วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555

เพราะ... รัก

"รัก"
คำเดียวสั้นๆ... แต่มีความหมาย... ซะมากมาย...
เป็นที่ต้องการของใครต่อใคร ต่อใครๆ และใคร ไม่มีที่สิ้นสุด
ลองไปถามดูเถิดหนา... กับทุกคน
ทุกเพศ ทุกวัย ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา ทุกอาชีพ ฯลฯ
หาผู้ใดสักคนที่จะปฏิเสธซึ่งความรัก หามีไม่ แม้กระทั่ง... 
 
 
"ฉัน"
พูดถึงเรื่องความรัก ต่อให้คนที่ยังไม่เคยตกหลุมรักใครสักคนเข้าอย่างจริงๆ จังๆ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะฝันๆ เพ้อๆ คิดว่ารักใครบางคนเข้าแล้วอย่างหมดหัวใจ ทั้งที่ไม่เคยได้ทำความรู้จักสนิทสนม เรียนรู้นิสัยใจคอกันมาก่อนซักนิด ส่วนใหญ่มักหลงเคลิ้มไปว่าชายหรือหญิงในดวงใจเป็นคนหน้าตาหล่อ-สวย ไว้เป็นเบื้องต้นก่อนเสมอ ส่วนเรื่องบุคลิกภายนอก ภายใน เทือกเถาเหล่าก่อ กิริยาวาจา หรือแม้กระทั่งศักยภาพส่วนบุคคลด้านต่างๆ หามีใครสนใจอย่างจริงๆ จังๆ ไม่... นี่เป็นเรื่องแปลกแต่จริง! ของผู้คนยุคนี้  
อยากจะรู้นัก ถ้าหากว่าวันใดวันหนึ่งพระผู้เป็นเจ้าเกิดเมตตาประทาน เขาหรือเธอ ผู้นั้น ให้มาได้ครองคู่ด้วยโดยไม่ต้องออกแรงตามจีบให้ยุ่งยาก... จะอยู่กันยืดไปได้กี่น้ำ เอ๊ย กี่เพลาเชียว... เฮ้อ...


เหมือนฝนตกตอนหน้าแล้ง
เหมือนเห็นสายรุ้งขึ้นกลางแจ้ง
เหมือนลมหนาวเดือนเมษา
เหมือนว่าใจอ่อนล้ากลับแข็งแกร่ง

เหมือนคนกำลังมีรัก
เหมือนคนหลงทางพบคนรู้จัก
เหมือนเจอของสำคัญที่หล่นหาย
เหมือนร้ายนั้นกลายเป็นดีมากล้ำ...
เหมือนที่ฉันนั้นได้มาพบกับเธอ
ชีวิตฉันจึงได้เจอ

แต่ไม่รู้จะขอบคุณ ไม่รู้ทำอย่างไร
ไม่รู้ว่าสิ่งไหนจะยิ่งใหญ่ควรค่าพอ
ที่ฉันได้จากเธอ ได้รักโดยไม่ต้องขอ
ได้รู้โดยไม่ต้องรอ... ว่ารักคืออะไร

โอ้...เธอ...
ทำให้ฉันรู้จัก... "ความรัก" ที่ไม่มีเงื่อนไขใด
ได้มามีเธอนั้นเป็นคนให้
หัวใจ... อยากให้เธอรู้

แต่ไม่รู้จะขอบคุณ ไม่รู้ทำอย่างไร
ไม่รู้ว่าสิ่งไหนจะยิ่งใหญ่ควรค่าพอ
ที่ฉันได้จากเธอ ได้รักโดยไม่ต้องขอ
ได้รู้โดยไม่ต้อง รอ... ว่ารักคืออะไร
ได้รู้โดยไม่ต้อง รอ... ว่ารักคืออะไร

ได้รู้โดยไม่ต้อง รอ... ว่ารักคืออะไร

        

สำหรับฉันแล้ว... ความรัก... มิใช่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ
กว่าจะเปิดใจรับรักใครสักคน ฉันคิดแล้วคิดอีกว่าจะไปรอดได้หรือเปล่า
มีอะไรดีๆ ที่ประทับใจบ้าง... จะทำได้เสมอต้นเสมอปลายไหม?
มีอะไรเสียๆ ที่จะต้องทำใจมองข้ามมันไปให้ได้... บ้าง?
ที่สุดแล้ว ก็ได้สัมผัสด้วยตัวเอง
ได้มีความรัก มีคนรัก เป็นของตัวเอง
ได้ดื่มด่ำกับความสุขและสัมผัสรสชาดความทุกข์อันเกิดจากรัก... เช่นกัน

คนรักของฉัน
เค้า... เป็นคนดี ดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ดีทั้งกาย วาจา ใจ และ ดีกับทุกๆ คน
ฉันเลือกแล้วเลือกอีก กว่าจะตัดสินใจเลือก "เขา"
ฉันเลือกเขาด้วยเหตุและผล มิใช่ด้วยอารมณ์รักใคร่ในตัวเขาเท่านั้น
เรารักกัน รักกันมายาวนาน ยิ่งนานก็ยิ่งรักและผูกพัน

แต่แล้ว... ก็มีคนอื่น ที่มองเห็นความดีของเขาไม่ยิ่งหย่อนกว่าฉัน
และฉัน... อยากให้คนรักของฉันมีความสุข
ดังนั้นฉัน... จึงยอมเป็นผู้จากมา... ซะ
หวังให้คนที่ฉันรักไม่ต้องลำบากใจที่มีฉัน
หวังว่าเขาจะลืมฉันได้ง่ายๆ

ฉัน... รู้ดีว่า ตัวเองทำอะไรลงไป
ฉัน... รู้ดีว่า ยามนี้ควรต้องคิดอย่างไร จึงจะเข้มแข็งขึ้นมาได้
หากแต่หัวใจของฉัน... มันเจ็บปวดอย่างเหลือเกินแล้ว

เพราะ... รัก



วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555

โดนใจจัง เบ้อเร่อเลย...

เพลงนี้... ชื่อ
 "จากคนหนึ่ง ถึงอีกคน"
ลองฟังดูเถิดหนา... ฟังสิ ฟัง...


คนหนึ่งอยากจะรู้ อีกคนไม่อยากให้ถาม
คนหนึ่งคอยวิ่งไล่ตาม อีกคนก็เดินหนีไป
คนหนึ่งคอยตรงนี้ อีกคนไปอยู่ที่ไหน
คนหนึ่งบอกว่าเหงาใจ อีกคนว่าน่าระอา

คนหนึ่งอยากไปหา อีกคนก็กลับห่างหาย
คนหนึ่งอยากนั่งใกล้ๆ อีกคนไม่ยอมสบตา
คนหนึ่งโทรทุกครั้ง อีกคนไม่เคยโทรหา
คนหนึ่งแบกรักเต็มบ่า อีกคนไม่แคร์อะไร

คนหนึ่งหาเรื่องคุย อีกคนหนึ่งหาเรื่องวาง
คนหนึ่งทำแทบทุกอย่าง อีกคนไม่เคยสนใจ
คนหนึ่งคิดถึงกัน อีกคนหนึ่งคิดถึงใคร
ขณะคนหนึ่งรักมากมาย แต่อีกคนทำไมน้อยลง

