วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

โกรธแล้วได้อะไร



โกรธเขาเราก็รู้อยู่ว่าร้อน 
จะนั่งนอนก็เป็นทุกข์ไม่สุกใส 
แล้วยังดื้อด้านโกรธจะโทษใคร 
ต้องหักใจไม่ให้โกรธโปรดทำดู

< ฮึก... อ่ะฮึ... ฮือ... แง้ๆ >


ครอบครัวหนึ่ง มีสมาชิกหลายคน ทั้งเด็กเล็ก เด็กโต วัยรุ่น ผู้ใหญ่และผู้สูงวัย... พวกเขามักสื่อสารกันด้วยถ้อยคำหยาบคาย เอะอะโวยวายไม่น่าฟัง วันดีคืนดีก็มีลงไม้ลงมือกันอย่างรุนแรงอีกด้วย... แม้จะบอกตัวเองไม่ให้ใส่ใจกับเรื่องของชาวบ้าน แต่หูเจ้ากรรมมันก็ยังได้ยินอยู่เนืองๆ... เจ้าประคุณเอ๋ย ช่างไม่รู้บ้างเลยรึว่าคนเราชอบฟังคำพูดแบบสุภาพ อ่อนหวาน... มันชวนให้นึกชื่นชมผู้พูดว่าช่างมีกิริยาวาจางดงามน่ารัก... แต่ก็นั่นแหละ กว่าจะได้เห็นถึงแก่นแท้ของคนๆ หนึ่งอาจต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์สั้น-ยาวไม่เท่ากัน... คำโบราณที่ว่า “ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่” นั้นคงเชื่อได้ยากส์เสียแล้ว เพราะเคยเห็นมามาก ที่พ่อแม่เป็นผู้ดีมีสกุล แต่ลูกวีนแตกใส่ผู้คนไปทั่ว จนไม่มีใครอยากคบหา กรรมจริงๆ...


สำหรับใครก็ตาม ที่จำเป็นต้องทนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศความขัดแย้ง ไม่ว่าจะด้วยเรื่องเล็กน้อย หรือเรื่องใหญ่โต ลุกลามต่อเนื่องปานใด... แน่นอนว่า สุขภาพจิตคงสุดฝืน ความรู้สึกอึดอัด ไร้ความสงบสุข บางทีก็ไม่ง่ายเลยที่จะระบายกับใครสักคน...

หากพวกเขาทั้งหลาย ได้เรียนรู้วิธีหลีกเลี่ยงการโต้เถียงกันบ้าง... เมื่อมีคนเริ่ม แล้วคนต่อไประงับอารมณ์ความรู้สึกไม่พอใจได้ทัน ก็คงจะสงบได้เร็ว ไม่ต้องร้อนหูร้อนใจเพื่อนบ้าน อย่างฉัน


แต่ทว่าธรรมชาติของคน มักจะรู้สึกน้อยใจว่าตัวเองไม่สำคัญพอสำหรับคนอื่นอยู่เสมอ... (แน้ ไปรู้ใจเขาได้ไง?) ทันทีที่หูได้ยินคำพูดไม่น่าฟัง ยังไม่จบประโยคด้วยซ้ำ คนฟังก็มักจะตอบโต้เผ็ดร้อนในทันที... แบบต่างฝ่ายต่างลมออกหู... ถ้าแค่งอนก็เป็นลมอุ่นๆ... ถ้าโกรธจนคุกรุ่นก็น่าจะเป็นฟืนเป็นไฟ... แล้วแต่อุณหภูมิของใคร เรื่องใหญ่แค่ไหนสิ


โดยธรรมชาติแล้ว ผู้ชายมักจะโกรธง่ายหายเร็วและไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนผู้หญิง... (ทุกคนรึเปล่าไม่แน่ใจนัก โดยเฉพาะเพศที่สาม) แต่ทว่า ในช่วงนาทีที่อุณหภูมิใจพุ่งกระฉูด  มีความเป็นไปได้ที่จะบันดาลโทสะถึงขั้นลงมือลงไม้ไม้ไปยังคู่กรณีได้ง่ายๆ... ยิ่งรายที่ได้ร่ำสุรามาพอประมาณ ยิ่งทำให้สติขาดผึง ยิ่งรุนแรงไปกันใหญ่... อันตรายสำหรับกรรมการจริงๆ... เง้อ เกี่ยวรัยด้วย


เมื่อใดก็ตามที่เกิดความรู้สึกไม่พอใจ อารมณ์ขุ่นเคืองจนแทบจะระเบิด... แทนที่จะปรี่ไปจัดการกับคนที่คิดว่าเป็นตัวก่อเหตุ... อยากให้ลองฝึกยับยั้งชั่งใจ นับหนึ่งถึงสิบ-ร้อย-พัน ไปเรื่อยๆ นั่นเท่ากับว่า ได้ให้โอกาสตัวเองทบทวนที่มาแห่งปัญหา ซึ่งเผลอๆ อาจเป็นแค่เรื่องขี้หมา... ไม่มีอะไรเป็นประเด็นสำคัญสักนิด... เย็นไว้โยม!


