หน้าฝนอย่างนี้... ต้นไม้ใบหญ้า งอกงามเขียวขจีขึ้นมาเร็วนัก...
ใครที่ชอบปลูกต้นไม้ ไม่ว่าจะเป็นสนามหญ้า ไม้ดอก ไม้ใบ ผักสวนครัว ผลไม้ หรือไร่นา... ต้องหมั่นดูแลต้นไม้เหล่านั้นให้ถี่กว่าเดิม... ฉันเอง เป็นคนหนึ่งที่รักต้นไม้ แม้ว่าจะกลัวหนอน กลัวไส้เดือน เป็นที่สุดก็ตาม... วันนี้ เจอยุงลายตัวโตมาก... ก็เลยได้โอกาสเล่าเรื่องสำคัญ...
หลายปีก่อน... พี่ปิ่น พยาบาลอาวุโสผู้ใจดี สนิทสนมกับหมอเบ้ง อายุรแพทย์สาวหล่อคนหนึ่ง... ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ ราวกับแม่-ลูกทั้งที่ไม่ใช่... พี่ปิ่นมีครอบครัวแสนอบอุ่น มีลูกโทน ซึ่งหล่อขั้นเทพและเพิ่งจบสถาปัตย์ เช่นเดียวกับคุณพ่อ... ชายหนุ่มสมัครงานไว้หลายแห่ง... รอเริ่มงาน ก็เลยไปเที่ยวเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตแบบสำรวจเชิงอนุรักษ์ มีเพื่อนๆ ไปกันหลายคน... ราวหนึ่งสัปดาห์กลับมาถึงบ้านด้วยสภาพอิดโรย ตัวร้อนจี๋ นอนซมอยู่ตามลำพังครึ่งวัน กว่าพ่อแม่จะกลับถึงบ้านในตอนค่ำ... พี่ปิ่นรีบเช็ดตัวลดไข้แล้วให้ทานยาพาราสองเม็ด คิดว่าแค่ไข้หวัดธรรมดา น่าจะรับมือไหว... รุ่งเช้าเป็นวันเสาร์... พี่ปิ่นต้องไปขึ้นเวรเช้า (8-16 น.) ลูกชายก็ยังไข้สูง ตัวแดง เรียกไม่ยอมลืมตา... เธอแซวว่าลูกชายอ้อนแม่ราวกับเด็กๆ... จากนั้น ก็เตรียมยาและอ่างน้ำไว้ให้คุณพ่อช่วยจัดการแทน... ครั้นพอสิบโมง สามีโทรศัพท์มาบอกว่าลูกไม่รู้สึกตัว... ก็รีบนำรถพยาบาลบึ่งมารับตัวลูกไปโรงพยาบาลในทันที... หมอซักประวัติ ตรวจร่างกายอย่างละเอียดทุกระบบอย่างรีบด่วน... ไม่นานก็วินิจฉัยได้ว่าเป็นโรค "ไข้เลือดออก"... ทีมงานวิ่งกันพล่านเพื่อช่วยเหลือหลายอย่างตามที่หมอสั่งการทุกสิบห้านาที... แต่อาการคนไข้กลับแย่ลงอย่างรวดเร็ว... และแล้ว ชายหนุ่มก็จากไปอย่างสงบเมื่อเวลาตีสาม... ท่ามกลางความเศร้าโศกของทุกคน... รวมถึงแพทย์เจ้าของไข้... หมอเบ้ง!... พี่ปิ่นเองแม้ว่าจะเข้าใจดีเรื่องโรค อาการและการรักษา... แต่ด้วยความเป็นแม่ เธอปฏิเสธการสูญเสียและกล่าวโทษต่อความไม่มีประสิทธิภาพของหมอ... เรื่องราวลุกลามไปถึงขั้นฟ้องศาล... ยืดเยื้อนานหลายปีไม่มีฝ่ายไหนยอมรับการเกลี้ยกล่อมทั้งสิ้น... อนิจจา...