คนหนึ่งบอกว่ารัก อีกคนไม่อยากจะรู้
คนหนึ่งยังเหมือนเดิมอยู่ อีกคนทำไมเปลี่ยนไป
คนหนึ่งห่วงเสมอ อีกคนหนึ่งห่วงอยู่ไหม
คนหนึ่งยังนั่งร้องไห้ อยากรู้หัวใจอีกคน

คนหนึ่งหาเรื่องคุย อีกคนหนึ่งหาเรื่องวาง
คนหนึ่งทำแทบทุกอย่าง อีกคนไม่เคยสนใจ
คนหนึ่งคิดถึงกัน อีกคนหนึ่งคิดถึงใคร
ขณะคนหนึ่งรักมากมาย อีกคนทำไมน้อยลง

คนหนึ่งหาเรื่องคุย อีกคนหนึ่งหาเรื่องวาง
คนหนึ่งทำแทบทุกอย่าง อีกคนไม่เคยสนใจ
คนหนึ่งคิดถึงกัน อีกคนหนึ่งคิดถึงใคร
ขณะคนหนึ่งรักมากมาย แต่อีกคนทำไมน้อยลง

คนหนึ่งคิดถึงกัน อีกคนหนึ่งคิดถึงใคร
ขณะที่ฉันรักมากมาย แต่ว่าเธอทำไมน้อยลง

เฮ้อๆๆๆๆ... เฮ้อ!
คิดๆ ไป ก็เหมือนกับโชคชะตาฟ้าเบื้องบนเล่นตลกกะเรา...หลายๆ คน... เนอะ
ทำยังไง จะให้ผู้คนทั้งหลายทั้งปวงรวมทั้งตัวเราเอง... สมหวังในทุกๆ อย่าง?
ฉันจะหาคำตอบนี้ได้ที่ใด? จากใคร?
กลัวจัง... กลัวได้รับคำตอบปฏิเสธอ่ะ...

ถ้าหากให้เดาใจผู้คนว่ามีความคิดเห็นเช่นใดในเรื่องลิขิตฟ้าดิน... คงจะยากส์
แต่ฉันก็พอจะหามาให้เพื่อนๆ อ่านได้... จริงๆ นะ...
และข้อความต่อไปนี้... คือ ความคิดคำนึงของผู้คน... เมื่อได้ฟังเพลงนี้จบลง
จะเหมือน, แตกต่าง หรือใกล้เคียงกับคุณรึเปล่า? ก็พิจารณาเองเถิดหนา...
  • บางคนอยากซื้อ"เวลา"เพื่อให้ทุก­อย่างยัง"เหมือนเดิม"
  • แต่บางคนมี"เวลา"อยู่มากมาย แต่กลับ"ทำลาย"ทุกอย่างให้แย่ลง­
  • ผมก็เปนอีกคนที่ทุ่มเททั้งชีวิต­ไปแต่กลับได้ความเย็นชาไร้ซึ้งค­วามใส่ใจ TT
  • เป็นกำลังใจให้ใครหลายๆคน ทั้ง ญ และ ช ครับ
  • เลววววววววว TT
  • น่ารักคร๊า....
  • คนหนึ่งบอกว่ารัก อีกคนไม่อยากจะรู้
  • เวลาและความห่างไกล...ทำให้ใจคน­เปลี่ยน 
  • ไม่รู้นะว่าอินกับเนื้อเพลงมาเก­ินไปไหม นู๋ถึงโสดอย่างนี้ไง
  • ขณะคนนึงรักมากมาย แต่อีกคนทำไมน้อยลง
  • ฟังเพลงนี้แล้ว นึกถึงแฟนเก่า 555+ อย่าได้แคร์
  • บางครั้งความรักมันยากที่จะพูดอ­ยู่ด้วยกันก็ทะเลาะห่างกันก็คิด­ถึงจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่มันเศร้า­จนอธิบายไม่ถูก
  • รู้จักกันมา 1 ปีแล้วมันก็จบลงอย่­างเจ็บช้ำที่สุด รักของเราไม่เท่ากัน ฉันรักเธอเธอบอกฉันแค่เหงา
อ่านแล้ว... ก็ขำๆ ตลกๆ... เถิดหนา... อย่าคิดรัยมากเลย... ปวดหัวเปล่าๆ...  นะ นะ


วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2555

ฉันเกลียด... ถนน


ไม่รู้เป็นไง ทุกครั้งทีทอดสายตาไปตามถนนยามรุ่งสางหรือใกล้ค่ำ ฉันรู้สึกอ้างว้างจัง
ยิ่งอากาศเย็น ขมุกขมัว ยิ่งเหงาจับใจ
อารมณ์เปล่าเปลี่ยวเดียวดายมันเกิดขึ้นมาเอง
บางที... ก็หาสาเหตุไม่ได้



"อย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย" ศิลปิน : พัชรา แวงวรรณ (ดิโอเวชั่น)
เมื่อฉันพบเธอฉันเกลียดถนน  เพราะทำให้เราสองคน ต้องพรากจากกัน 
เมื่อฉันพบเธอฉันเกลียดตะวัน เพราะทำให้ฉันโศกศัลย์ นับวันรอเธอ 
เกลียดแม้ยามหลับ สมองเหมือนกับหยุดความเพ้อเจ้อ 
เกลียดทุกคนที่ใกล้เธอ ปล่อยฉันละเมอเดียวดาย 
เมื่อฉันพบเธอฉันเกลียดโชคร้าย เพราะทำให้ฉันกลับกลาย 
เป็นคนรักเธอ... ข้างเดียว


อันสุขทุกข์อยู่ที่ใจ... ไม่ใช่ไม่รู้ 
ก็จริงอยู่ไม่อยากทุกข์... อยากสุขสันต์
แต่จะทำฉันใด... อย่างไรกัน
เพราะว่าฉัน... โดดเดี่ยว และ เดียวดาย...
 

ฉะนั้นแล้ว
ฉันจึงได้แต่เล่น g+ & guitar ไปวันๆ
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไป 
ย้อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์ 
ถึงมนุษย์ครุฑทาเทวราช 
จัตุบาทกลางป่าพนาสิน 
แม้นเราเกากีตาร์ให้ยลยิน 
ก็สุดสิ้นโทโสที่โกรธา 
ให้ใจอ่อนนอนหลับลืมสติ 
อันลัทธิดนตรีดีนักหนา 
ซึ่งสงไสยไม่สิ้นในวิญญา 
จงนิทราเถิดจะเกาให้เจ้าฟัง 

วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2555

รักเพื่อน... เพื่อนรัก


วันนี้ฉันขอ... ขอแถลง เอ้ย เขียนเรื่องความรู้สึกรักในแง่มุมอื่นๆ... บ้างดีกว่า
ถ้าคุณได้ติดตามอ่านเรื่องเล่าของฉันมาโดยตลอด คงพอจำได้ว่า ฉันมีต้นแบบรักนิรันดร์มาตั้งแต่วัยเยาว์ และคิดเพ้อเจ้อไปว่าตัวเองได้คู่รักนิรันดร์มาเป็นของส่วนตั๊วส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว...
หากแต่คุณคนสวยผู้เป็นนางเอกของฉัน... คุณเธอเป็นหนอนหนังสือศาสตร์และศิลป์แห่งความรักตัวยง... ชอบยิงคำถามดีนัก เรื่องซุกซอกอกมั่งหล่ะ ซบแผ่นหลังงี้ จูบปาก...ฯลฯ  ฮื้อ... ก็บอกไปแล้วว่าฉันเป็นคนขึ้อาย... จะให้เขียนประเจิดประเจ้อจนคนโสดไม่โสดเห็นภาพในมโนนึกชัดแจ๋วเลยทีเดียวรึ? ฉันคงทำเช่นนั้นไม่ได้ดอก... เพราะฉันเองก็ไม่เก่งฉกาจอะไรเลยทั้งในเรื่องทฤษฎีแห่งความรัก รวมถึงภาคปฏิบัติทั้งหลายทั้งปวงนั่นด้วย... โธ่ ก้อหากว่าฉันเก่งจริง ทำไม้ ทำไม จะต้องมานั่งเศร้าร้าวรานอยู่อย่างนี้... จริงมะ? พอเลย... ไม่เอาดีกว่า... เปลี่ยนๆ เปลี่ยนไปเขียนเรื่องที่ไกลๆ ตัวหน่อยเหอะ ท่าจะปลอดภัยกว่ากันเยอะ ว่ามะ?

เจ้าตัวเล็กของฉันมันใจดีขนาด เดือนก่อนก็ถอยกีตาร์คลาสสิกให้ตัวนึง เดือนนี้มันก็สั่ง Ipad ให้ฉันด้วย ทำให้สะดวกต่อการค้นหาข้อมูลและการพิมพ์... อยู่ที่ไหนๆ ก็ทำได้... ดีจังเลย...

และนี่ไง... ขณะที่แช่ตัวอยู่ในน้ำอุ่นๆ 
ฉันค้นเจอเรื่องดีๆ เข้า
จึ่งนำมาให้คุณอ่านด้วย... อ่านซะ นะ




เพียงรักเต็มหัวใจ...... กำลังใจเต็มทรวง

คำจำกัดความ ของคำว่าเพื่อน ...
มันมากเกินบรรยาย

ห่วงใย ให้กำลังใจ ดูแลกันและกัน
มีรอยยิ้ม มีกำลังใจ มีให้อภัยให้แก่กัน
ในความเป็นเพื่อน
คิดถึง หนังสือ เล่มโปรด กับ เรื่องราวของมิตรภาพ

บางตอนจากหนังสืเล่มโปรด...

ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดว่า ได้โปรดกล่าวถึง
"มิตรภาพ"
และท่านตอบว่า
มิตร คือคำตอบต่อความต้องการของเธอ
เขาเป็นเสมือนท้องทุ่ง
ที่เธอหว่านด้วยความรัก และเก็บเกี่ยวด้วยความขอบคุณ
และเขาเป็นดุจโต๊ะอาหารและร่มไม้ของเธอ
ด้วยเหตุว่า
เธอมาสู่เขาด้วยความหิวโหย และ
เธอใฝ่หาเขาเพื่อความสงบใจ
เมื่อเพื่อนพูดเปิดอก
เธอย่อมไม่กลัวที่จะขัดแย้งหรือสนับสนุน
และเมื่อเขานิ่งเงียบ
ดวงใจของเธอก็มิได้หยุดฟังสำเนียงจากดวงใจของเขา
เพราะในมิตรภาพนั้น
ความนึกคิด ความปรารถนา
และความมุ่งหวังทั้งหลาย ย่อมอุบัติขึ้น
และร่วมรับรู้ด้วยกันในความสงัด
และด้วยความปราโมทย์อันไร้คำกล่าวใดๆ
เมื่อยามต้องจากเพื่อน เธอก็ไม่เศร้าโศก
เพราะคุณธรรมในเขาอันเธอรักยิ่งนั้น
จะปรากฏชัดแจ้งขึ้นในยามห่างไกล เช่นเดียวกับที่
ชาวเขาจะเห็นยอดผาชัดแจ้ง ก็ต่อเมื่อ
มองดูจากทุ่งราบเท่านั้น

และขออย่าได้
มีความมุ่งหมายใดๆในมิตรภาพเลย
นอกจาก......
เพื่อขยายดวงวิญญานให้กว้างขวางลึกซึ้งขึ้น

เพราะความรักที่มุ่งหวังสิ่งใดอื่น
นอกจากเพียงเพื่อเปิดเผยความล้ำลึกของตนเองนั้น
มิใช่ความรัก แต่เป็น
ร่างแหที่ถูกเหวี่ยงทอดออก และ
จะจับเอาไว้ได้ก็แต่สิ่งที่ไร้คุณค่าเท่านั้น

"ระวี ภาวิไล" ...... ถอดความจาก  The Prophet



ไงล่ะ อ่านแล้วได้ข้อคิดสะกิดใจอะไรบ้างมั้ย?
มุมมองความรักที่เคยอยากมี อยากได้ มันยังเหมือนเดิมหรือเปลี่ยนไปบ้างไหม?
ที่ผ่านๆ มา... คุณหวังอะไรจากความรักหรือคนรัก... หนอ?
และจากนี้จนสิ้นใจ... คุณจะคิดต่างองศาไปหรือไม่ จะปฏิบัติต่อผู้เป็นที่รักยังไง?
ความรักของคุณเป็นรูปแบบไหน เพื่อเป้าประสงค์อันใด?
ถามหัวใจตัวเองให้ดีเถิดหนา... เพื่อนเอ๋ย... 
และก่อนที่จะรักใครๆ... ก็ต้องรักตัวเองให้เป็นเสียก่อน... รู้หรือเปล่า?
มีใครบ้างมั้ยที่รักตัวเองแบบเจตนาไม่บริสุทธิ์
เปล่าซะหน่อย! 

วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2555

เหตุผลที่ควรอยู่ด้วยกัน... ต่อไป


เหตุผลที่คนควรอยู่ด้วยกัน 
ก็เพราะไม่มีใครจะดีพร้อมได้ดังฝันไปทุกที่
เธอควรจับมือฉัน เพื่อแบ่งสุขทุกข์ เหล่านั้นที่เรามี 
ทุกหัวใจ ควรเปิดใจให้กันวันนี้ เพราะวันพรุ่งนี้ที่ดีๆ มันน่าจะ... มีจริงๆ

คนบางคน... หลายๆ คน เกิดมาแล้ว มีวัน เวลาที่ดีๆ 
ขณะที่ คนบางคน... หลายๆ คน ยังคงวนเวียนหาทางออกไม่เจอสักที 

โลกมันก็เป็นเช่นนี้แหละ... เนอะ
มีคนได้ในสิ่งหนึ่ง.... ย่อมต้องมีคนเสียอีกสิ่งหนึ่ง... เสมอ
เพื่อรักษาสภาพสมดุลย์ของอะไรก็ไม่รู้...

