R.I.P.
บอก ตรงๆ ว่าฉันไม่ชอบวันนี้เลยจริงๆ ด้วยยังคงจดจำการจากไปของพ่อได้ดี ภาพสุดท้ายของพ่อติดตาอยู่เสมอราวกับว่าพ่อยังคงนอนหลับพริ้มอยู่บนเตียงเฉก เช่นทุกครั้งที่แวะเวียนไปดูแล ทั้งเช้าเที่ยงบ่ายและหัวค่ำของทุกๆ วัน เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มในห้องไอซียูศัลยกรรมของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งเป็น ที่ทำงานของฉันเอง... รูปกายที่สูงใหญ่ของพ่อ นอนราบลงในเตียงคนไข้ได้พอดี แทบไม่เหลือที่ว่างหัวเตียงปลายเตียง... ผมของพ่อสีขาวเทาดกเต็มรูปศีรษะทุย คิ้วหนาเป็นปื้น หนวดและเคราดกเป็นแนวครึ้มจนต้องโกนให้ทุกเช้า... วันไหนรีบมากหากต้องออกเยี่ยมบ้านในชุมชนแต่เช้า ก็จะโกนหนวดเคราให้พ่อได้แค่ซีกเดียวก่อน กะว่าตอนบ่ายๆ กลับมาถึงค่อยแว่บมาพลิกตะแคงตัวแล้วโกนอีกซีกที่เหลือให้... เอาเข้าจริง น้องๆ พยาบาลก็ช่วยจัดการให้เสร็จสรรพ ดูสะอาดเอี่ยมอ่องเรี่ยมเร๊เรไรทุกวี่วัน แถมพากันชมเปาะว่าอากงช่างหล่อไม่เกรงใจใคร แม้จะอายุ 91 ปี ก็ยังคมเข้มชวนมอง... พ่อใครน้า?
11 มกราคม 2550 ฉันตั้งใจไปเยี่ยมพ่อเช้ากว่าปกติ ก่อนถึงเวลาเปิดให้ญาติรายอื่นๆ เข้าเยี่ยมได้... ทันทีที่ฉันปรากฎตัวตรงหน้าประตูด้วยจิตใจที่ห่วงใยจนสุดบรรยาย ยังมิทันได้เอื้อมมือแตะหรือเคาะประตู ก็มีคนจากข้างในเปิดประตูให้ซะก่อน ใครคนนั้นคงทันได้เห็นหยาดน้ำรื้นที่เอ่อทะลักล้นขอบตาพอดี... ฉันพึมพำขอบคุณเบาๆ แล้วปรี่ไปยังเตียงที่พ่อนอนอยู่อย่างรวดเร็ว ประคองมืออุ่นๆ ของพ่อให้วางทาบลงบนกะหม่อมของตัวเอง หลับตาลงและปล่อยให้สายน้ำไหลรินอาบสองแก้มพร้อมเสียงสะอื้นเบาๆ อย่างสุดกลั้น... คำพูดที่ไม่สามารถหลุดจากปากได้ตอนนั้น... พ่อจ๋า วันนี้ ช่วยอวยพรวันเกิดให้หนูหลีของพ่อเข้มแข็งด้วยนะจ๊ะ และได้โปรดอย่าเพิ่ง ทิ้งหนูไป...
ด้วยความรับผิดชอบในโครงการที่มีแต่ผู้คนปฏิเสธ... จำต้องเช็ดน้ำตาและกล้ำกลืนความห่วงใย ปรับสีหน้าให้ปกติแล้วเดินกลับออกไปยังตึกใหญ่เพื่อเริ่มงาน สมาธิทั้งมวลมุ่งมั่นจรดจ่อเพื่อมิให้มีข้อผิดพลาด อีกไม่เท่าไหร่แล้วสินะที่ภาระในมือจะเสร็จสิ้นเสียที ฉันเตรียมร่างเอกสารประเมินผลไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะเดินไปเก็บข้อมูลสำคัญจากแหล่งอ้างอิงต่างๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์และรวบรวมสรุป เติมเต็มไปเรื่อยๆ คงจะสมบูรณ์ได้ภายในสัปดาห์นี้ จากนั้น จะได้ขอลาพักร้อนดูแลพ่อจริงๆ จังๆ สักหน่อย...