และเมื่ออุณหภูมิใจค่อยๆ ลดระดับลงจนแทบเป็นปกติแล้ว... ผู้คนรอบข้างซึ่งต่างก็เผชิญภาวะเครียดกับพายุอารมณ์ของคู่กรณีก่อนหน้านี้ ก็จะเกร็งน้อยลงและสามารถพูดคุยกันอย่างปกติได้... แต่เชื่อเหอะ ความน่ารักน่าปรารถนาที่เคยมีให้ มันจะถูกลดระดับลงไปกว่าเดิมอย่างช่วยไม่ได้...

สำหรับเทคนิคการสื่อสาร เพื่อลดความขัดแย้งนั้น ตามตำรามักแนะนำให้บอกความต้องการของตัวเองแทนการตำหนิฝ่ายตรงข้าม... เช่น

“ฉันรู้ค่ะว่าฉันเป็นคนซีเรียส แล้วก็จู้จี้ ขี้บ่น ชอบบังคับมากไป แค่อยากให้บ้านเราสะอาดตา น่าอยู่ โดยพวกเราทุกคนพร้อมใจกันออกแบบตกแต่ง อย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว”

เมื่อได้ฟังเช่นนี้แล้ว คนฟังย่อมรู้สึกไปในทางที่ดี และจะพยายามเก็บของเข้าที่เข้าทาง... ไม่มีใครอยากโดนตำหนิดุด่า ว่าบ่นอยู่บ่อยๆ หรอก... เนอะ...


ความจริงอีกอย่างหนึ่ง คือ ทุกคนล้วนไม่ชอบให้ใครมาควบคุม สั่งการ หรือคอยแนะนำพร่ำเพรื่อ... อย่างเช่นเวลาที่ขับรถ เคยสังเกตไหมว่า ถ้ามีคนคอยบอกทางอยู่ตลอดเวลา มันช่างน่าอึดอัดใจที่สุด... เช่นนี้ คงต้องเปิดปากพูดไปตรงๆ “คุณคงพอมองออก ว่าฉันหงุดหงิดกับการที่คุณคอยบอกอย่างนั้นอย่างนี้เวลาฉันขับรถ... หากคุณทำอย่างนี้กับคนอื่น เขาอาจจะรับไหว... ฉันจะขอบคุณมากๆ ถ้าคุณจะนั่งเป็นเพื่อนไปเงียบๆ หรือเปิดเพลงเพราะๆ ให้ฉันฟัง ทำเพื่อฉันแค่นั้น ได้ใช่ไหม?”

อืมห์... ชัดมะ? ผู้ใดได้ฟังเข้าคงอึ้งและหุบปากสนิท! แม้ในใจจะเคืองปุดๆ ก็เหอะ


เมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นใครกี่คนก็ตาม... ควรต้องสังเกตด้วยความละเอียดอ่อน ว่ามี “คำที่ชวนทะเลาะ” ประเด็นไหนกับใครบ้าง คนบางคนมีลักษณะ “เซนซิทีฟ” เกินกว่าเหตุจริงๆ นะ ดังนั้น พึงหลีกเลี่ยงการใช้ “คำ” จุดชนวนทั้งหลาย เพื่อป้องกันผลลัพธ์อันเลวร้ายอย่างคาดไม่ถึง... แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดล่ะก้อ... ต้องเรียนรู้และฝึกฝนเพื่อความ 'สงบใจ' เชื่อฉันซี...

6 ความคิดเห็น:

  1. เมื่อมีใครทำให้เราโกรธ
    ขอให้ถามตัวเองว่า
    "เรารักเขาหรือไม่"

    หาก "รัก" จง "ให้อภัย"
    หาก "ไม่รัก" จง "อย่าใส่ใจ"

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ครึ่งรักครึ่งชังล่ะ... เอาไงดีหว่า... ???

      ลบ
  2. ลองสังเกตดู..เวลาโกรธจะหายใจเข้าแรงๆ
    เลือดสูบฉีดแรง หน้าจะแดง
    ระบบประสาททำงานเต็มที่
    เท่ากับเพิ่มความเครียด.ให้ตัวเอง

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เจร๊ยส์... หน้าเหมือนเทพเจ้ากวนอูเลยอ่า... เอิ๊กส์ๆ...

      ลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ26 พฤษภาคม 2556 เวลา 23:01

    โกรธแล้วได้รางวัลที่ถูกใจ..เลยต้องโกรธอยู่บ่อยๆ แบบนีก็มีค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อุย... ชวนให้คิดมากแฮะ... แบบว่า เอ้อ... ตบ-จูบ รึเปล่า?... เง้อ...

      ลบ

เมื่ออ่านจบแล้ว เมนต์หน่อยดีมั้ย? อะไรก็ได้ที่อยากให้ฉันได้รับรู้... จากคุณ!