  

ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้นแล้วหนา
รู้แล้วใช่ว่าจะช่วยให้อะไรต่อมิอะไรมันดีขึ้นมาได้...
ปล่อยมัน... ช่างหัวมัน... ปล่อยมัน

และ
อยู่ด้วยกัน... ต่อไป



วันศุกร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2555

หมดแรงแล้วจริงๆ

เพลง... คนคนนี้กำลังหมดแรง 
โดย... โรส ศิรินทิพย์ Forever Love Songs 2


เพลงนี้... ไพเราะจับใจ... 
ฟังทีไร เป็นต้องเสียน้ำตาไปซะทุกครั้ง...
แม้ว่าฉันไม่เหมือนคนในเพลง... 
ก็เพราะฉัน... เป็นเจ้าของตัวจริง ต่ะหาก
ฉันยอมเป็นคนหมดแรงเสียเอง...
เพื่อ... ให้คนที่ฉันรัก... มีความสุข

ฮื้อม์ๆ... เหมือนฉันสร้างวิมานในอากาศ... ตลอดมา
ทั้งทั้งที่รู้ตัวเองไม่เป็นที่ต้องการ
มันเป็นเพียงความฝันลมลมแล้งแล้งเท่านั้น
รู้ดีว่ามัน... ไม่มีทางเป็นจริง

โลกทั้งโลกของเธอมันช่างสดใสและสวยงาม
เพราะแสงตะวันกำลังขึ้นทางทิศของเธอ
ตรงกันข้ามกับฉัน... ตะวันกำลังตกดิน
เมื่อรู้ว่าเธอ... จะมีข่าวดี

เธอเป็นของเขา ก็รู้ก็เข้าใจดี
แต่มันห้ามใจไม่ได้สักที
ทั้งหัวใจของฉันมันรักเธอ... รักเธอ
เธอรู้ไหมฉันจะตาย...
เมื่อมองเห็นเธอกับเขาทีไร
เหมือนว่าคนคนนี้ กำลังหมดแรง...

ทั้งที่รู้ว่าเธอให้เป็นแค่เพื่อนเท่านั้น
จะคิดทะเยอทะยานทำไมก็รู้ดี
เส้นที่เธอขีดไว้... ให้เป็นได้แค่เท่านี้
ก็ลืมทุกที... ว่าเธอมีเจ้าของ

เธอเป็นของเขา ก็รู้ก็เข้าใจดี
แต่มันห้ามใจไม่ได้สักที
ทั้งหัวใจของฉันมันรักเธอ... รักเธอ
เธอรู้ไหมฉันจะตาย... เมื่อมองเห็นเธอกับเขาทีไร
เหมือนว่าคนคนนี้ กำลังหมดแรง

เธอเป็นของเขา ก็รู้ก็เข้าใจดี
แต่มันห้ามใจไม่ได้สักที
ทั้งหัวใจของฉันมันรักเธอ... รักเธอ
เธอรู้ไหมฉันจะตาย... เมื่อมองเห็นเธอกับเขาทีไร

ยังตัดใจจากเธอไม่ได้สักที
และ... คนหนึ่งคน... คนนี้... กำลัง... หมด... แรง
.
.
.
เตกิล่า หิ ... อัตนาโน นาโถ... กี่แก้ว ๆ ก็ ม้าย-มาวววส์... 
ฉันคนนี้... ทนไม่ได้หรอกหนา
ที่จะเห็นใครต้องมาหมดแรงไป... เพราะฉัน
ได้แต่หวังว่า... เธอทั้งคู่ จะทนได้... เมื่อเห็นฉันเป็นคนหมดแรงแล้วจริงๆ
ขอให้มีความสุขมากๆ นะจ๊ะ ... ที่รักของฉัน

Take me to your heart

Take me to your heart
Take me to your heart
Take me to your heart
Take me to your heart
Take me to your heart




Hiding from The Rain and Snow 
Trying to forget but I won't let go 
Looking at a crowded street 
Listening to my own heart beat 

So many people all around the world 
Tell me where do I find someone like you girl 

Take me to your heart take me to your soul 
Give me your hand before I'm old 
Show me what love is - haven't got a clue 
Show me that wonders can be true 

They say nothing lasts forever 
We're only here today 
Love is now or never 
Bring me far away 

Take me to your heart take me to your soul 
Give me your hand and hold me 
Show me what love is - be my guiding star 
It's easy take me to your heart 

Standing on a mountain high 
Looking at the moon through a clear blue sky 
I should go and see some friends 
But they don't really comprehend 

Don't need too much talking without saying anything 
All I need is someone who makes me wanna sing 

Take me to your heart take me to your soul 
Give me your hand before I'm old 
Show me what love is - haven't got a clue 
Show me that wonders can be true


เพลงนี้... อยากฟังซ้ำ... แต่ไม่เคยได้ยินจากเขาอีกเลย... นานนักหนาแล้ว
ทำไม?  ทำไม?  ทำไม?  ทำไม?  ทำไม?  ทำไม?  

ช่างเลือก... ดีนัก

ผลการวิจัย เผยวิกฤติชีวิตคนโสด "ยิ่งเลือกมาก คู่ยิ่งหาย"
ที่มา :  http://fanthai.com/news/topic.php?id_news=3186
นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษได้เปิดเผยผลการวิจัยที่ว่า ยิ่งคนเราเลือกมากเท่าไหร่ โอกาสที่สุดท้ายจะไม่มีคู่ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

โดยผลการศึกษาซึ่งเปิดเผยในวันนี้ (2 มี.ค.) ได้ทำการศึกษาผ่านการทดลองการออกเดทแบบเร่งด่วน ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในหมู่คนโสดยุคปัจจุบัน โดยให้ผู้ทำการทดลองได้ตัดสินความเหมาะสมของอีกฝ่ายหนึ่งหลังจากที่ได้พูด คุยกันเป็นเวลา 2-3 นาที และสิ้นสุดลงเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งดัง

ผลการประเมินพบว่า การทดลองกับคนจำนวนมากไม่ได้เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหา แต่ผู้ร่วมทดลองส่วนใหญ่กลับพบคนที่ถูกใจเมื่อถูกนำไปรวมกับคนจำนวนมาก แต่วิธีดังกล่าวกลับพบว่ามักจะได้ผลกับผู้ทดลองที่มีลักษณะนิสัยคล้ายคลึง กัน

และเมื่อทำการจับคู่คนที่มีความแตกต่างกันมาก คู่เดทกลับปฏิเสธซึ่งกันและกันด้วยปัจจัยขัดแย้งหลายประการ และจบลงด้วยการไม่เลือกใคร

"ผลการทดสอบของเราได้ชี้ให้เห็นว่า ยิ่งมีทางเลือกมากเท่าไหร่ยิ่งทำให้ผู้เลือกสับสนมากขึ้นเท่านั้น คนเรามีแนวโน้มที่จะไม่เลือกใครเลย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทางเลือกที่เพิ่มขึ้น" อลิสัน เลนตัน นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอดินเบระห์ สก็อตแลนด์ กล่าว

ผลการศึกษาดังกล่าวถูกตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ของอังกฤษ Biology Letters โดยทำการทดสอบ หญิง 1,868 คน และชาย 1,870 คน ซึ่งเข้าร่วมการเดท"แบบเร่งด่วน" ซึ่งมีการประกาศโฆษณาทั้งสิ้น 84 กลุ่ม

ผู้เข้าร่วมการทดสอบทั้งหมดซึ่งเป็นโสด จะต้องให้รายละเอียดด้านอาชีพ ระดับการศึกษา อายุ ความสูง น้ำหนัก และศาสนา เพื่อให้ผู้ทำการประเมินสามารถแยกแยะได้อย่างถูกต้อง