วันถัดมา ฉันทำงานตามปกติ วางใจว่าพี่สาวเฝ้าพ่ออยู่มิห่าง... วันนั้นเดินประสานงานจนขาลากจากตึกนี้ชั้นนี้ ไปอีกหลายตึกและหลายชั้น... การทำงานกับผู้คนระดับหัวกะทินี่มันช่างไม่ง่ายเลยพับผ่าซี... นอกจากจะไม่ฟังแล้วยังไม่ค่อยให้ความร่วมมือด้วย ฮื่ยส์!... มิน่า ถึงไม่มีใครสักคนยอมรับผิดชอบต่อโครงการนี้ แม้จะมีบทบาทหรือวัยวุฒิ-คุณวุฒิเหนือกว่าฉันก็ตาม... จะมีก็แต่ 'ผู้ใหญ่' ที่คอยแต่จะเรียกไปซักไซ้ไล่เรียงเอาความคืบหน้าจากฉันเป็นระยะๆ เท่านั้น... เฮ้อ!
ตื๊ดๆๆๆๆๆ... มือถือสั่นพรึ่ดๆ ในกระเป๋า พอควักออกมาก็เห็นชื่อพี่สาวหรา!
"คุณหมอขอพบญาติด่วน ที่องค์กรแพทย์ ชั้น 7 " พี่สาวพูดเสียงเครือ ทำเอาใจหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม รอบกายคล้ายจะหมุนคว้างในบัดดล ไม่นะ อย่าเพิ่งวูบตอนนี้สิ... หนูหลี
วันถัดมา ฉันทำงานตามปกติ วางใจว่าพี่สาวเฝ้าพ่ออยู่มิห่าง... วันนั้นเดินประสานงานจนขาลากจากตึกนี้ชั้นนี้ ไปอีกหลายตึกและหลายชั้น... การทำงานกับผู้คนระดับหัวกะทินี่มันช่างไม่ง่ายเลยพับผ่าซี... นอกจากจะไม่ฟังแล้วยังไม่ค่อยให้ความร่วมมือด้วย ฮื่ยส์!... มิน่า ถึงไม่มีใครสักคนยอมรับผิดชอบต่อโครงการนี้ แม้จะมีบทบาทหรือวัยวุฒิ-คุณวุฒิเหนือกว่าฉันก็ตาม... จะมีก็แต่ 'ผู้ใหญ่' ที่คอยแต่จะเรียกไปซักไซ้ไล่เรียงเอาความคืบหน้าจากฉันเป็นระยะๆ เท่านั้น... เฮ้อ!
ตื๊ดๆๆๆๆๆ... มือถือสั่นพรึ่ดๆ ในกระเป๋า พอควักออกมาก็เห็นชื่อพี่สาวหรา!
"คุณหมอขอพบญาติด่วน ที่องค์กรแพทย์ ชั้น 7 " พี่สาวพูดเสียงเครือ ทำเอาใจหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม รอบกายคล้ายจะหมุนคว้างในบัดดล ไม่นะ อย่าเพิ่งวูบตอนนี้สิ... หนูหลี
"จ้ะ จะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย" ฉันพูดสั้นๆ กับพี่สาวที่ทิ้งครอบครัวมาอยู่เป็นกำลังใจให้ฉันและคอยดูแลพ่อด้วยกันตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา... ก่อนจะออกเดินแกมวิ่งไปยังที่หมาย ลืมไปเลยว่าตัวเองเคยลื่นล้มเข่าหักและกลัวพื้นหินขัดอย่างที่สุด... เมื่อไปถึงที่หมาย คุณหมอเจ้าของไข้มองหน้าตาตื่นๆ ไร้สีสันของฉันนิ่งอยู่อึดใจ ก่อนจะพูดแบบไม่อ้อมค้อมว่า 'ให้ทำใจ' ฉันอึ้งไปนานเท่าไรไม่รู้ หูก็ไม่ได้ยินว่าคำอธิบายอื่นๆ มีอะไรอีกบ้าง... ตอนนั้นในหัวของฉันอึงอลไปด้วยคำถามที่ไม่รู้จะขอคำตอบจากใคร...พ่อหลับสบายอยู่ดีๆ มิใช่หรือ ไออุ่นจากมือของพ่อที่วางบนหัวเมื่อวานยังไม่จางไปเลยนี่นา... เกิดอะไรขึ้น? ทำไม?