ดูสิ... นี่แหละ คือ สาเหตุของโรคไข้เลือดออกจ้ะ... "ยุงลาย"
หากมีคนในบ้านเป็นไข้สูงลอย ข้ามวันข้ามคืน ควรรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลด่วน
เพื่อการวินิจฉัยโรคอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะการตรวจเลือด ในวันที่ 2-3 ของอาการไข้
หากเป็นไข้เลือดออกจริง ก็น่าเป็นห่วงมาก เพราะอาจช็อคจนเสียชีวิตได้ง่ายๆ
แม้ว่าทีมแพทย์-พยาบาล จะพยายามช่วยอย่างสุดความสามารถแล้วก็ตาม
ช่วงหน้าฝนอย่างนี้... มักมีน้ำขังนิ่งอยู่ตามแอ่งหรือภาชนะต่างๆ ซึ่งยุงชอบวางไข่
จากนั้นอีกไม่นาน... ผู้คนก็อาจเริ่มทะยอยป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก...
ฉันไม่อยากให้ใครสักคนต้องตกอยู่ในภาวะเสี่ยง... แบบนั้น
วันนี้... จึงอธิษฐาน ขอให้มีคนอ่านเรื่องนี้กันเยอะๆ
และเกิดสำนึกในการป้องกันควบคุมโรคด้วยตัวเอง ทุกๆ ครอบครัว... สาธุ
๑. ใช้ไม้ช็อตไฟฟ้า... มีข้อเสีย คือ ไม่สะดวกนำไปใช้ในห้องน้ำ...
๒. ฉีดสารเคมีกำจัดยุงและแมลง ที่มีขายทั่วไป... มีข้อเสีย คือ เหม็นและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
๓. ใช้น้ำยาล้างจาน แชมพูหรือสบู่เหลว อย่างใดอย่างหนึ่ง ในอัตรา ๑ ส่วน ผสมน้ำเปล่า ๔ ส่วน แกว่งเบาๆ พอเข้ากัน เทใส่กระบอกฉีดน้ำ แล้วนำไปฉีดพ่นฝอยละอองให้โดนยุงที่บินๆ หรือ เกาะอยู่ตามที่ต่างๆ ทั้งนอกบ้าน ในบ้าน ราวผ้า ชายผ้าม่าน ผนังห้องน้ำ หรือในภาชนะที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง... ได้ผลชะงัดนัก ทันทีที่ฝอยละอองโดนปีกหรือตัวยุง... รับรองตายแหงแก๋ ไม่มีหนีรอดไปได้สักตัวเดียว... อย่าว่าแต่ยุงเลย แมลงหวี่ที่ชอบตอมผลไม้หรือตอมน้องหมาก็ได้ผลเช่นกัน... ข้อสำคัญต้องพ่นไปที่เป้าหมาย จะโดนเฉี่ยวๆ หรือโดนจังๆ ก็ได้ผล... ไม่ต้องพ่นเป็นบริเวณกว้างให้สูญเปล่า ยิ่งพ่นบ่อยๆ ทุกวี่วันได้ยิ่งดี... ยุงตัวแก่จะได้หมดโอกาสไปวางไข่ที่ไหนๆ อีก... แค่นี้ ก็ตัดตอนวงจรชีวิตยุงได้อย่างไม่ยากเย็นเลย... ลองทำดูสิ !
กระบอกฉีดน้ำ อย่างดี ราคา 30-35 บาท
กับน้ำยาล้างจาน แชมพู หรือสบู่เหลว ที่มีใช้ตามบ้านอยู่แล้ว
มันยากเกินกว่าจะจัดการด้วยตัวเองตรงไหนหนอ?
ทำไมยังปล่อยให้ยุงขยายพันธุ์ได้เรื่อยๆ ทุกเมื่อเชื่อวันอยู่อีก
หรือว่าอยากจะลองป่วยดูก่อน... เพื่อทดสอบว่าหมอไทยมีฝีมือแน่แค่ไหน งั้นรึ?... ชิ
เจ๋งจริงๆ
ตอบลบอย่าเพิ่งเชื่อ จนกว่าจะพิสูจน์ด้วยตัวเองจ้ะ
ลบลองทำแล้วนะค่ะ ได้ผลจริงๆ ค่ะ ไม่ต้องคอยตบยุงอย่างเก่าเลย......
ตอบลบทำบ่อยๆ ล่ะ... ลองชวนคนอื่นๆ ทำเล่นหนุกๆ ดีกว่าป่วยเป็นไข้เลือดออก... อิอิ
ลบ