โดยผู้หญิงจะมีอายุระหว่าง 34.3 ปี และชาย 35.6 ปี 20% ของผู้หญิง และ 27% ของผู้ชาย มีระดับหน้าที่การงานสูง หรืออยู่ในระดับผู้บริหาร ขณะที่เหลือระบุว่าตนเองอยู่ใน"กลุ่มอาชีพที่ไม่ได้ใช้แรงงานที่มีทักษะ" หรืออาชีพอื่นๆ

ผู้ถูกทดสอบถูกจัดให้รวมกลุ่ม และพบปะกับกลุ่มคนโสดเพศตรงข้ามจำนวน 15-31 คน เป็นเวลา 3 นาที หลังจากนั้นผู้ทำการทดสอบได้ทำการจับคู่บุคคลที่มีความสนใจคล้ายคลึงกัน เพื่อเปิดโอกาสให้มีการออกเดทต่อไป

ในการทดลองแบบกลุ่มใหญ่ ผู้ถูกทดสอบ 123 คู่ แสดงความสนใจในการคบหาฝ่ายตรงข้ามอย่างชัดเจน เมื่อทั้งคู่มีความสนใจคล้ายคลึงกัน และตกลงเกือบ 1 ใน 4 เหลือ 88 คู่ เมื่อทั้งสองฝ่ายมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ขณะที่การทดลองแบบกลุ่มย่อย ผู้ถูกทดสอบ 85 คู่ แสดงความสนใจฝ่ายตรงข้าม เมื่อทั้งคู่มีความสนใจคล้ายคลึงกัน โดยลดลงเกือบ 1 ใน 3 เหลือ 57 คู่ เมื่อทั้งสองฝ่ายมีความแตกต่างกัน

นอกจากนั้นยังพบว่า ผู้ชายมีความกระตือรือร้นในการขอคบหามากกว่าผู้หญิง แต่ก็มีแนวโน้มที่จะสับสนมากกว่าหากว่ามีทางเลือกมากเกินไป

หรือสรุปแบบสั้นๆก็คือ ทางเลือกเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องอยู่ในปริมาณที่สามารถรับมือได้

"การรับมือกับความหลากหลาย จำเป็นต้องได้รับการเอาใจใส่และความจำที่ดี และเราต่างก็มีความสามารถในการรับมือได้ต่างกัน

"นี่ถือเป็นเรื่องธรรมดามากที่เราจะตัดสินคนอื่นแทบจะทันทีแม้ว่าเราเห็น เขาเพียงครู่เดียว และหากว่าได้ตัดสินไปแล้ว ก็เป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนแปลง"



โอ๊ะ โอว... ฉันอ่านบทรายงานสรุปผลการวิจัยทดลองเดทแบบเร่งด่วน จบไปแล้วหลายรอบ... 
คิดตามอยู่หลายตลบ ถ้าหากฉันเป็นหนึ่งในผู้ถูกทดสอบบ้าง จะเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย?
อย่างฉัน... คงจะมีตาไว้สำหรับมองเห็นและเลือก ก็เฉพาะ "เขา" คนเดียวเท่านั้น 
ที่คณะผู้วิจัยได้ข้อสรุปว่า คนโสด "ยิ่งเลือกมาก คู่ยิ่งหาย" มันจริงรึ? จริงซักแค่ไหนกันเชียว?
ขนาดประชากร กลุ่มตัวอย่าง อยู่แถบสก็อตแลนด์ งั้นหรือ? มิน่าล่ะ...
ไม่ลองมาทำวิจัยเรื่องนี้ที่แถวๆ บ้านฉันดูมั่ง... ลองมะ ลองมาทำดูซักครั้งดีมะ?
บางที พวกเขาอาจได้คำตอบที่ชัดเจนว่าบรรดาคุณเธอร้อยละเกือบร้อยที่เลือก... พี่ชายใจดี ของฉัน

และมันทำให้ฉันต้องล้างตาตัวเองอยู่ร่ำไป... ชิ



อันตรายจากความคิดถึง

คิดถึงเหลือเกิน...
ว่ากันว่า ความคิดถึง เป็นความรู้สึกเศร้าสร้อยหงอยเหงาของคนที่อยู่ห่างไกลจากบุคคลอันเป็นที่รัก... หรือบางที อยู่ใกล้ๆ กันแค่เอื้อมแต่มิอาจแสดงออก... แย่เลยเนอะ... มันทำให้เจ็บปวดหัวใจไม่ใช่เล่นๆ ฉันเองก็กำลังเผชิญกะมัน และปรารถนาจะหาทางแก้ไข ไม่ให้เจ็บปวดหัวใจจากการคิดถึง... มากไปกว่านี้
ฉันเคย อ่านมาว่า แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางโรคต่อมไร้ท่อ ระบุอย่างชัดเจนว่าคนเรามีต่อมคิดถึง ทำหน้าที่ในการหลั่งฮอร์โมนส์ "ทิงกิ้งออฟเตอรโรน" ออกมา เมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกว่า รักใครสักคนมากๆ อยากเห็นหน้า อยากเจอ อยากพูดคุย อยากกอด... ให้สมกับที่เฝ้าคิดถึง ถ้าแม้นว่าได้เห็นหน้า ได้เจอ ได้พูดคุย ได้กอด... ฮอร์โมนส์ดังกล่าว ก็จะเสื่อมสลายไป กลายเป็น ฮอร์โมนส์ "แฮปปี้โตโรน" ซึ่งไม่มีอันตราย หรือผลข้างเคียงใดๆ กลับจะทำให้จิตใจสดชื่น กระชุ่มกระชวย มีความสุข หน้าตาสดใส...
แต่ถ้าหากไม่ได้เจอ ไม่ได้พูดคุย เจ้าฮอร์โมนส์ "ทิงกิ้งออฟโตโรน" ก็จะจู่โจมเข้าสู่หัวใจ ทำให้เกิดอาการรุนแรงเฉียบพลัน... เจ็บปวดเจียนตาย... ทุรนทุราย... กระสับกระส่ายไม่เป็นอันกินอันนอน
บรรดาแพทย์สาขาต่างๆ ยังไม่สามารถค้นพบวิธีการรักษาเยียวยาอันตรายจากความคิดถึงให้หายขาดได้ ขึ้นอยู่กับว่าคนที่คิดถึงนั้นจะยอมมาให้เจอ มาพูดคุย มาให้โอบกอดได้หรือไม่ เมื่อใด... เท่านั้น
ฉันว่าใครก็ตาม ที่รู้ว่าตัวเองอยู่ในความคิดถึงของใคร แล้วยังอยากที่จะแกล้งทรมานเค้า... อ่ะ เอ้อ มันเป็นอะไรที่บาปมากนะ... ถ้าเป็นไปได้ ควรต้องมาหาเค้า มาพูดคุยกับเค้า เพื่อช่วยให้เค้าหายจากอาการเจ็บปวดทรมานซะ เป็นวิธีเดียวเท่านั้น... ที่ช่วยได้... ว่ามั้ย?