ผ้าเช็ดหน้านุ่มๆ ที่ยื่นมาซับน้ำตาเรียกสติของฉันคืนมา... ก่อนจะโผเข้าหาอ้อมอกที่คุ้นเคยซึ่งไม่รู้ว่ามาอยู่นี่ได้ยังไงตั้งแต่ตอนไหน... "ไปหาพ่อกันเถอะ" พี่ชายเอ่ยปากชวนพร้อมกับจูงมือให้ก้าวตามไปช้าๆ คงรู้ดีว่ายามนั้นฉันมองไม่เห็นทางเดินหรอก เพราะน้ำตาไหลพรากออกอย่างงั้นใช่ว่าจะหยุดมันลงได้ง่ายๆ... "พี่มีคนไข้รอตรวจอีกหลายคน คืนนี้อยู่เวรใน ถ้ามีอะไรก็โทรหานะ" เขาส่งฉันถึงมือพี่สาวชิดขอบเตียงของพ่อ แล้วขอตัวไปทำงานต่อ... วิชาชีพของพวกเรายังไงซะหน้าที่ต้องสำคัญและมาก่อนเสมอ ละทิ้งไม่ได้...
สองคนพี่น้องเรา ได้รับความอนุเคราะห์เป็นอย่างดีจึงมีโอกาสอยู่กับพ่ออย่างใกล้ชิดเต็มที่ มือหนึ่งเกาะกุมมือของพ่อไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งวาดแขนโอบกอดพ่อแทนคำพูดว่ารักหมดดวงใจ... พ่อจ๋า... ทูนหัวของลูก หลับให้สบายนะจ๊ะ... หนูรักพ่อและจะมีพ่ออยู่ในใจตลอดไปจ้ะ
เกิดแก่ เจ็บตาย หลีกหนีไม่พ้น
ตอบลบเสียใจด้วยครับคุณหนูหลี สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือทำบุญ และตรวจน้ำไปให้ท่านครับ
อ่านแล้วซึมเลย และรับรู้ถึงความรู้สึกสูญเสียเช่นเดียวกัน
ตอบลบมันแปลกนะสิบกว่าปีมาแล้วภาพก็ยังติดตาอยู่เหมือนเดิม คงเหมือนกับเจ็ดปีของผู้เขียนและคิดว่าไม่น่ามีอะไรมาลบได้เพราะเป็นความผูกพัน
หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่านเถอะนะ เป็นสิ่งที่อาจช่วยคลายความคิดถึงได้บ้าง / ขอให้มีความสบายใจกับสิ่งที่ทำอยู่นะ คนดี
miz u
สังขารทั้งหลายมีความสิ้นสลายเป็นธรรมดา ไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นได้
ตอบลบจากกันแบบนี้เป็นสัจจธรรมจริงๆ ธรรมะช่วยบรรเทาเรื่องจิตใจได้ดีทีเดียว
แต่การจากกันทั้งยังมีลมหายใจ การเอาชนะใจตนเอง หรือการไม่ยึดติด
ตามที่นักปราชญ์แนะนำไว้ ถ้าทำได้ทุกเรื่องคงดีสินะ ยัง ยัง ฉันไม่ได้เป็นอริยะ..นะ