้กันจนถึงใกล้วาระสุดท้าย เค้ายังมีความสุข ตอนท้ายของเร่ืองดีมาก เลยนะคับ พูดถึง ให้เราคิดเสมอว่า เราจะมีชีวิตอีกเพียง 5 นาที ทำให้ได้คิดว่า ชีวิตเป็นอนิจจัง จะทำอะไรคงต้องรีบทำ
    ผมอิ่มใจไปกับความรักของเค้าทั้ง 2 และรู่้สึกอิจฉาในความรักของครอบครัว คุนยาย ส่วนผมท้องรู้สึกหิว ไม่เคยอ่ิมอย่างเค้าบ้าง ขอบคุนนะคับ .....

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ชีวิตลิขิตเองได้จ้ะ อยู่ที่ว่าเราสร้างบุญหนุนนำกันมากี่มากน้อย... รึเปล่ามิรู้ได้...
      และไม่มีใครรู้ดีไปกว่าใจตัวเองนี่นา... ถามดูจิ... รอรัย... ครัย... ถึงไหน? ๕๕+

      ลบ
  3. ถามใจแล้วครับ. มันเงียบฉ่ี สงสัยมันคงตายไปแล้ว มั๊งคับ 555

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ถามอีกจิ ถามบ่อยๆ จนมันรำคาญ... เด๋วมันก็ฟื้นมาตอบเองแหละ... อิอิ

      ลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ18 ตุลาคม 2555 เวลา 22:05

    ซึมข้ามวัน..ข้ามคืน..อ่านจบพูดไม่ออก บอกไม่ได้..ก็เลยอดเม้นท์..ซะงั้น
    ปรับรมณ์ได้แระ..เรารักใคร..ก็รักให้สุดๆ..รักให้เต็มร้อย..เพื่อเราจะได้กลับมา..เต็มร้อยเหมือนกัน..
    ทุกวินาทีมีค่า.ไม่ต้องรอ หรึอผลัดเวลาที่จะทำความดี.ให้คิดเสมอว่าทานข้าวเช้าแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้ทานกลางวันหรือไม่..
    ขอบพระคุณสำหรับสิ่งดีๆที่นำมาแบ่งปัน ขอให้ครอบครัวผู้เขียนน่ารัก..อบอุ่น.อย่างนี้ตลอดไป
    ^ปรารถนาดี..จริงใจเสมอ^ใ*pmp*

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณจ้า... ยินดีที่ได้ข้อคิดเตือนใจและชื่นชอบไอเดียแบบนี้...
      อย่าลืมติดตามอีกเรื่อยๆ เน้อ... อิอิ

      ลบ
  5. ผิดพระประสงค์ของเทพเจ้าแห่งรัก.... หรือเปล่า?

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อืมห์... ก็อาจเป็นเช่นนั้น... ขอให้พ้นทุกข์ พบสุขยิ่งๆ ขึ้นไป เทอญ...

      ลบ
  6. แฮะๆ เพิ่งมาเห็น ผมคือ ลูกหมูหัดกลิ้ง หรือผู้ชายในเรื่องนั้นนั่นแหละครับ พอดี นั่งเซิร์ทเรือ่งตัวเองในอากู๋ แล้วมาเจอบล๊อคนี้ .......

    ขอขอบคุณที่ อ่านเรื่องราวของผมครับ นี่ก็จะครบปีแล้ว ผมก็ยังคิดถึงเธออยู่ครับ

    ตอบลบ
  7. โอ๊ะ... สวัสดีจ้ะ คุณลูกหมู ยินดีที่ได้รู้จักตัวจริงเสียงจริงอย่างคาดไม่ถึง... ฉันประทับใจเรื่องราวความรักของคุณซะมากมาย ก็เลยเก็บเอามาเล่าสู่เพื่อนๆ ในไสต์การเขียนของฉัน ได้รับคะแนนเห็นใจอย่างท่วมท้นเลยช่ะ ไม่คิดว่าวันหนึ่งเจ้าตัวจะมาสัมผัสได้เองถึงที่นี่... ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้อีกคน นะจ๊ะ นะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณสำหรับกำลังใจมากๆ ครับ ตอนนี้ผมก็ต้องยืนด้วยขาของตัวเองให้ได้....

      พยายามใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ เผื่อเธอด้วย ... ยังไงก็ต้องอยู่ด้วยรอยยิ้มครับ

      ^^

      ลบ

เมื่ออ่านจบแล้ว เมนต์หน่อยดีมั้ย? อะไรก็ได้ที่อยากให้ฉันได้รับรู้... จากคุณ!