 
โอ๊ะ โอว... ลืมบอกข้อยกเว้น... ที่สำคัญไป...
ฉันเองยังไม่แน่ใจนัก... หรอกหนา 
แบบว่า ข้อแนะนำข้างต้นนั่น อาจนำไปใช้ได้ไม่ได้กะทุกรายอ่ะ
เพราะถ้าหากคนที่เราคิดถึงซะมากมายนั้น กลับบ้านเก่าไปก่อนแล้ว
แต่ยังคงคอยวนเวียนมาหาอยู่ร่ำไป มาคุย มาสะกิด ทุกบ่อย ๆ
เพียงเพื่อให้เค้าหายจากอาการเจ็บปวดทรมาน.... 
ฉันว่าไม่ใครก็ใครเป็นได้เผ่นกันป่าราบแน่คราวนี้
งั้น... ใครใคร่แก้ไขอันตรายจากความคิดถึง ประมาณไหน อย่างไร 
ก็ขอให้ใคร่ครวญให้รอบคอบก่อนเถิด นะ นะ
 อ๊ะจื๋ยยยย....!



วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2555

ก็มันเหงาอ่ะ

อย่าปล่อยให้คนคนนึงคิดถึงเธอ 


รู้ว่าขอบ่อย บ่อยจนเกินเข้าใจ 
อยู่นานนานได้ไหม มาหากันบ้างสิ 
ทั้งที่รู้อยู่ว่ามันดูไม่ดี แต่ความเหงาชนะทุกที 
อยากให้เธอเข้าใจ 

กลัวทุกอย่าง หวาดระแวงมันไปทุกอย่าง 
เธอยิ่งห่าง ยิ่งโหดร้าย 

อย่าปล่อยให้คนคนนึงคิดถึงเธอ 
รอคอยจนเพ้อจนเหนื่อยจะขาดใจ 
อยู่กับคำว่าเหงา ฉันกลัวเงาแห่งความหวั่นไหว 
ได้ยินแต่เสียงหัวใจ 
มันตะโกนใส่ร้ายว่าเธอไม่รักกัน 

รู้ว่าเธอเหนื่อย เหนื่อยกับฉันทุกวัน 
เหนื่อยกับความรำคาญ ผู้หญิงขี้เหงาไป 
คิดถึงเธอบ่อย บ่อยเท่าลมหายใจ 
อยู่คนเดียวก็ฟุ้งซ่านไป มันหลับตาไม่ลง 

กลัวทุกอย่าง หวาดระแวงมันไปทุกอย่าง 
เธอยิ่งห่าง ยิ่งโหดร้าย 

อย่าปล่อยให้คนคนนึงคิดถึงเธอ 
รอคอยจนเพ้อจนเหนื่อยจะขาดใจ 
อยู่กับคำว่าเหงา ฉันกลัวเงาแห่งความหวั่นไหว 
ได้ยินแต่เสียงหัวใจ 
มันตะโกนใส่ร้ายว่าเธอ ไปอยู่กับใครไปทำอะไร 

ทิ้งให้คนอ่อนไหว กอดความคิดถึง 
จนนอนหลับไปกับใจปวดร้าว 

อย่าปล่อยให้คนคนนึงคิดถึงเธอ 
รอคอยจนเพ้อจนเหนื่อยจะขาดใจ 
อยู่กับคำว่าเหงา ฉันกลัวเงาแห่งความหวั่นไหว 
ได้ยินแต่เสียงหัวใจ 
มันตะโกนใส่ร้ายว่าเธอไม่รักกัน 

ได้ยินแต่เสียงหัวใจ 
ถามว่าเธออยู่ไหน ทำไม.... ถึงไม่มา?



วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555

ฟ้าหลังฝน

เมื่อไม่กี่วันมานี่... ฉันเผชิญกับความหวาดกลัวอย่างสุดขีดตามลำพัง... กับพายุทอร์นาโดขนาดมหึมา ที่รวดเร็วและรุนแรงพอที่จะหอบเอารถบรรทุก 18 ล้อ ขึ้นไปลอยเคว้งคว้างในอากาศได้...
บ้านของฉันเป็นอพาร์ตเม้นต์ 3 ชั้น ห้องพักของฉันอยู่ชั้นที่ 2 ... ฉะนั้น อย่าหาเสียให้ยากเลย ห้องใต้ดินเพื่อหลบภัยอะไรนั่น...
ต่ะแรก ฉันไม่ได้รู้เนื้อรู้ตัวเลยสักนิด ว่ากำลังจะเจอเข้ากะอะไร...
วันนั้น... 3 เม.ย. 2012

อยู่ๆ ก็มีทั้งฟ้าทั้งฝน ครวญครางครืนๆ
ชวนให้ครวญคร่ำตามไปด้วย ซะจริงๆ
อะไรกันนักหนา หนอนี่ น่ากลัวจังเยย...
เจ้าตัวเล็กไปเรียนครึ่งวันเช้า และช่วงบ่ายก็ไปทำงานต่อที่ดัลลัส ซึ่งอยู่ไกลออกไปราว 40 นาที กว่าจะกลับเข้าบ้านก็คงเกือบเที่ยงคืน ฉันนั่งเขียนหนังสือเพลินๆ รู้ตัวอีกทีก็มืดจนต้องลุกไปเปิดไฟ ตอนนั้นเวลาประมาณ 13.30 PM. ฝนสาดอย่างไม่ปรานี ฉันต้องปิดหน้าต่างกระจกทุกบาน... ปิดม่านด้วย เพราะกลัวสายฟ้าเป็นที่สุด... ใจเต้นระทึก ตึ๊กตั๊ก... ทำไมมันน่ากลัวอย่างนี้หนอ... ยิ่งอยู่คนเดียวซะด้วย แค่จะหวีดร้องซักแอะก็ยังไม่กล้า... ฝนฟ้ากระหน่ำอยู่ราวครึ่งชั่วโมง ไม่มีทีท่าว่าจะซาง่ายๆ... เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น... เจ้าตัวเล็กโทรมาแจ้งว่าทอร์นาโดกำลังโจมตีอยู่หลังบ้าน ห้ามออกไปไหนโดยเด็ดขาด... โอ๊ย หัวใจจะวาย... พอลูกวางสาย เสียงหวูดหวอก็หวีดขึ้นอย่างโหยหวน ยิ่งทำให้สติเตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่... ที่ฉันคิดออกมีแค่เรื่องลูกอย่างเดียวเท่านั้น เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง?... ขอให้คุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครองเขาด้วยเถิด เจ้าประคู้ณ... ยามนั้น ฉันไม่สามารถติดต่อกลับไทยเลย... เพราะหม้อแปลงขนาดใกล้ๆ บ้าน ใหญ่ระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว... ไม่มีไฟฟ้าใช้ Net ก็ใช้ไม่ได้... เพื่อยุติความตื่นตระหนกฉันจำต้องนอน... สั่งตัวเองให้นับแกะ และสวดมนต์ผิดๆ ถูกๆ จนผล็อยหลับไปงีบใหญ่ ตื่นมาอีกทีราวสี่โมงเย็น ซึ่งทุกอย่างได้สงบลงแล้ว... ฉันไม่เป็นไร... บ้านของฉันไม่มีอะไรเสียหาย... เจ้าตัวเล็กก็ปลอดภัยดี... ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า...ขอบคุณยิ่งแล้ว...  จากนั้น ฉันลองออกไปเดินรอบๆ หมู่บ้าน...
ท้องฟ้าโปร่ง อากาศแจ่มใส มีนกร้องเพลงอยู่ตามต้นไม้...
สดชื่นจัง เหมือนกับว่าเมื่อสักครู่นี้ไม่เคยมีเหตุร้ายใดๆ มาแผ้วพาน
ฉันเห็นร่องรอยความเสียหายพอประมาณ...
รถตำรวจเข้ามาในหมู่บ้านสามคัน ขับพ้นไปทางอาคารอื่นๆ
ความที่ยังสื่อสารไม่เก่ง และไม่คิดจะทำตัวเป็นไทยมุง ฉันจึงกลับเข้าบ้าน...

ฉันเชื่อเรื่องฟ้าหลังฝน... นะ
แม้ว่า... จะไม่ค่อยมีวี่แววเป็นจริงสักเท่าไหร่นัก...
ฉันจะปลูกมะพร้าวน้ำหอมซัก 200 ต้น ด้วยสองมือของฉัน...

สวนมะพร้าวน้ำหอม... อยากทำ ๆ (7 รูปภาพ)


แซมด้วยผักพื้นบ้านที่ปลูกด้วยใจ และใส่ปุ๋ยคอก
มีไม้ดอกกลื่นรวยริน เคล้ากลื่นดิน... ห้อม... หอม
จะปลูกบ้านหลังเล็กๆ ที่ท้ายสวนและอยู่กันสองคนตายาย...

เราจะรักและดูแลกันไปจนวันตาย...
 เฮ้อๆๆๆๆ... เฮ้อ!
มันจะเป็นจริงได้หรือเปล่าน้อ?...

วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2555

ขึ้นสวรรค์

ฉันเคยคำนวนคร่าวๆ  ว่าคนเราน่าจะมีชีวิตอยู่ได้ราว 26,645 วัน (เชิญลดหรือเพิ่มได้ตามต้องการ นะจ๊ะ นะจ๊ะ) ฉันแน่ใจว่า ผู้คน "ร้อยทั้งร้อย" คงไม่มีใครปรารถนาที่จะตกนรกหมกไหม้... แม้ว่าจะไม่เคยมีประสบการณ์ตรงจากใครเอามาตีแผ่ให้เห็นอย่างจะๆ ว่าสภาพที่แท้จริงในนรกเป็นอย่างไร... และในทางตรงข้าม ผู้คน "ร้อยทั้งร้อย" ล้วนปรารถนาที่จะได้ขึ้นสวรรค์ ทั้งๆ ที่ก็ไม่เคยมีบริษัทจัดทัวร์สวรรค์มาก่อนเช่นกัน...
อืมห์ ... เป็นอย่างที่ใครๆ (ก็ไม่รู้) เขาว่ากันว่า... สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ...
มันคงใกล้เกินไปจนมองไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร ... งั้นสินะ

ดินแดนแห่งสวรรค์... มีจริงรึ?

อย่าเพิ่งซีเรียส ไปนักเลย... ฉันอยากเห็นเพื่อนๆ มีรอยยิ้มมากกว่า นะ
เวลาที่อ่านเรื่องเล่าของฉัน... อยากให้ทุกคนมีแต่ความสุขทุกครั้ง... ทุกเรื่องไป... จำไว้นะ

งั้น... วันนี้ ฉันจะเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวบนสวรรค์ก็แล้วกัน... จำขี้ปากคนอื่นเขามาอีกทีน่ะ
ฮื๊อ... อย่าเพิ่งเซ้าซี๊ถามอะไรเลย... ไปอ่านดูก่อนเถิด...

เรื่องของเรื่อง มีอยู่ว่า...

มีสาวๆ สวยๆ อยู่ 3 คน เป็นเพื่อนซี้กันมานาน...
วันหนึ่งเกิดโชคร้าย ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตลงพร้อมๆ กัน โดยที่ 1669 ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือโดยการทำ CPR ได้สำเร็จ... กดหน้าอกก็แล้ว... เป่าปากก็แล้ว...
และแล้ว ดวงวิญญาณของพวกเธอก็ออกจากร่าง...

พุ่งตรงไปขึ้นบนสวรรค์ทั้ง 3 คน ไม่มีใครทิ้งใคร

ที่ประตูสวรรค์ มีผู้ดูแลสวรรค์ยืนเฝ้าหน้าประตูอยู่ลำพัง เอ่ยต้อนรับและให้คำแนะนำแก่พวกเธอว่า
"ยินดีต้อนรับสู่สวรรค์ เชิญเข้ามาได้ ที่นี่เรามีกฎอยู่ข้อเดียวเท่านั้นคือ...ห้ามเหยียบเป็ดโดยเด็ดขาด"
ทั้งสามสาวรู้วึกงวยงงไปตามๆ กัน กับกฎที่ว่านั่น ได้แต่กรอกตาไปมา มิกล้าพอที่จะยิงคำถามคาใจ...
จนเมื่อพวกเธอผ่านประตูเข้าไปยังด้านในของสรวงสวรรค์กันแล้ว จึงถึงบางอ้อ...

ห้ามเหยียบโดยเด็ดขาด นาเฟร้ยยยยยส์...

ที่นั่น... เต็มไปด้วยเป็ดๆ และเป็ด แน่นขนัดไปหมด มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่ให้เหยียบเป็ด...
พวกเธอต้องใช้ความระมัดระวังกันอย่างสุดฤทธิ์...
ไม่ทันเท่าไหร่ หญิงสาวคนแรกก็พลาดท่า เหยียบเป็ดเข้าจนได้...
ผู้ดูแลสวรรค์ปรี่มาหาเธอพร้อมกับชายหน้าตาแสนอัปลักษณ์อย่างที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา...
ผู้ดูแลสวรรค์ กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันว่า...
"เธอเหยียบเป็ด ดังนั้นเธอจะต้องถูกผูกติดกับชายคนนี้ไปตลอดกาล" แล้วก็จัดการผูกมัดทั้งคู่ให้ติดกันอย่างแน่นหนา ก่อนจะเดินจากไป...

ถัดมาไม่นานนัก หญิงสาวคนที่ 2 ก็พลาดท่าเหยียบเป็ดเข้าให้อีกคน... และถูกกระทำเช่นเดียวกับเพื่อนรายแรก... เป็นเหตุให้หญิงสาวคนที่ 3 รู้สึกพรั่นพรึง หวาดวิตกเสียยิ่งนัก...
เธอกลัวมาก... ไม่อยากถูกกระทำเช่นนั้นด้วยอีกคน จึงเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ ในทุกๆ ฝีก้าว...
จนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน เธอยังไม่ได้พลาดท่าเหยียบเป็ดเลยสักตัว... ออกจะเกร็งมากถึงมากที่สุด...

และแล้ววันหนึ่ง ผู้ดูแลสวรรค์มาหาเธอพร้อมกับหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง ที่ทำให้เธอถึงกับอ้าปากค้าง...
ผู้ดูแลสวรรค์ได้จับทั้งคู่ผูกติดกันอย่างแน่นหนา...แล้วเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว...
หญิงสาวรู้สึกปลื้มปิติ ดีใจมากๆ หัวใจเต้นรัวตู้มต้ามแทบจะระเบิดออกมานอกอก... เธอพยายามอดกลั้น เก็บความรู้สึกทั้งปวงไว้ในใจ... แต่ก็ทำได้ไม่นาน...ในที่สุด เธอก็กระมิดกระเมี้ยนเอ่ยถามชายคนนั้นว่า
"คุณรู้มั้ยคะ ว่าอะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้เราทั้งสอง ต้องมาผูกติดกันเช่นนี้?"
ชายคนนั้นมีท่าทีหงุดหงิด อารมณ์เซ็งสุดขีด โพล่งออกมาว่า...
"ผมไม่รุ แต่ที่แน่ๆ ผมเหยียบเป็ด"

อาห์... รู้แระ... 

ต่อไปนี้ ถ้าใครได้ขึ้นสวรรค์... ห้ามเหยียบเป็ด น่ะ... เข้าใจ๋?


วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2555

ตำนานรักข้ามสายพันธุ์

ปฏิเสธกันไม่ได้จริงๆ ว่าความรัก คือ สิ่งสำคัญต่อจิตใจผู้คนมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์... ศึกษาได้จากตำนานรักก้องโลกของผู้มีชื่อเสียง ที่ยังคงปรากฎแก่สายตาผู้คนยุคถัดมาอย่างงดงาม น่าประทับใจ และมีจำนวนมากมายจนนับไม่ถ้วน ซึ่งขอยกตัวอย่างให้เห็นพอสังเขป ได้แก่...

  • ตำนานรัก ทัชมาฮาล ประเทศอินเดีย 
อนุสาวรีย์แห่งความรัก ทัชมาฮาล 

  • ตำนานรัก โรมิโอ จูเลียต ของกวีเอกเชคสเปียร์  เมืองเวโรน่า ประเทศอิตาลี
ระเบียงรักก้องโลก 
โศกนาฏกรรมรักที่เป็นตำนาน คู่กับ เวโรน่า

อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์
ที่พระราชวังบางปะอิน
 
  • ตำนานรักเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว จังหวัดปัตตานี
เทวรูปเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว

สำหรับวันนี้  ฉันขอนำเสนอเรื่องราวความรักในแง่มุมที่ต่างไปโดยสิ้นเชิง... เป็นความรักใคร่ผูกพันอย่างลึกซึ้งของสัตว์หนุ่มสาวข้ามสายพันธุ์ ซึ่งเกิดขึ้นจริงที่ประเทศจีน ในที่นี้ได้แก่...

"ฉังเหมา" กับ "ฉุนจื่อ"
แกะและกวางแห่งอุทยานสัตว์ป่าหยุนหนัน ประเทศจีน
สัตว์ต่างพันธุ์ทั้งสองนี้ ได้มาพบและครองรักกันอย่างสุดแสนโรแมนติกจนเป็นที่ฮือฮาไปทั่ว... เรื่องราวของมันทั้งคู่ถูกตีแผ่โดยละเอียดผ่านสังคมออนไลน์จีน เวยปั๋ว และชาวเน็ตจีนได้ไปค้นหาข้อมูลเบื้องลึกเบื้องหลังกันถึงถิ่นที่อยู่... ต่างก็ได้ประจักษ์กับตาตัวเองว่าชีวิตของพวกมันช่างดราม่าราวกับละครเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว...

ฉังเหมา เป็นแกะหนุ่ม อายุ 2 ปี (เกิดเมื่อปี 2009) ตอนที่มีอายุได้แค่เดือนเศษ ถูกย้ายไปเลี้ยงดูในเขตเลี้ยงกวางแห่งอุทยานสัตว์ป่าหยุนหนัน และเติบโตขึ้นมา... จนได้พบรักกับกวางสาวแสนสวยที่มีนามว่า ฉุนจื่อ

ผู้ดูแลสวนสัตว์มักจะเห็นทั้งสองอยู่เคียงข้างกันเสมอๆ แม้ว่าจะมีกวางหนุ่มผู้เป็นจ่าฝูงมาทำท่าให้ความสนใจเป็นพิเศษในตัวกวางสาวฉุนจื่อ แต่เธอไม่ยอมเล่นด้วย... ยังคงเทใจคบหาใกล้ชิดเฉพาะกับแกะหนุ่มฉังเหมาที่พูดคนละภาษา อีกทั้งรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนเหล่ากวางที่เธอคุ้นเคยแม้แต่น้อย สร้างความไม่พอใจให้กวางจ่าฝูงเป็นที่ยิ่ง จนถึงกับต้องต่อสู้ประลองกำลังกันอย่างรุนแรง ในที่สุดแกะฉังเหมาเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ และกลายเป็นจ่าฝูงตัวใหม่... จากนั้นเป็นต้นมา กวางหนุ่มที่ได้กลายเป็นอดีตจ่าฝูงก็เลิกตอแยฉุนจื่อไปโดยปริยาย...

ต่อมา... แกะฉังเหมาถูกย้ายไปอยู่ยังที่แห่งใหม่... แน่นอนว่าต้องเป็นกลุ่มครอบครัวแกะเอง... และที่นี่ ก็ได้เกิดปัญหาความร้าวฉานขึ้นภายใน เมื่อลูกแกะตัวเล็กๆ มักจะถูกฉังเหมาผู้เป็นพ่อขับไล่โจมตีอยู่บ่อยๆ สันนิษฐานกันว่า คงเป็นเพราะฉังเหมาคุ้นเคยกับกวางมากกว่าเพราะคลุกคลีกันมาตั้งแต่เล็ก...
อยู่ได้ไม่นานเท่าไรนักก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อกวางฉุนจื่อยกพวกเพื่อนกวางไปพังรั้วที่กั้นระหว่างเขตเลี้ยงกวางกับเขตเลี้ยงแกะ... แม้จะไม่สำเร็จ แต่ฉุนจื่อกลับอาศัยช่องว่างของรั้วกระโดดข้ามไปหาแกะหนุ่มผู้เป็นที่รักได้สำเร็จ สร้างความซาบซึ้ง ประทับใจให้กับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นอย่างยิ่ง...
ท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ก็ยอมแพ้ให้กับความรักข้ามสายพันธุ์ ตัดสินใจย้ายพ่อพันธุ์แกะหนุ่มฉังเหมากลับไปอยู่ร่วมกับฉุนจื่ออันเป็นที่รักและบรรดาครอบครัวกวาง... ขณะที่แม่พันธุ์แกะกับลูกแกะแยกตัวมาอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่จัดไว้ให้ใหม่ อย่างยอมรับสภาพความพ่ายแพ้และสิ้นหวัง...

เพื่อนๆ ทั้งหลายที่อ่านมาจนถึงตอนท้ายนี้ รู้สึกอย่างไรกันบ้าง? คะ... บอกหน่อยได้ไหม?
คุณเห็นใจหรือเข้าใจจิตใจของฝ่ายไหน?... กวาง... แกะ... หรือตัวคุณเอง?
หือม์?.... อะไรนะ... อ๋อ ไม่เชื่อฉันงั้นเหรอ?...
ไม่เป็นไร มิได้...
งั้น... คุณดูด้วยตาตัวเองก็แล้วกัน... เชิญ!

http://v.youku.com/v_show/id_XMzI5MzI2Njk2.html